บทที่ 141 ค่ำคืนสำรวจสาวเนื้อหอม โดย Ink Stone_Romance
ลุงวั่นตัวสั่นเทากลืนน้ำลายล้างคอรอวันตาย จู่ๆ หูของเขาก็ได้ยินเสียงฮัมเพลงดังเข้ามา
ฮัม?
ฮัมอะไร?
ลุงวั่นมองไปยังเยี่ยนจิ่วเฉาด้วยความหวาดกลัวและเห็นเยี่ยนจิ่วเฉาที่โกรธแค้นจนอยากจะหนีไปเมื่อวินาทีก่อนปิดเปลือกตาลงเบาๆ
ปราศจากซึ่งสายตาที่บ้าคลั่งและกระหายเลือด ลุงวั่นรู้สึกว่ารังสีอำมหิตรอบตัวคุณชายไม่แข็งแกร่งเหมือนเดิม
แล้วนี่หมายความว่าอย่างไร? เห็นด้วยที่ไปหมู่บ้านเหลียนฮวาหรือ?
ลุงวั่นอยากถามอีกครั้ง แต่ก็กลัวว่าปากจะทำให้ตนเองตาย เขาจึงจำใจต้องเสี่ยงดวง โบกมือให้อิ่งสือซันเป็นนัยให้เคลื่อนรถไปยังหมู่บ้านเหลียนฮวา
เมื่อผ่านจวนคุณชาย ลุงวั่นกลัวแทบตาย แต่เยี่ยนจิ่วเฉาก็มิได้โกรธและบอกให้หยุดรถม้า
กลางคืนเงียบสงัด ถนนหนทางก็ดูร้าง
รถม้าขับเข้าไปในหมู่บ้านเหลียนฮวาและหยุดอยู่หน้าประตูบ้านหลังใหม่ของสกุลติง
ลุงวั่นลงจากรถม้าราวกับเดินบนพื้นน้ำแข็งบางๆ
ประตูหน้าถูกปิดจากด้านใน พวกเขาต้องใช้ประตูหลังเพื่อเข้าไป
เมื่อลุงวั่นกำลังไปหยิบกุญแจทองเหลืองที่ใช้เปิดประตูหลัง เยี่ยนจิ่วเฉาก็พูดขึ้นเบาๆ “เจ้าเอากุญแจมาหรือไม่?”
ลุงวั่นเก็บกุญแจกลับเข้าไปในเสี้ยววินาที “ไม่! ข้าลืมเอามา!”
“เหอะ ข้ารู้อยู่แล้ว” เยี่ยนจิ่วเฉาหันหลังและเดินไปทางประตูหลังบ้านของอวี๋หวั่น ระยะห่างเพียงสองสามก้าว หนึ่งลมหายใจก็ถึงแล้ว
อิ่งสือซันคิดว่าคุณชายของเขากำลังจะเข้าไปในบ้านของแม่นางอวี๋ จึงไม่รีรอรีบทำลายสลักประตูออกจากกัน
“ประตูปิดไว้รึ?” เยี่ยนจิ่วเฉาถามอย่างครุ่นคิด
“อา…” อิ่งสือซันพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา หลังจากพยักหน้าแล้วก็เห็นคุณชายจ้องมาที่เขาด้วยสายตาที่อันตราย ร่างกำยำของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว เขาเปลี่ยนคำพูดอีกครั้ง “เอ่อ! ไม่ขอรับ! มันเปิดอยู่!”
“ปกติก็เปิดไว้รึ?” เยี่ยนจิ่วเฉาถามอย่างเย็นชา
ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร? ข้าไม่ได้อยู่บ้านนางเสียหน่อย!
อิ่งสือซันตอบด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยน “ในเวลาปกติมันไม่ได้เปิดไว้แน่นอน แต่วันนี้คุณชายจากไปโดยไม่ได้ลา… คงจะเปิดไว้เพื่อรอคุณชาย”
เยี่ยนจิ่วเฉาพักมือไว้ข้างหลังและเลิกคิ้ว “พูดเช่นนี้แปลว่าประตูนี้มีไว้สำหรับคุณชายรึ?”
