บทที่ 140 พี่จิ่ววิ่งหนี โดย Ink Stone_Romance
มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าเยี่ยนจิ่วเฉาจะมีชีวิตอยู่ไม่ถึงอายุยี่สิบห้า แต่ในฐานะสตรีที่ทรงอำนาจมากที่สุดในวังหลังอย่างสวี่เสียนเฟยย่อมมีหนทางของนางเอง
เมื่อเยี่ยนไหวจิ่งได้ยินเรื่องนี้ก็มิได้แสดงสีหน้าตกใจมากนัก เมื่อทราบข่าวในตอนแรกก็รู้สึกประหลาดใจ เขาเกลียดเยี่ยนจิ่วเฉามาตั้งแต่ยังเด็ก เขาตั้งใจศึกษาเล่าเรียนและฝึกฝนอย่างหนักเพื่อที่จะเป็นโอรสคนโปรดของเสด็จพ่อ ระมัดระวังพิถีพิถันในความสันโดษและใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ ยับยั้งตนและปฏิบัติตามพิธีการทางศาสนา ตามคำสอนของลัทธิขงจื๊อ ในขณะที่องค์ชายคนอื่นๆ ยังคงกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น เขากลับสามารถจดจำซื่อซูหวู่จิง[1]ได้ เสด็จพ่อของเขาพูดเปรยว่า ‘ศิลปะการต่อสู้สร้างสันติสุขแก่ใต้หล้า’ เขาจึงไปยังภูเขาซั่งชังเพียงลำพัง อดทนต่อความยากลำบากในการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาเป็นเวลาสิบปี
เสด็จพ่อเคยชื่นชมว่าเขาเป็นโอรสที่มีอนาคตที่สุด
แต่เขากลับค่อยๆ ค้นพบว่าโอรสที่มีอนาคตที่สุดผู้นี้ก็ไม่ดีไปกว่าคนบ้าตัวเล็กๆ ที่โง่เขลาและก่อเรื่องทุกวัน
ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินว่าเยี่ยนจิ่วเฉาจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้เกินยี่สิบห้า ก็พลันเกิดความรู้สึกที่ไม่อาจพรรณนาได้ในใจของเขา แต่หาใช่ความโศกเศร้าใดๆ
สวี่เสียนเฟยตบมือเขาและพูดเบาๆ “เจ้าอย่าได้กังวล จะกลัวเยี่ยนจิ่วเฉาที่ชื่อเสียงเน่าเฟะเช่นนั้นไปเพื่อเหตุใด? เขาโบกแขนตะโกนเรียกจะมีใครกล้าตอบรับรึ? ลูกชายของข้าเป็นคนดีมีคุณธรรมสูงส่งและกว้างไกล ในแผ่นดินนี้มีใครไม่ชื่นชมว่าเจ้าเป็นเหมือนฮ่องเต้ในวัยเยาว์ที่สุดบ้างเล่า?
แทนที่จะกังวลเกี่ยวกับเขา เจ้าเป็นห่วงพวกพี่น้องของเจ้าดีกว่า ตอนนี้องค์ชายใหญ่มีลูกสาว แต่สนมของเขาก็กำลังตั้งครรภ์อยู่ หากเขาได้ลูกชาย ต้องทำให้เสด็จพ่อของเจ้าพึงพอใจเป็นแน่
ส่วนองค์ชายสามที่อายุน้อยกว่าเจ้าหนึ่งปี ตอนนี้ก็มีองค์หญิงตัวเล็กๆ หลายคนแล้ว
องค์ชายสี่และองค์ชายห้าก็เข้าสู่วัยที่ต้องหาคู่ครองแล้ว สนมเจินและสนมอวี้ผินต่างพูดถึงการแต่งงานของพวกเขา
เจ้าอย่าปล่อยให้พวกเขามีหลานชายคนโตก่อนเจ้านะ”
“หลานชายคนโต?” เยี่ยนไหวจิ่งหัวเราะกับตัวเอง “มิใช่ว่ามีแล้วหรือ?”
มีองค์ชายมากขนาดนี้ ยังให้กำเนิดลูกชายไม่ได้สักคนเลยรึ? แต่เยี่ยนจิ่วเฉาทำได้ดี เห็นเงียบๆ แต่ก็ได้ออกมาสามคนแล้ว
ราชวงศ์จะมิเคยมีหลานชายจริงๆ หรือ?
