เมื่อเขาพูดจบซือหยูชักกระบี่ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์และพลิกฝ่ามือซัดกระบี่ใส่คนที่อยู่ใกล้สุด เหยื่อของเขาคือชายที่เพิ่งจะพูดอย่างดุดัน
โลหิตแดงสดกระจายทุกหนแห่งทุกคนในเหตุการณ์เงียบกริบ ไม่มีใครคิดว่าจู่ ๆ ซือหยูจะฆ่าคนอย่างป่าเถื่อนโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง!
พวกเขายืนตัวแข็งทื่อมองร่างไร้วิญญาณที่ล้มลงไปกองกับพื้นอย่างโศกเศร้ายอดฝีมือเร่ร่อนคนอื่นที่เพิ่งจะต่อต้านซือหยูต่างหน้าซีดด้วยความหวาดผวา
“ซือหยูเซี่ยนเจ้า…เจ้าฆ่าคนงั้นเรอะ!”
ชายหนุ่มร่างกำยำหนวดเฟิ้มที่เป็นสุดยอดในดินแดนของเขาตกตะลึงและโกรธเกรี้ยว
ซือหยูยืนถือกระบี่เงินที่มีคราบเลือดด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
“ฆ่ามันแล้วจะทำไม?ข้าไม่มีความอดทนต่อคนที่ตั้งใจจะขัดขวางความเป็นหนึ่งเดียวของพวกเรา พวกมันต้องถูกกำจัด! ไม่มีข้อยกเว้นอะไรทั้งนั้น!”
ความอวดดีโอหังของซือหยูทำให้หลายคนไม่พอใจแม้แต่คนที่ไม่ใช่ยอดฝีมือเร่ร่อนก็มิอาจทนมองเขาได้อีกแล้ว
“ซือหยูเซี่ยนเจ้าคิดว่าพวกข้าเป็นทาสที่เจ้าจะสังหารได้ตามใจเรอะ?”
เฉียนเฟิงชี้บ่อโลหิตบนพื้นด้วยความโมโห
ยอดฝีมือหลายคนมีสีหน้าไม่พอใจแบบเดียวกันเขาคิดว่าเขาสามารถบงการความเป็นความตายของคนอื่นได้เพียงเพราะเขามีปฏิญาณสัตย์ดวงใจในมือหรือ?
ซือหยูมองเขาอย่างไร้อารมณ์เขาไม่คิดจะอธิบายด้วยซ้ำ
“เจ้าระวังความคิดตัวเองให้ดี!ถ้าต้องสู้ข้าอาจไม่กลัวเจ้า!”
เฉียนเฟิงก้าวมาข้างหน้าด้วยความมั่นใจ
เฉียนเฟิงที่เป็นยอดฝีมือลำดับสองแห่งดินแดนมีดสวรรค์ย่อมมีไพ่ตายของตนเองเขามั่นใจว่าจะไม่พ่ายแพ้ต่อซือหยู
“หยุดเดี๋ยวนี้”
ปี้หลิงเทียนพูดด้วยเสียงราบเรียบ
“เจ้าสู้เขาไม่ได้เจ้าเข้าใจผิดว่าเขาอวดดี”
เขาสะบัดแขนเบาๆ ศพยอดฝีมือที่กองพื้นกลายเป็นควันดำ กลิ่นอายนั้นคล้ายกับหมาดำตัวนั้น
มันคือมายา!
เฉียนเฟิงตัวแข็งทื่อเขาพูดอะไรไม่ออก
“น้องซือข้านับถือเจ้านักที่มองรายละเอียดที่เล็กที่สุดออกได้”
ปี้หลิงเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้มเขาประสานมือ เขาเหลือบมองยอดฝีมือเร่ร่อนหลายคนและหรี่ช้าช้าๆ
“ในโลกของวิบัติวิชาจะมีจ้าวเทวะระดับสามที่เอาชนะจ้าวเทวะระดับหกได้ยังไง?”
จ้าวเทวะคนนั้นสามารถเอาชนะจ้าวเทวะระดับสูงหลายคนด้วยตัวเองได้!ลำพังเรื่องนี้ก็มีข้อกังขาอยู่แล้ว!
ในบรรดาผู้ที่มีพลังน้อยณ ตรงนี้จะต้องมีพลังที่สั่นสะเทือนโลกได้อย่างซือหยู เขาเอาชนะคนทั้งสองหมื่นคนที่มีพลังสูงกว่าได้โดยไม่พลาด!
สิ่งนี้เป็นไปได้แต่มันจะเป็นไปได้รึที่มีคนอย่างเขาอีกคน?