“ควร…ควรเป็นเช่นนั้น” ได้โปรดหยุดถามข้าเสียที ข้าใกล้จะโกหกต่อไปไม่ได้แล้ว ใจที่รู้สึกผิดชอบชั่วดีของข้าเจ็บปวดไปหมดแล้ว…
“ทนยั่วยวนคุณชายคนนี้ไม่ไหวแล้วสินะ ไร้ยางอายยิ่งนัก!” เยี่ยนจิ่วเฉาพูดอย่างเย็นชา และรีบสาวเท้าเข้าไปในห้องของคนไร้ยางอายผู้นั้น
ในห้องเล็กๆ ที่มืดมิด มีแสงจันทร์สว่างนวลดั่งสายน้ำที่ไหลเอื่อย อวี๋หวั่นนอนอยู่บนเตียงเล็กๆ ผ้านวมบนตัวเหมือนจะถูกเธอเตะออกไป แต่เธอยังร้อนและมีเหงื่อออกท่วมกาย
ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าในระหว่างวันทำให้หลับสนิทไม่รู้สึกตัว
เยี่ยนจิ่วเฉานั่งลงข้างเตียง แสงจันทร์ดูเหมือนกำลังกลัวเขา ยิ่งเปล่งประกายเจิดจ้า
เขาเห็นอวี๋หวั่นที่นอนอยู่บนเตียงและกดหมอนไว้ใต้ท้อง ใบหน้าของเธอหันออกไปด้านนอก ใบหน้าขาวใสด้านข้างนั้นงดงาม เผยขนตางอนที่เรียวยาว มีเม็ดเหงื่อละเอียดผุดที่หน้าผากและปลายจมูก ผมสีดำสนิทพาดอยู่บนไหล่อย่างยุ่งเหยิง ดูเร่าร้อนเย้ายวนใจ
เยี่ยนจิ่วเฉาจ้องเธอแน่นิ่ง
อวี๋หวั่นที่นอนไม่นิ่ง สะลึมสะลือพลิกตัว ปล่อยเสียงครางเพราะความร้อนออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
ดวงตาที่นิ่งเหมือนคนตายของเยี่ยนจิ่วเฉาหยุดลงราวกับฟื้นคืนสติอีกครั้ง
อวี๋หวั่นนอนหงายอยู่บนเตียง ปลายนิ้วจนถึงหน้าอกร้อนดั่งไฟสุม ส่วนหน้าของเสื้อผ้าหลุดออก เผยให้เห็นครึ่งหนึ่งของไหล่ที่น่าดึงดูด
เยี่ยนจิ่วเฉาเอื้อมมือเรียวหยกของเขาดึงปกเสื้อของเธอ เดิมทีตั้งใจจะดึงมันขึ้นมา
แต่อวี๋หวั่นบ่นอย่างไม่พอใจและคว้ามือของเยี่ยนจิ่วเฉาไว้
มือที่เย็นเยียบของเยี่ยนจิ่วเฉาเป็นเหมือนบ่อน้ำในทะเลทรายของอวี๋หวั่น จึงถูกเธอจับไว้ไม่ปล่อย
ตอนแรกเธอเพียงแค่กอดกุมมันไว้ แต่ร่างกายที่ร้อนรุ่มทำให้เธอดึง ‘ของ’ เย็นๆ มาแล้วพลิกตัวทับไว้ข้างใต้…
เป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วยามก่อนที่เยี่ยนจิ่วเฉาจะออกมา
อิ่งลิ่วและอิ่งสือซันมีวิชากังฟูที่ยอดเยี่ยม กลัวว่าตนจะได้ยินบางอย่างที่ไม่ควร จึงรีบถอยห่างออกไปกว่าร้อยจั้งตั้งแต่แรก เหลือเพียงลุงวั่นชายชราผู้คร่ำหวอดที่คอยอยู่ในป่าไผ่อย่างหวาดกลัว
ในที่สุดเยี่ยนจิ่วเฉาก็ออกมา ลุงวั่นแทบจะพุ่งไปหา “คุณชาย!”
“อื้ม” เยี่ยนจิ่วเฉาตอบด้วยน้ำเสียงสดชื่น
ทันทีที่ลุงวั่นได้ยินน้ำเสียงนี้เขาก็ผงะทันที เมื่อมองไปยังเยี่ยนจิ่วเฉาก็เห็นว่ารังสีอำมหิตที่ใบหน้าได้จางหายไปและแทนที่ด้วยสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิระหว่างคิ้วและดวงตาของเขา
นี่มันผิดปกติมากจนหัวใจของลุงวั่นกระตุก
เยี่ยนจิ่วเฉาฮัมเพลงเล็กน้อยแล้วเดินไปยังรถม้า
เขายังคงฮัมเพลงอยู่ หรือว่าแม่นางอวี๋…
ลุงวั่นสูดหายใจลึก และถามคำถามที่เสี่ยงต่อการถูกฆ่าตายว่า “คุณชาย ท่านช่วยบอกข้าที ตกลงท่านทำอะไรกับแม่นางอวี๋รึ? แล้วแม่นางอวี๋ยังโกรธท่านอยู่รึไม่?”
