02พวกเขามองคนสามพันคนที่กลายเป็นสัตว์อสูรด้วยความสะพรึงกลัวแต่ละคนได้กลายเป็นหนึ่งในฝูงสัตว์อสูร ไม่มีสักคนที่เอ่ยคำพูดแสดงความกลัวในใจออกมาได้
“นี่คือพลังของวิบัติสัตว์อสูร!”
ซือหยูพูดอย่างเย็นชา
“ความใจดีและความชั่วร้ายอยู่ในตัวมนุษย์รางวัลที่มาจากสัตว์อสูรคือเครื่องรีดความรุนแรงออกมาจากตัวมนุษญ์ พวกเราคือคนที่มีความเป็นสัตว์ป่าในตัว! หากต้านสิ่งล่อใจไม่ไหว สันดานดิบจะถูกปลดปล่อยออกมา วิบัติสัตว์อสูรจะฉีกกระชากดวงวิญญาณพวกเราออกจากร่างมนุษย์ สุดท้ายเราจะกลายเป็นสัตว์อสูร!”
“สัตว์อสูรทุกตัวที่พวกเราเห็นในกลุ่มฝูงนั้นคือสัตว์อสูรจากยอดอัจฉริยะที่ตายในยุคก่อน!เหมือนกับสามพันคนนั้น พวกเขาข่มสันดานดิบของตัวเองไม่ได้และกลายเป็นสัตว์อสูร”
ทุกคนพูดไม่ออกไปนานหลังจากได้ฟังคำอธิบายของซือหยูนี่คือตัวจริงของวิบัติสัตว์อสูร!
วิบัติบุพผาเปลี่ยนผู้คนให้กลายเป็นศิลาวิบัติตำราเปลี่ยนคนให้หลายเป็นตำรา วิบัติวิชาเปลี่ยนคนให้กลายเป็นร่างเงาเสมือน และพวกเขาก็กำลังได้พบกับวิบัติสัตว์อสูรที่เปลี่ยนคนให้กลายเป็นสัตว์อสูร!
“ขอบคุณศิษย์พี่ซือข้าจะจดจำบุญคุณครั้งนี้ไปจนตาย!”
ชายคนหนึ่งที่ร่างกายชุ่มโลหิตตัวสั่นเทิ้มแต่ภายในเขารู้สึกขอบคุณมาก เป็นเพราะคำพูดของซือหยูที่ทำให้เขาได้สติกลับมาจากความคุ้มคลั่ง มิเช่นนั้นเขาคงจะกลายเป็นหนึ่งในสัตว์อสูรไปแล้ว
“ข้าก็ด้วย!ศิษย์พี่ซือ ไม่มีสิ่งใดที่ข้าจะตอบแทนน้ำใจนี้ได้อีกแล้ว จะให้ข้าทำสิ่งใดเพื่อศิษย์พี่ซือก็ย่อมได้ ข้าสาบานว่าจะไม่ออมแรงในการรับใช้!” “ศิษย์พี่ซือขอบคุณทุกอย่างที่ทำเพื่อพวกเรา แม้เราจะมีพลังอ่อนด้อย ข้าก็เชื่อว่าเรายังพอมีประโยชน์สำหรับศิษย์พี่ซืออยู่บ้าง”
สำหรับผู้คนที่เพิ่งจะรอดพ้นความตายมาได้หวุดหวิดพวกเขาต่างมองซือหยูด้วยความนับถือเทียบเท่ากับมองฮั่นเฟย
“ไม่ใช่หน้าที่ข้าที่จะใช้งานพวกเจ้าหลังจากผ่านมาแล้วสองเรื่อง พวกเจ้าทุกคนควรจะรู้ถึงแดนมณีได้แล้ว ที่นี่ไม่ใช่สถานที่แจกรางวัลของพวกเจ้า! มันคืออุบายที่หลอกหลอนคนรุ่นหลังแห่งจิวโจวมาชั่วกัลป์!”
