ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK

สารบัญ อาณาจักรวิญญาณ

สารบัญ ราชันเทพเก้าสุริยัน

••••••••••••••••••••

บทที่****295:ขวานลึกลับ(3)

เดิมทีฮัวจิงฉือคิดว่าไม่น่าจะต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก เพราะคิดว่าเหล่ากองทัพอสูรกายนั้นยังอยู่อีกไกลหลายพันลี้ ดังนั้นเขาจึงมีเวลาพอที่จะสั่งสอนเหวยหมิงเสียก่อน แต่นั่นเป็นเพียงความฝันเท่านั้น ซึ่งความจริงในตอนนี้ก็คือเหล่ากองทัพอสูรกายนั้นได้เดินทางถึงอาคารหลักของกลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกเสียแล้ว

เหลือระยะเพียงแค่ไม่กี่พันลี้เท่านี้คือเรื่องตลกอะไรกัน? เหล่าอสูรกายเหล่านั้นมีความเร็วมากกว่าสามพันหน่วยต่อชั่วโมง พวกมันใช้เวลาเพียงนิดเดียวเพื่อจะบุกมาโจมตีและหนีกลับไปได้อย่างง่ายดาย เวลาเช่นนี้สมองของฮัวจิงฉือหยุดทำงานทันที เขาตกอยู่ในสภาวะโง่งมอย่างช่วยไม่ได้

เหวยหมิงไม่กล้าที่จะชักช้า เขารีบกล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว “ในตอนนี้เหล่าสาวกทั้งหลายยังไม่รู้ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้น ศิษย์เพิ่งได้รับข่าวทางจดหมายเมื่อครู่เท่านั้น ขอท่านจงออกคำสั่งเถิด!”

“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เลยที่เหล่ากองทัพอสูรกายจะปรากฏตัวได้ใกล้เช่นนี้ เรื่องนี้จะต้องมีอะไรผิดพลาดแน่นอน ไอ้สารเลวเอ๊ย พวกมันกล้าที่จะปล่อยข่าวหลอกลวงเช่นนี้ได้อย่างไร ข้าจะต้องลงโทษไอ้พวกนี้ให้สาสม!” ฮัวจิงฉือคำรามออกมา

อย่างไรก็ตาม ฮัวจิงฉือที่กำลังหงุดหงิดอยู่นั้น เกิดเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นทั่วเกาะ พร้อมทั้งเริ่มมีเสียงผู้คนที่กรีดร้องอย่างโกลาหล

“กองทัพอสูรกาย! วิ่งเร็ว! หนี!”

ฮัวจิงฉือที่ได้ยินเสียงเหล่านั้น ความหวาดกลัวถาโถมเข้ามาภายในหัวใจของเขาทันที เขาไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีกต่อไป ความตื่นกลัวนี้ทำให้เขาผลักเหวยหมิงออกไปให้พ้นทาง เขาวิ่งออกมาด้านนอกและยืนมองไปยังนอกชายฝั่งที่ห่างไกล ดวงตาที่รู้แจ้งทุกสิ่งในตอนนี้เต็มไปด้วยความโง่เขลาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

ในตอนนี้เหวยหมิงวิ่งออกมายืนอยู่มองอยู่ด้านข้างของเขา จากนั้นฮัวจิงฉือจึงกล่าวออกมาอย่างกังวล “พวกมันมีมากเท่าไหร่กันเนี่ย? จบแล้วสินะ พวกเราทั้งหมดจบสิ้นแล้ว!”

ภาพที่เห็นบริเวณชายฝั่งของทะเลนั้นน่าเกรงขามเกินกว่าจะต้านทานได้ไหว เหล่าอสูรกายประเภทนกได้ครอบครองท้องฟ้าทั้งหมดโดยสมบูรณ์ อีกทั้งใต้น้ำยังเต็มไปด้วยเหล่าอสูรกายประเภทน้ำที่กำลังเคลื่อนที่มาพร้อมกับคลื่นยักษ์ขนาดใหญ่

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ กลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกได้เปิดใช้งานค่ายกลของเกาะอย่างเต็มกำลัง พวกเขามีเวลาเตรียมตัวไม่มากนัก เหล่าผู้พิทักษ์ได้แต่ทำงานทั้งหมดอย่างรวดเร็วเพื่อปกป้องเกาะเอาไว้ในขั้นต้น

อย่างไรก็ตามช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายได้คืบคลานเข้ามา เกาะป้องกันสีทองได้ปรากฏขึ้นมาล้อมรอบเกาะทั้งหมดไว้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังปกป้องโถงหลักของเกาะไว้อย่างเต็มกำลังอีกด้วย

อย่างไรก็ตามค่ายกลเหล่านี้ล้วนแต่เป็นเพียงการป้องกันชั่วคราวนั้น อีกทั้งเหล่าอสูรกายบินได้ที่กำลังมาถึงไม่ได้สนใจโถงหลักของกลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกแม้แต่น้อย พวกมันบินข้ามไปอย่างเมินเฉย เพราะเป้าหมายที่แท้จริงคือเหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่ด้านในและไม่มีเวลามากพอที่จะหลบหนี