เยี่ยนจิ่วเฉาตอบ “เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่? คุณชายผู้นี้เป็นคนชอบเอาเปรียบคนอื่นรึ? นางแค่ร้อน คุณชายคนนี้จึงใจดีช่วยนางเปลื้องผ้า”
หัวใจแก่ๆ ของลุงวั่นเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมา!
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวต่อว่า “แล้วนางก็บอกว่านางกระหายน้ำ คุณชายก็เลยป้อนน้ำให้อย่างกรุณา”
เปลื้องผ้าไม่พอ ยังป้อนน้ำให้อีกหรือ? ป้อนอย่างไร? จับป้อน นอนป้อน หรือว่าป้อนกับปาก…
ลุงวั่นคิดต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว!
“เช่นนั้น…แล้วสุดท้ายล่ะ?” ลุงวั่นทนมองตรงไปที่เขาไม่ได้
เยี่ยนจิ่วเฉาพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “สุดท้ายนางก็ล้อเล่นกับคุณชายผู้นี้อย่างไร้ยางอาย ข้าอารมณ์ดี จึงอดทนกับทุกเรื่องได้!”
ดังนั้นไม่ใช่ว่าผลักไสออกไปแต่กลับนอนลงอย่างเชื่อฟังหรือ?
ลุงวั่นไม่รู้จะพูดอะไร จึงตอบอย่างละอาย “ลำบากคุณชายเสียแล้ว…”
คุณชายที่ถูก ‘ทำให้ลำบาก’ อย่างโหดร้าย มีรอยเล็กๆ ที่คอปรากฏ ทว่าเขาก็ขึ้นไปบนรถม้าด้วยใบหน้าภาคภูมิใจ.
อิ่งลิ่วและอิ่งสือซันบังเอิญเห็นร่องรอยที่ไม่สามารถอธิบายได้บนคอของคุณชาย พวกเขาแทบอยากจะจิ้มตาตัวเอง!
เยี่ยนจิ่วเฉาพูดอย่างโอ้อวด “ใช่ นางกัดเอง”
ทั้งสองโอดครวญในใจ เราไม่ได้อยากรู้!
…
แต่ก่อนคุณชายอาละวาดบ้านแทบแตก แต่ครานี้กลับถูกทำให้สงบลงอย่างง่ายดายแบบที่ลุงวั่นก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน
ลุงวั่นหยิกตัวเองหนึ่งทีให้แน่ใจว่าไม่ได้ฝัน นี่มันน่าโล่งใจจริงๆ
ด้านหนึ่งลุงวั่นรู้สึกโชคดี แต่อีกด้านหนึ่งก็อดรู้สึกเสียดายเล็กน้อยไม่ได้
แค่ถูกแม่นางอวี๋ทำอย่างนั้นอย่างนี้หน่อยก็ไม่อาละวาดแล้ว ได้ผลดีเสียยิ่งกว่ายารักษาร้อยโรค
แม่นางอวี๋วิเศษเพียงนี้ เหตุใดนางถึงมิใช่สตรีที่มีค่ำคืนแสนหวานกับคุณชายแต่แรกกันนะ?
เช่นนั้นเขาก็จะสามารถพาแม่นางอวี๋กลับจวนได้อย่างโจ่งแจ้ง และไม่ต้องกังวลเรื่องคุณชายจะอาละวาดอีก
…
หลังจากที่ความร้อนในร่างกายคลายลง อวี๋หวั่นก็หลับไปจนถึงรุ่งเช้า และลืมตาตื่นขึ้นช้ากว่าปกติ
เธอยกผ้าห่มขึ้นและรู้สึกเจ็บที่แขนขาเล็กน้อย ราวกับว่าเธอนอนขดทั้งคืน ขดแขนขาจนเจ็บ
เธอลุกขึ้นไปรินชา แต่เมื่อหยิบขึ้นมากลับพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอเปิดฝากาน้ำชาดู “หา? ทำไมไม่มีแล้วล่ะ?”
ฟันก็มีรสเปรี้ยวๆ
หรือเพราะเธอฝันว่าแทะคอเป็ดกันนะ?
………………………………