“ข้าหวังว่าพวกเราทุกคนจะหยุดการเดินทางในตอนนี้และหาที่หลบภัยเพื่อซ่อนตัวก่อนที่แดนมณีจะใกล้จบลงก่อนหน้านั้น จงอย่าไปสวนที่อันตรายอีก”
การเดินทางเล็กน้อยไม่ถือว่าเปน็นภัยแต่ถ้าหากพวกเขาปล่อยให้ความโลภเข้าครอบงำกับสิ่งที่มากกว่า พวกเขาจะตายในกับดักอื่นแม้ว่าพวกเขาจะรอดชีวิตจากวิบัติทั้งสี่ได้
“ศิษย์พี่ซือจะไม่มากับพวกเราหรือ?”
คนอื่นๆ เห็นความตั้งใจของเขา ซือหยูบอกให้พวกเขาดูแลตัวเอง
ซือหยูชี้ไปที่ฝูงสัตว์อสูรที่ขอบนภา
“ทุกอย่างจบลงแล้วไอ้หมาชั่วนั่นสังหารสหายร่วมแดนจิวโจวข้าไป ต้องมีคนลุกขึ้นไปเอาคืนมัน”
หากเป็นยามปกติพวกเขาคงจะคิดว่าคำพูดของซือหยูนั้นเป็นคำโม้โอ้อวดและน่าหัวร่อ พวกเขาคงจะแสยะยิ้มเยาะให้ซือหยู แต่ในตอนนี้ พวกเขาคิดว่าซือหยูพูดได้อย่างยอดเยี่ยม มันเป็นคำพูดที่ตรงใจพวกเขาที่สุด
“ศิษย์พี่ซือพวกเรายิ่งกว่ายินดีที่จะให้พี่ยืมมือ!”
หลายคนอาสาด้วยความกล้าหาญบางคนทำไปเพราะนับถือซือหยู และคนอื่นก็คิดที่จะแก้แค้นให้กับมิตรสหายที่ตายด้วยมือหมาดำ ซือหยูส่ายหน้า
“ถ้าพวกเจ้าไปล้างแค้นกับข้ามันก็เป็นสิ่งที่ไอ้หมานั่นอยากให้เป็น! ไอ้หมาชั่วนั่นเก่งกาจในการเล่นกับจิตใจผู้คน ยิ่งมีคนมากเท่าใดก็ยิ่งง่ายที่มันจะควบคุมพวกเรา”
“พวกเราต้องแยกกันจากตรงนี้จงจำไว้ว่าอย่ารวมกลุ่มให้เล็กเกินไป ถึงไอ้หมานั่นจะแข็งแกร่ง มันก็จัดการพวกเจ้าทุกคนพร้อมกันไม่ได้ มันจะทำให้พวกเจ้าเสี่ยงน้อยลง”
เมื่อถูกปฏิเสธหลายคนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพวกเขาก็นำมิตรสหายไปหาที่ซ่อนปลอดภัยที่พวกเขาจะรอวันที่แดนมณีจบลงได้ แม้แต่คนจากตำหนักโลหิตก็ถูกส่งตัวออกไป สุดท้ายก็เหลือคนเพียงหยิบมือเดียว นั่นคือซือหยู ปิงหวูชิง ฮั่นเฟย ตงฟางเถียนเฟิง และปี้หลิงเทียน
คนอื่นนั้นไม่เป็นไรแต่ปี้หลิงเทียน…
“ฮ่าๆ น้องซือ ข้านับถือความสง่าผ่าเผยของเจ้านัก ในวันที่ได้เห็นเจ้า เจ้าทำให้ข้าประทับใจมากนัก อนาคตยังอีกยาวไกล ข้าเชื่อว่าเจ้ากับข้าจะได้เจอกันอีกในแดนมณี ไว้พบกันใหม่”
ปี้หลิงเทียนถอยจากไปอย่างใจเย็นเมื่อสัมผัสได้ในความอึดอัดของซือหยู
ซือหยูหรี่ตาเมื่อมองทิศทางที่ปี้หลิงเทียนมุ่งหน้าไปปี้หลิงเทียนนั้นยังคงแอบระวังตัวต่อเขาอยู่
“เจ้าปี้หลิงเทียนนั่นแปลกนัก!”