คำอธิบายเดียวก็คือพวกเขาไม่ได้ออกมาจากแดนมายาของวิบัติวิชามาเลยเหล่าผู้ที่อ่อนแอจะต้องตื่นตามหลังคนที่แข็งแกร่งกว่า
ด้วยการที่ฝูงสัตว์อสูรกำลังมาแค่เรื่องแต่งเรื่องเดียวก็ก่อให้เกิดความวุ่นวายได้!
ฉั่วะ! ปี้หลิงเทียนมองด้วยแววตาเยือกเย็นดั่งน้ำแข็งเพียงพริบตาเดียว ยอดฝีมือเร่ร่อนหลายคนที่เพิ่งพูดเมื่อครู่ก็ตายไปพร้อมกัน
ในบรรดาคนทั้งหกสี่คนได้กลายเป็นพลังอสูรทมิฬ แต่มีร่างสองคนนอนราบอยู่กับพื้น ความโศกเศร้าและความไม่เต็มใจยังคงแสดงออกมาให้เห็น พวกเขาโดนลูกหลงในการฆ่า!
ซือหยูหันไปมองตาปี้หลิงเทียนที่อ่อนโยนในเบื้องหน้าแท้แต่จริงแล้วเขาคือคนที่โหดร้ายและไร้หัวใจที่สุด!
แน่นอนว่าหมาดำได้สร้างมายาในหมู่ยอดฝีมือเร่ร่อนแต่ก็มีคนที่เป็นคนจริง ๆ เข้าไปร่วมวงด้วยตามคนกลุ่มหนึ่ง ปี้หลิงเทียนที่ฆ่าทุกคนอย่างไม่สนใจนั้นแสดงความโหดร้ายป่าเถื่อนของตัวเองออกมาได้เป็นอย่างดี
“พวกที่คล้อยตามอุบายไอ้หมานั่นน่าขยะแขยงยิ่งกว่า”
ปี้หลิงเทียนยิ้มอย่างอ่อนโยนความเยือกเย็นของเขาลดลงไป
“ควันไฟอาจก่อให้เกิดประกายไฟเพียงเท่านั้นแต่พวกโง่ที่หลงเชื่อคือคนที่ทำให้เกิดการลุกลาม ฆ่าคนพวกนี้ไปถือว่าไม่ผิดบาป”
ปี้หลิงเทียนยิ้มอย่างสงบใจเมื่อมองฝูงสัตว์อสูรนอกหอคอย
“ฝูงสัตว์อสูรมาถึงหน้าประตูของพวกเราแล้วพวกเราต้องรับมือกับพวกมันจนกว่าทุกคนจะตื่นขึ้นตามที่น้องซือชี้แนะ”
“ได้เลยข้าจะไปก่อน”
ตงฟางเถียนเฟิงอาสาอย่างกล้าหาญนางยกมือเรียกศพสองคนเข้ามาหานาง พร้อมกันนั้นนางยังหยิบขวดแก้วขนาดเล็กออกมา มีเมล็ดแก้วมากมายอยู่ในขวดนั้น นางรินเมล็ดเล็กน้อยออกมาบนบาดแผลของร่างที่ตาย แก้วแผงใหญ่เติบโตบนร่างสองทั้งสองจากภายใน แค่พริบตาเดียวทั้งสองก็กลายเป็นกายแก้ว
ก๊อง!ก๊อง! เสียงใสดังเมื่อเคาะร่างไร้วิญญาณตงฟางเถียนเฟิงจัดการทั้งสองร่างให้อยู่หน้าประตูบานหนึ่งเพื่อป้องกันทางเข้า
นางปรบมือ
“ดีล่ะพวกนั้นน่ะแข็งแกร่ง ถ้าอสูรเนรมิตรไม่ลงมือ ฝูงสัตว์อสูรก็เข้ามาไม่ได้”
นี่มันผลึกหญ้า!