บุตรคนแรกขององค์ชายองค์โตเป็นลูกชาย แต่น่าเสียดายที่เสียชีวิตไปตั้งแต่ยังเป็นทารก
หลังจากนั้นองค์ชายสามก็มีลูกชายอีกสองคน ทว่าไม่มีใครมีชีวิตอยู่ถึงวันเกิดปีแรกเลย
มีเพียงลูกชายของเยี่ยนจิ่วเฉาที่เติบโตมาได้ถึงสองขวบเท่านั้นที่เป็นหลานชายที่มีอายุยืนยาวที่สุดของราชวงศ์
สวี่เสียนเฟยกล่าว “เหตุใดเจ้าต้องเอ่ยถึงเขาอีก? ข้าบอกแล้วว่าเขาไม่มีอะไรให้เจ้าต้องกลัว ก็คือไม่มีอะไรต้องกลัว เจ้าอย่าไปใส่ใจเขาอีกเลย มาคิดว่าเจ้าจะเลือกใครเป็นพระชายาของเจ้าดีกว่า รายชื่อของพวกนางข้าหาไว้แล้ว อยากได้ผู้ใดเป็นพระชายาให้เจ้าเลือกเอง”
เยี่ยนไหวจิ่ง “เสด็จแม่!”
สวี่เสียนเฟยกล่าวเบาๆ “ครบกำหนดสามปีแล้ว ไม่ต้องไว้ทุกข์ให้ใครอีกแล้ว”
เป็นเพียงการไว้ทุกข์จริงหรือ? แววตาที่สดใสและอ่อนเยาว์คู่หนึ่งปรากฏขึ้นในห้วงความคิดของเยี่ยนไหวจิ่ง
เป็นเวลาสามปีแล้วที่ฉากนั้นยังอยู่ในห้วงความคิดไม่จางหาย
เยี่ยนไหวจิ่งเองก็ยังไม่รู้ว่านางเต็มใจไว้ทุกข์ให้ไทเฮาที่สิ้นไปหรือเพื่อต่อต้านการแต่งตั้งพระสนมกันแน่
…
ความเจ็บป่วยของฮ่องเต้เป็นเรื่องใหญ่ ผู้คนมากมายเดินขวักไขว่ คุกเข่าต่อหน้าแท่นบรรทมเพื่อปรนนิบัติอย่างใกล้ชิดทั้งกลางวันและกลางคืน เยี่ยนจิ่วเฉาไม่มีโอกาสได้ทำอะไร เขายกม่านขึ้นมองไปยังฮ่องเต้ที่หลับใหล และหันกลับมาพร้อมกับเดินไปที่ประตูใหญ่
ขันทีวังตามไปด้วยความตกตะลึง “คุณชาย…”
เยี่ยนจิ่วเฉามองไปทางเขาเล็กน้อย “อะไร? เจ้าไม่ได้บอกให้ข้ามาดูฮ่องเต้รึ? ข้าก็ดูแล้วนี่?”
“อา…เอ่อ…” ขันทีวังสำลักจนพูดไม่ออก จะมีคนสมองปกติที่เข้าใจว่า ‘มาดู’ ก็คือมาดูจริงๆ ที่ไหนกัน?
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่ได้สนใจเขาและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงขันทีวังที่ดูสับสนงงงวย “…”
นอกห้องบรรทม มีสวี่เสียนเฟย องค์ชาย องค์หญิงและสนมจำนวนมากที่คอยเฝ้ามิเข้าไปรบกวนการพักผ่อนของฮ่องเต้ ทุกคนเห็นว่าเยี่ยนจิ่วเฉาถูกขันทีวังพาเข้าไปในห้องบรรทมเป็นการส่วนตัว ต่างก็ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันอย่างโกรธแค้น ยิ่งเห็นว่าเดินออกมาอย่างเร็วเท้าไม่ติดพื้น ก็ยิ่งเกลียดชัง
พวกเขากล้าที่จะโกรธแต่ไม่กล้าที่จะพูด มีเพียงผู้เดียวที่กล้ายืนขึ้นอย่างไม่กลัวความตาย
“เยี่ยนจิ่วเฉา!”
สวมใส่อาภรณ์สีน้ำเงินไพลินที่ดูสวยหรู ใบหน้างดงามที่แฝงความเป็นเด็ก เขาก็คือองค์ชายสี่ที่เคยถูกเยี่ยนจิ่วเฉาผลักตกน้ำมาก่อน
มารดาผู้ให้กำเนิดองค์ชายสี่นั้นอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นเพียงสาวใช้นางในตัวน้อยที่เก็บกวาดวังของสนมเจิน คืนหนึ่ง นางก็ตั้งครรภ์สายเลือดมังกรโดยไม่คาดคิด แต่น่าเสียดายที่นางอาภัพและสิ้นไปด้วยโรคร้ายหลังจากให้กำเนิดองค์ชายสี่ไม่นาน สนมเจินไม่มีโอรส นางจึงพาองค์ชายสี่กลับมาเลี้ยงดูที่วังในฐานะโอรสของนาง
ทุกคนหันไปมองเขาทีละคน
เห็นเขาเท้าสะเอวและขมวดคิ้วด้วยความโกรธ “เจ้าหูหนวกหรือ? ฝ่าบาทเรียกหาเจ้ามิได้ยินรึ?”