ตงฟางเถียนเฟิงลูบผมที่ยุ่งเหยิงตรงหน้าผาก
“แม้จะเป็นข้อมูลจากตระกูลบูรพาของข้าก็สืบหาที่มาของเขาไม่ได้เขาเหมือนผุดขึ้นมาในข้ามคืนที่ดินแดนมีดสวรรค์เมื่อสิบปีก่อน ทุกอย่างก่อนหน้านั้นว่างเปล่า ข้อมูลหลายช่องทางสืบหาอะไรไม่ได้”
ในฐานะที่เป็นตระกูลเก่าแก่ที่สุดในจิวโจวตระกูลบูรพามีเส้นสายอยู่ทั่วทั้งโลก การสืบที่มาของคนเพียงคนเดียวนั้นไม่ใช่เรื่องยาก
“แล้วก็มีคนตระกูลข้าที่สืบเรื่องของคนอย่างศิษย์พี่ซือไม่ได้เมื่อไม่กี่ปีก่อน จู่ ๆ ศิษย์พี่ซือก็ปรากฏตัวในเขาวานรอสูร จากนั้นก็ไปที่เทือกเขาคราม สุดท้ายที่ตำหนักโลหิต ชีวิตก่อนหน้านั้นไร้ข้อมูลเช่นกัน”
ตงฟางเถียนเฟิงมองสมุดในมือมีข้อมูลของเรื่องต่าง ๆ เขียนเอาไว้
นางมองซือหยูพลางครุ่นคิดสมุดในมือของนางนั้นเป็นที่รู้จักในนามสารจิวโจว แม้จะดูเหมือนตำรา แท้จริงมันคือสมบัติชั้นฟ้า! มันมีข้อมูลอัดแน่นอยู่เป็นจำนวนมากที่คนของตงฟางเถียนเฟิงทั่วทั้งดินแดนรวบรวมมา
มันคือองค์ความรู้ของทั้งทวีปที่มีข้อมูลสำคัญทั้งหมดรวบรวมอยู่เพียงแค่เปิดสารจิวโจว ผู้ใช้ก็จะได้ข้อมูลในทุกเรื่องที่ทุกคนอยากจะรู้ในพริบตา ตั้งแต่เรื่องทางโลกหรือเรื่องคนดังจนถึงเรื่องเล่าขาน ยิ่งไปกว่านั้น เนื้อหาของมันยังมีการปรับปรุงให้สดใหม่อยู่เสมออีกด้วย
คนอย่างซือหยูที่มีชื่อเสียงในดินแดนพรสวรรค์ย่อมเป็นเป้าหมายของผู้หาข้อมูลในตระกูลบูรพาพื้นเพของเขาถูกลอบตรวจสอบและบันทึกเอาไว้ในสารจิวโจว
คนจากตระกูลบูรพาไม่เคยต้องก้าวออกไปจากเรือนสักก้าวเมื่อรู้เรื่องภายนอกพวกเขาอยู่ในตำแหน่งที่ควบคุมทั้งทวีปได้อย่างไม่ต้องสงสัย
“แม่นางตงฟางเจ้าไม่กลัวเรื่องสืบข้อมูลข้าเพราะเจ้ามีตระกูลคอยสนับสนุนอยู่รึ?”
ซือหยูมองตงฟางเถียนเฟิงอย่างไร้อารมณ์
“ข้าก็แค่สงสัย!”
ตงฟางเถียนเฟิงยืนมือไพล่หลังนางอธิบาย
“สวรรค์สร้างวารีไร้รกรากแต่ไม่มีใครบนโลกที่ไร้รกราก! ทุกคนที่ผ่านน่านฟ้าตระกูลบูรพาของข้ามิอาจรอดเร้นการสืบสวนไปได้!”
“มีคนน้อยมากที่ตระกูลบูรพาไม่รู้ที่มาอย่างปี้หลิงเทียนที่ปรากฏตัวเมื่อสิบปีก่อน! อย่างบุรุษวิถีอสูรที่ปรากฏตัวเมื่อหลายปีก่อน!แล้วก็เจ้า คนที่ปรากฏตัวจากความว่างเปล่าเมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว!”