ใบหน้าของเหล่ายอดฝีมือเปลี่ยนเล็กน้อยเมื่อได้เห็นผลึกหญ้านั้นเป็นสิ่งสืบทอดของคนจากตระกูลบูรพาเท่านั้น ทั้งโลกรู้เรื่องนี้ดี
แม้อสูรเนรมิตรที่มีชื่อเสียงพวกเขาต่างหวาดกลัวมัน เมื่อผลึกหญ้าเข้าสู่ร่างกายและได้สัมผัสโลหิต มันจะเติบโตราวกับระเบิด
มันเปลี่ยนทั้งร่างให้กลายเป็นผลึกแก้วจากภายในสู่ภายนอกอสูรเนรมิตรที่เพิ่งจะทะลวงพลังแทบจะต้านทานการเบ่งบานของเมล็ดไม่ได้ สุดท้ายพวกเขาจะตายจากการเป็นผลึกในที่สุด คนในทวีปรู้ความน่าสะพรึงกลัวและความทุกข์ทรมานของคนที่ตายไปแล้วเป็นอย่างดี
ฮั่นเฟยเลิกใช้สุริยาทมิฬและมองคนที่เหลือ
“มีทางเข้าอีกหกทางใครจะมากัน?”
ซือหยูปี้หลิงเทียน และยอดฝีมือจากต่างแดนรับหน้าที่ปกป้องทางเข้าคนละทาง
ปี้หลิงเทียนเผยวิชาอันน่าตกตะลึงของตนออกมาอีกครั้งเขาใช้วิชาผนึกอย่างต่อเนื่องพร้อมกันสิบแปดวิชา เขาปิดทางเข้าได้ในหนึ่งลมหายใจ ฝูงสัตว์อสูรมิอาจทำลายชั้นผนึกได้เลย
เมื่อเห็นวิชาของเขาซือหยูครุ่นคิด เขายิ่งสงสัยในตัวปี้หลิงเทียนมากกว่าเดิม
วิธีปิดประตูของซือหยูนั้นเรียบง่ายกว่าเขาปิดทางเข้าด้วยมุกบาดาล ไม่ว่าสัตว์อสูรจะทำอย่างไร ทางเข้าก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย
ทางเข้าอีกสี่ทางถูกยอดฝีมือที่เหลือใช้พลังพิเศษปิดเอาไว้หากพวกเขาต้านไว้เช่นนี้ คนที่ยังไม่ตื่นก็จะมีเวลาเพิ่ม
หนึ่งวันต่อมามีมากกว่าสองพันคนที่ตื่นขึ้น นับเป็นจำนวนหนึ่งในสิบของคนทั้งหมด หากมีคนเหล่านั้น การต้านทานฝูงสัตว์อสูรก็เป็นเรื่องง่าย
สองวันต่อมามีมากกว่าสี่พันคนที่ตื่น
สามวันต่อมา…
…
เมื่อถึงวัะนที่เจ็ดวิบัติวิชาได้จบลง
มีมากกว่าสิบคนที่ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นจากโลกมายาแม้จะยืดเวลาให้อย่างยาวนานกายหยาบของพวกเขาเริ่มสั่นและอ่อนแอลงจนหมดลมหายใจสุดท้าย
“พวกมันยิ่งกว่าสิ้นหวังการต่อสู้ในโลกมายากัดกินวดวงวิญญาณ ยิ่งอยู่นานเท่าใดวิญญาณก็ยิ่งอ่อนแอลงเท่านั้น เจ็ดวันแล้วยังไม่ตื่นหก็หมายความว่าพวกนั้นพ่ายแพ้แล้ว”
ปิงหวูชิงกล่าว ซือหยูมองคนเหล่านั้นอย่างเสียดายเพราะพวกเขาเหล่านั้นคือผู้มีพรสวรรค์ในดินแดนของตัวเอง เป็นเรื่องไม่ดีนักที่พวกเขาต้องมาหมดลมหายใจในที่แบบนี้
“พวกเราทำดีที่สุดแล้วถึงเวลาจัดการไอ้พวกสัตว์อสูรข้างนอกนั่น พวกมันจะต้องได้รับบทเรียน!”
“ฮ่าๆๆๆข้าทนกลิ่นพวกมันมาเจ็ดวันแล้ว ถึงเวลาล้างกลิ่นมันด้วยเลือดซักที!”
นักสู้กลุ่มใหญ่ทั้งสองหมื่นคนกลุ่มนี้มีแต่จ้าวเทวะในสายตาพวกเขา สัตว์อสูรนอกหอคอยเป็นเพียงแค่พวกไร้ฝีมือและจัดการได้ง่าย หลายคนกำมือลูบหมัดด้วยใจจดจ่อ
“หึหึข้าได้ยินว่าโอกาสได้รางวัลหลังจากผ่านวิบัติวิชาแทบจะแน่นอน รางวัลข้าจะอยู่ในฝูงสัตว์อสูรนั่นรึเปล่านะ?”