เยี่ยนจิ่วเฉาหยุดและหันกลับไปช้าๆ
องค์ชายสี่ตะโกน “พบกับพระองค์แล้วก็ยังไม่ทำความเคารพอีก!”
เยี่ยนจิ่วเฉาเดินไปหาเขาด้วยท่าทีสบายๆ “ทำไมรึ? คราก่อนดื่มน้ำไม่พอหรือ?”
องค์ชายสี่หัวเราะด้วยท่าเท้าสะเอวและพูดว่า “ฮ่า! ข้าว่ายน้ำเป็นแล้ว! หากเจ้าทำได้ก็โยนข้าอีกทีสิ! มาสิ มาสิ! เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้ารึ!”
ตูม!
เยี่ยนจิ่วเฉาโยนเขาลงไปจริงๆ
ไม่มีคำพูดไร้สาระ ทุกคนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาเห็นองค์ชายสี่กลิ้งลงมาตามขั้นบันไดเหมือนลูกแตงโมฤดูหนาวขนาดใหญ่
“ว่ายน้ำได้แล้วอย่างไร? เจ้าใช้วิชาตัวเบาได้รึ?” เยี่ยนจิ่วเฉาปัดมือของเขาเบาๆ และอากาศดีๆ ก็ผ่านจากไปภายใต้การจ้องมองอย่างตกตะลึงของทุกคน
องค์ชายสี่ผู้ใบหน้าปูดบวม เวียนหัวหน้ามืด เหมือนม้านอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้น พ่นหญ้าเหี่ยวๆ ออกมาหนึ่งคำอย่างหมดอาลัยตายอยาก “บังคับให้ข้าว่ายน้ำแล้วยังบังคับให้ข้าฝึกวิชาตัวเบาอีก…เยี่ยน จิ่ว เฉา เจ้า คอย ดู!”
พูดจบ ดวงตาทั้งสองข้างก็กลอกไปมาและไม่รับรู้อะไรอีกเลย!
…
เยี่ยนจิ่วเฉาออกจากวังโดยไม่หันกลับไปมอง สีหน้าของเขาเย็นชาลงทุกก้าวที่เดิน
ลุงวั่นเดินตามมาด้านหลังติดๆ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
จะว่าไปองค์ชายสี่ก็โชคร้ายที่ไปขวางทางปืนของคุณชาย ในวันธรรมดาคุณชายก็ไม่ค่อยมีเหตุผลอยู่แล้ว แต่ก็แค่ระดับหนึ่ง ทว่าทุกครั้งหลังกลับจากการเข้าพบฮ่องเต้ คุณชายก็เหมือนกับดื่มน้ำมันมา ความโกรธแค้นพร้อมจะแผดเผาทุกคนที่เข้าใกล้และแม้แต่ตัวเขาเองให้วายสิ้น
คุณชายในสภาพนี้แม้แต่ลุงวั่นเองก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่ง
รังสีอำมหิตที่อยู่รอบกายของเยี่ยนจิ่วเฉานั้นแข็งแกร่งมาก
อิ่งลิ่วและอิ่งสือซันซ่อนลมหายใจและไม่กล่าวสิ่งใด
เยี่ยนจิ่วเฉาเข้าไปในรถม้า
ดวงตาของเขาเป็นสีแดงเลือดและสายตาบ้าคลั่งราวกับว่าเขากำลังจะสั่งฆ่าคนทั้งเมืองในวินาทีถัดไป
อิ่งลิ่วไม่กล้าพูดและส่งสายตาบอกอิ่งสือซันว่า ‘รีบเคลื่อนรถสิ!’
อิ่งสือซันตอบ ‘เจ้าจะให้ขับไปที่ไปใดเล่า?’
ทั้งสองมองไปที่ลุงวั่นพร้อมกัน
ลุงวั่นรู้สึกขมขื่นในใจ
แล้วเขา เขาจะไปรู้ได้อย่างไรล่ะ?
คุณชายในสภาพพร้อมจะระเบิดทุกเมื่อเช่นนี้มิอาจให้คุณชายน้อยทั้งสามเห็นได้ ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือลุงวั่นกังวลว่าหากคุณชายวิปริตขึ้นมาจะลืมว่าพวกเขาเป็นบุตรชายของตนไป
หากไม่ไปที่จวนคุณชาย จะไปที่ไหนได้อีก?
บ้านสกุลเซียวรึ?
“มะ…หมู่บ้านเหลียนฮวา” ลุงวั่นกล่าวอย่างไม่มั่นใจ พลางมองไปที่เยี่ยนจิ่วเฉา เตรียมพร้อมที่จะถูกเยี่ยนจิ่วเฉาใช้มีดเฉือนจนตายได้ทุกเมื่อ
…………………………
[1] ซื่อซูหวู่จิง คือ สี่หนังสือห้าคัมภีร์ ที่บันทึกเกี่ยวกับแนวคิดของลัทธิขงจื๊อ