ซือหยูสุขุมเยือกเย็นในเบื้องหน้าแต่รู้สึกไม่ปลอดภัยอยู่ลึกๆ เขาอาจจะปิดบังตัวเองจากคนอื่นได้ แต่ตระกูลบูรพานั้นมีข้อมูลทุกอย่างบนโลก พวกเขาอาจหาความสัมพันธ์ระหว่างบุรุษวิถีอสูรกับซือหยูได้ หรืออาจจะเป็นไปได้ว่าตงฟางเถียนเฟิงรู้ตัวตนที่แท้จริงของซือหยูแล้ว
ตลอดมานางหวาดกลัวซือหยูและไม่กล้าแม้แต่จะชิงตัวจ้าวสวนบุพผาจากเขา จะต้องมีเหตุผลที่นางหวาดกลัว
“อย่างนั้นรึ?”
ซือหยูพูดราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่
“ข้าจะประหลาดได้มากกว่าปี้หลิงเทียนรึ?เจ้านั่นน่ะมีวิชาระดับตำนานในตัวอยู่เต็มไปหมด!”
อย่างที่คิดความสนใจของตงฟางเถียนเฟิงถูกเบี่ยงออกไป หรือบางทีนางอาจจะเห็นความไม่พอใจของซือหยูและเก็บสารจิวโจวกลับไป
“เขาน่ะรึ?ถูกอย่างที่เจ้าพูดเลย! ตอนงานชุมนุมนภาจรัส เขาเป็นรองแค่กู้ไทซู เขาคือที่หกของครั้งนั้น ถ้าเขาไม่จงใจออมมือให้กู้ไทซู เขาก็ได้เป็นนภาจรัสแล้ว”
นางเผยความจริงที่คนอื่นไม่รู้ novel-lucky
“เขามีเนตรวิญญาณที่ทรงพลังมันคือเนตรบุพผามรกต! วิชาเนตรนี้มีต้นกำเนิดจากกายาวิญญาณ! ทุกวิชาที่ถูกใช้ต่อหน้าเขาจะถูกลอกเลียนเป็นของเขาเอง! หรือพูดอีกอย่างก็คือ การใช้วิชาให้เขาดูจะทำให้เจ้าตายเร็วขึ้น!”
เลียนแบบวิชาหรือ?ซือหยูเบิกตากว้าง วิชาเนตรนี้มีพลังมากเกินไปไม่ใช่เรอะ? ไม่แปลกใจเลยที่ปี้หลิงเทียนมีวิชาระดับตำนานมากมายขนาดนั้น! และที่สำคัญที่สุด ปี้หลิงเทียนยังเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับได้ด้วย! ซือหยูต้องระวังเขามากขึ้นแล้ว
“ปี้หลิงเทียนไปแล้วเราก็ไม่อยากตายเราต้องหาทางจัดการเจ้าหมานั่นให้เร็วที่สุด”
ปิงหวูชิงพูดหลังจากรวบรวมความคิด
“เราจะมีอันตรายตลอดเวลาเท่าที่มันยังมีชีวิตอยู่”
อุบายของหมาดำนั้นทำให้พวกเขาตกอยู่ในอันตรายหลายครั้งเวลานี้ไม่มีใครยืนยันได้ว่าหมาดำจะไม่ได้แอบจับตาดูพวกเขาอยู่ มันอาจเตรียมใช้วิชาสุดยอดอยู่ก็ได้
“เจ้าสุนัขนั่นต้องถูกจัดการนี่คือสิ่งจำเป็น”
ฮั่นเฟยพูดขึ้นมาบ้าง
“ข้าแค่สงสัยน่ะซือหยูเซี่ยน คำพูดเร่าร้อนที่เจ้าเพิ่งจะพูดกับคนอื่นเมื่อครู่ มันคือคำพูดจากใจของเจ้าหรือไม่?”