“แน่นอน!เจ้าสำนักบอกข้าว่าเขาเจอกับสัตว์ประหลาดในป่าหลังจากผ่านวิบัติวิชา พอฆ่ามัน เขาก็ได้ตำราหายากจากฟันของสัตว์อสูรตัวนั้น ตำราเล่มนั้นทำให้เขาเป็นเจ้าสำนักได้ในทุกวันนี้”
“ข้าได้ยินเรื่องแบบนั้นมาเหมือนกันผู้เฒ่าสำนักข้าบอกว่าเขาเดินอยู่บนถนนหลังจากวิบัติวิชา เขาเห็นสัตว์อสูรแบกโครงกระดูกเก่าบนหลังเดินมาหาเขา แล้วก็มีสมบัติของเจ้าของโครงกระดูกอยู่กับมัน!”
ทุกคนต่างแลกเปลี่ยนความคิดบรรยากาศเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ราวกับว่าพวกเขาทุกคนมั่นใจว่าจะได้รางวัลจากแดนมณีในอีกไม่นาน!
แม้แดนมณีจะเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยมหันตภัยและอันตรายรางวัลที่ได้ก็คือความจริงที่มิอาจผิดเพี้ยน
ซือหยูสังเกตเห็นและมิอาจหยุดคนเหล่านี้ได้เมื่อทุกคนตื่นขึ้นมา พวกเขาไม่ฟังคำสั่งของซือหยูอีกแล้ว ซือหยูไร้พลังที่จะหยุดทุกคนในเวลานี้
และก็เป็นอย่างที่คิดคนที่ทำหน้าที่คุ้มกันประตูต่างเลียริมฝีปากและเปิดผนึก พวกเขาเป็นผู้นำฝ่าวงล้อมออกไปด้านนอก เพียงเสี้ยววินาที เสียงกรีดร้องจากความเจ็บด้วยก็ดังทะลวงฟ้า สัตว์อสูรกลุ่มใหญ่ถูกฆ่าอย่างทารุณ
สัตว์อสูรฝูงมหึมาถูกคร่าชีวิตโดยกลุ่มยอดฝีมือที่พากันออกจากหอคอย
ซือหยูกับคนจำนวนหนึ่งเป็นเพียงพวกเดียวที่ไม่ได้ลงมือทำอะไรเขาแอบระวังตัวเองต่อหมาดำอย่างลับ ๆ แลบะมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบ
เมื่อเหลือบมองฝูงสัตว์อสูรซือหยูหันไปสนใจร่างสัตว์อสูรที่ตายแล้วตัวหนึ่งพร้อมกับผงะ
เขาออกจากหอคอยไปยังศพของสัตว์อสูรตัวนั้นโดยมีปิงหวูชิงมองด้วยความตกใจเขาย่อตัวลงตรวจดูร่างกายของมันและใบหน้าเคร่งเครียด จากนั้นซือหยูก็ไปตรวจดูซากศพที่เหลือ ใบหน้าเขาหม่นหมองยิ่งกว่าเดิม
“ทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้!” ซือหยูบินขึ้นฟ้าพร้อมตะโกนด้วยพลังชีวิตราวกับได้ตระหนักถึงบางอย่างที่น่าตกใจและเร่งด่วนเป็นอย่างมาก
หลายคนหยุดมือแต่หลายคนก็เพลิดเพลินกับการสังหารและไม่สนใจคำพูดของซือหยูโดยสิ้นเชิง แววตาของพวกเขาแดงก่ำไปด้วยโลหิต
“เกิดอะไรขึ้น?”
ปิงหวูชิงบินไปข้างๆ เขาด้วยความตกใจบนใบหน้า
ฮั่นเฟยกับคนที่เหลือบินตามไปและเหลือบมองซากสัตว์อสูรที่ซือหยูเคยมองด้วยความสงสัยความกังขาของพวกเขาแปรเปลี่ยนเป็นความตกใจ หลายคนหน้าถอดสีอย่างรวดเร็ว
“นี่คือวิบัติสัตว์อสูรของจริง!”
ฮั่นเฟยสูดหายใจนางยกดัชนีขึ้นทำลบายซากสัตว์อสูรที่คล้ายกวางสีเขียว
อวัยวะภายในของมันทะลึกออกมาแต่ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นอวัยวะของมนุษย์! หัวใจ กระเพาะปัสสาวะ ปอด…ทั้งหมดคือเครื่องในของมนุษย์!
“นี่มันอะไรกัน?”
เหล่ายอดฝีมือที่มาดูใกล้ๆ กลืนน้ำลาย พวกเขาลองชำแหละซากศพสัตว์อสูรอื่นดู
และแล้วสิ่งเดียวกันก็ได้เกิดขึ้นซากศพมีรูปลักษณ์เป็นสัตว์อสูร แต่ภายในคือมนุษย์!!