ซือหยูยักไหล่
“ก็ไม่ใช่น่ะสิ!พวกมันเกี่ยวอะไรกับข้ากัน? ข้าก็แค่พูดไม่ให้พวกนั้นตามพวกเรามาสร้างปัญหา”
ฮั่นเฟยหัวเราะเบาๆ “ถ้าเจ้าพูดจากใจในตอนนั้นมันคงจะมีเสน่ห์ทีเดียว”
ผู้ที่อ้างว่าตนเองเที่ยงธรรมมักมีความชั่วร้ายแฝงอยู่ภายใน
“หน้าที่ตอนนี้คือต้องตามหาไอ้หมาดำนั่นข้าว่ามันคงจะไม่ปล่อยพวกเราไป มันจะต้องทำสิ่งที่อันตรายยิ่งกว่านี้”
ฮั่นเฟยบอกเหตุผลที่นางยังอยู่ว่านางต้องการกำจัดหมาดำ
จ้าวหอคอยร้อยชั้นที่อัญเชิญวิบัติอย่างต่อเนื่องได้ทำให้พวกเขาสูญเสียอย่างไม่จบสิ้นพวกเขาอยู่ในความเสี่ยงตายในทุกฝีก้าว ศัตรูเจ้าเล่ห์เช่นนี้คือสัตว์ประหลาดที่อันตรายที่สุดในแดนมณี มันคือศัตรูเดียวที่อาจเผยความลับของแดนมณีออกมาได้
“ปัญหาคือ…เราจะไปตามหามันจากที่ไหน?”
นี่คือปัญหายากที่พวกเขากำลังเจอแดนมณีกว้างใหญ่ไพศาล ทุกสวนกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต ไม่ต้องพูดถึงทั้งแดนมณี
“ถ้ามันคิดจะซ่อนตัวพวกเราก็ไม่มีทางเจอมันต่อให้หาจนแดนมณีปิดตัว”
แต่ซือหยูก็พูดขึ้นมาอย่างมั่นใจ
“มันบอกเราแล้วไม่ใช่รึว่ามันไปไหน?”
อะไรนะ?คนรอบ ๆ ตกใจ มันบอกพวกเราแล้วหรือ?
“เจ้าลืมไปแล้วรึ?จ้าวสวนสามารถควบคุมวิบัติทั้งหมดได้ มีวิบัติเดียวที่ยังไม่มาถึง!”
มันคือวิบัติสุดท้ายที่น่ากลัวที่สุดนั่นคือวิบัติวิญญาณคนตาย! มันคือวิบัติสุดยอดที่แม้แต่ราชาเก้าเขตไร้พลังต่อต้าน!
หากมันเริ่มขึ้นมันจะไม่หยุดและรุนแรงขึ้นจนกว่ายอดฝีมือทุกคนจะถูกกำจัด ไม่มีใครเคยเปลี่ยนโชคชะตานี้ได้ในชั่วกัปชั่วกัลป์นี้!
ไม่มีใครสงบใจลงได้เมื่อซือหยูเอ่ยขึ้นมา
“ตลอดมาไอ้หมานั่นไม่ได้คาดหวังให้วิบัติทั้งสามฆ่าพวกเรา มันเป็นแค่การยื้อเวลา! และมันก็ได้เวลาไปแปดวันเต็ม!”
ซือหยูพูดเสียงทุ้มต่ำ
เมือ่พวกเขายินดีที่ได้แก้วิบัติทั้งสามพวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่าหมาดำจงใจวางกับดักอะไรเอาไว้
“เจ้าบอกว่าหมาดำอยู่ที่สวนสุดท้ายที่สุสานน่ะรึ?”
พวกนางคิดว่าการคาดเดาของซือหยูแทบจะแม่นยำไม่ผิดเพี้ยน
เว้นแต่ฮั่นเฟยที่ขมวดคิ้วสงสัย
“นิสัยของมันไม่ได้เป็นการบอกกล่าวชัดเจนและเผยที่อยู่ตัวเองนะ”
“ข้าเลยพูดแบบนั้นเจ้าหมานั่นบอกที่อยู่ของตัวเอง! มันจงใจทิ้งเบาะแสเอาไว้”
ซือหยูพูดอย่างเย็นชา
“นี่มิใช่อุบายซ่อนเร้นแต่เป็นการเปิดเผย” มันอาจจะเตรียมเรียกวิบัติวิญญาณเสร็จแล้วและกำลังรอให้พวกเขาตัดสินใจพวกเขาต้องเลือกระหว่างซ่อนดั่งสุนัขจรจัดหรือมุ่งหน้าไปเผชิญหน้ากับสุสาน