“อย่าบอกนะว่า…”
คนที่นี่ทุกคนคือบุคคลชั้นสูงแแห่งจิวโจวพวกเขาฉลาดล้ำเลิศ พวกเขาจะคิดไม่ได้เลยหรือ?
เมื่อพวกเขาตระหนักได้ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความสะพรึงกลัว
ผู้หญิงบางคนตัวสั่นอย่างแรงเมื่อมองโลหิตในมือพวกนางร้องไห้ด้วยความเศร้าหมอง
ปิงหวูชิงหายใจเข้ายาวนางมองฝูงสัตว์อสูรด้วยมือสั่นระริก ในดวงตาเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง
“พวกเจ้าทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้!มิเช่นนั้นจะถูกฆ่าโดยไม่มีข้อยกเว้น!”
พรึ่บ!
กระบี่เก้าเล่มก่อตัวที่ด้านหลังของนางในเสี้ยววินาทีสามเล่มพุ่งไปทะลวงเมฆด้านบน
มีเพียงไม่กี่คนที่หยุดหลายคนนั้นกำลังตกอยู่ในความคุ้มคลั่ง! จะโทษพวกเขาที่บ้าคลั่งก็ไม่ได้เพราะหลังจากได้ฆ่า สัตว์อสูรบางตัวได้คาดสมบัติ วิชาบ่มเพาะ หรือแม้กระทั่งโอสถออกมาจากปากจริง ๆ อย่างที่ข่าวลือบอก
แม้ว่าจะไม่เป็นสมบัติชั้นสูงอย่างที่ลือตามกันมาพวกมันก็นับว่าเป็นรางวัลที่ยุติธรรมสำหรับหลายคน พวกเขาจะทิ้งผลประโยชน์ให้หลุดมือไปในเวลานี้หรือ?
ฝูงสัตว์อสูรจางลงเพราะมีหลายตัวที่ถูกฆ่าไป
แต่จากนั้นเสียงหนึ่งดังสะท้อนไปทั่วทุกคน
“ศิษย์ตำหนักโลหิตฟังข้าให้ดี ฆ่า…”
ปิงหวูชิงมีความปรารถนาในการฆ่าอย่างรุนแรงแต่ซือหยูหยุดนาง เขาถอนหายใจ
“สายไปแล้ว”
ในตอนนั้นเองเหล่าคนที่ดวงตาแดงก่ำไปด้วยจิตสังหารคุ้มคลั่งต่างตัวสั่นอย่างน่ากลัว พวกเขาล้มลงกับพื้นราวกับต้องพิษ พวกเขานอนนิ่งไม่ไหวติง
ยิ่งพวกเขาฆ่าไปมากเท่าใดพวกเขาก็ยิ่งทุกข์ทรมานเท่านั้น
คนที่ฟังซือหยูและหยุดทันเวลาได้รับเพียงความรู้สึกไม่สบายกายเล็กน้อยไม่นับว่าร้ายแรง
แต่ก็มีสามพันคนที่ล้มลงท่ามกลางสัตว์อสูร
จากนั้นภาพอันแปลกประหลาดก็เกิดขึ้นฝูงสัตว์อสูรได้ทิ้งระยะห่างจากคนที่นอนบนพื้น พวกมันไม่คิดจะกลืนกินหรือทำอะไรกับคนเหล่านั้นเลย
เหล่าสัตว์อสูรจางหายไปเรื่อยๆ คนสามพันคนยังคงนอนอยู่กับพื้น
จากนั้นเรื่องที่น่าตกใจก็เกิดขึ้นอีกเหล่าคนที่นอนกับพื้นนั้นถูกแสงสีเลือดเข้าปกคลุม ไม่นานหลังจากนั้นก็เกิดสัตว์อสูรหลายขนาดแปลงกายออกมาจากแสงสีเลือด พวกมันเข้าไปปะปนกับฝูงสัตว์อสูรด้วยความงุนงงและจากไป
เมื่อแสงสีเลือดสลายไปชั้นหนังมนุษย์กลวงเปล่าก็ถูกทิ้งอยู่กับพื้น เครื่องในทั้งหมดหายไปอย่างไร้ร่องรอยไปกับสมบัติ
“ยอดฝีมือดินแดนสวรรค์กระจ่างอู๋เต๋าไข่ เขา…เขากลายเป็นงูยักษ์ไปแล้วรึ?”
ทุกคนกลืนน้ำลาย