ฮัวจิงฉือขมวดคิ้วแน่น เหตุการณ์เช่นนี้อยู่เหนือการควบคุมของเขาโดยสมบูรณ์แล้ว เขาคำรามออกมาเสียงดังสนั่น “ไอ้พวกนี้เป็นเพียงกองกำลังที่ล่วงหน้ามาก่อน เป้าหมายที่แท้จริงของมันคือทำลายเกาะด้านหลังของเราทั้งหมดเพื่อที่จะไม่ให้เราหลบหนี บัดซบเอ๊ย! ถ้าหากพวกเจ้าส่งข่าวมาให้ข้าเร็วกว่านี้ ข้าก็คงจะสามารถวิ่งหนีไปได้ก่อนที่พวกมันจะมาถึง ในตอนนี้ทุกอย่างสายไปเสียแล้ว! เรื่องนี้พวกเจ้าจะรับผิดชอบมันยังไงกัน!”

ฮัวจิงฉือก่นด่าออกมาอย่างโกรธแค้น พร้อมชี้หน้าของเหวยหมิงอย่างกล่าวโทษ แม้ว่าในหัวของเหวยหมิงจะไม่พอใจอย่างมาก แต่เขาก็ไม่สามารถกล่าวสิ่งใดได้ เห็นได้ชัดว่าในตอนนี้ความเร็วคือสิ่งจำเป็นที่สุด มันไม่ใช่เวลาที่จะมาค้นหาคนผิดแม้แต่น้อย! เขาได้แต่คิดในใจอย่างหงุดหงิด ‘เสียเวลามานั่งกล่าวโทษข้าอยู่ด้วยเหตุใดกัน? เอาเวลาไปคิดหาทางหนีดีกว่าไหม?’

แต่อารมณ์ของฮัวจิงฉือนั้นไปไกลเกินกว่าจะรับไหว เหวยหมิงนั้นไม่กล้าที่จะโต้เถียงกับเขาในยามนี้ เขาทำได้เพียงก้มหน้าลงเพื่อยอมรับเท่านั้น ดีเท่าไหร่แล้วที่ไม่โดนต่อว่าเพราะฮัวจิงฉือ ในตอนนี้ผู้นำภายในกลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกได้เรียกประชุมด่วนเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้ฝึกตนระดับจินตันทั้งหมดถูกเรียกตัว นอกจากนี้ฮัวจิงฉือนั้นเป็นผู้นำหลักของสำนักเสวียนเทียน แน่นอนว่าเขาจะต้องเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วย

กล่าวได้ว่าในตอนนี้ฮัวจิงฉือกำลังตกอยู่ในสภาวะที่กล้ำกลืน เขาเดินเข้ามาที่ห้องโถงหลักของกลุ่มพันธมิตรด้วยท่าทีอ่อนล้า ในเวลานั้นเองห้องโถงแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้ฝึกตนระดับจินตันสองถึงสามร้อยคนและมีผู้ฝึกตนระดับจินตันขั้นสมบูรณ์อีกนับร้อย

ผู้คนเข้ามารวมตัวกันอย่างหนาแน่น ทุกคนต่างขมวดคิ้วด้วยความตึงเครียด มีเสียงหนึ่งเปล่งออกมาอย่างเขร่งขรึม “สถานการณ์ตอนนี้ชัดเจนแล้ว แปดในสิบของพื้นที่ของกลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกล้วนแต่เต็มไปด้วยเหล่ากองทัพอสูรกาย พวกมันลักลอบผ่านเข้ามาทางสามปีศาจแห่งทะเลตะวันออกของพวกเราอย่างเงียบเชียบและปรากฏตัวขึ้นที่นี่!”

เมื่อทุกคนได้ยินว่าเหล่าอสูรกายเข้ามาได้อย่างไร ต่างพากันโกรธแค้นปีศาจทั้งสามแห่งทะเลตะวันออกที่ทำให้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้

“ข้านั้นรู้อยู่แล้วว่าไม่สามารถเชื่อใจไอ้สามตัวนั้นได้!”

“บัดซบ อย่าให้ข้าได้เจอมันเถอะ ไม่เช่นนั้นข้าคงหยุดมือตนเองที่อยากจะฉีกศีรษะของมันออกมาโยนเล่นไม่ได้!” เหล่าคนพวกนี้ได้แต่สาปแช่งออกมาด้วยความโกรธ แม้ว่าความจริงเขาจะไม่สามารถทำได้อย่างที่กล่าวออกมา

“หยุดโต้เถียงกันได้แล้ว ในตอนนี้จะทะเลาะกันเองก็ไม่มีประโยชน์อะไร รีบหาทางหนีเร็วเถอะ!” คนที่มีสติอยู่กล่าวออกมาอย่างหงุดหงิด

“พวกเราจำเป็นต้องหนีงั้นหรือ? เรามีค่ายกลที่ป้องกันภูเขาทั้งลูกไว้ อีกทั้งผู้ฝึกตนนับหมื่นแสนที่อยู่ตรงนี้ พวกเราล้วนแต่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในเวทมนตร์มากมาย เราจะสังหารพวกมันทั้งหมดก็ย่อมได้!” เสียงนี้เปล่งออกมาจากคนบ้าพลังคนหนึ่ง

ในตอนนี้เสียงโต้เถียงยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องภายในห้องโถงหลัก เสียงที่ควบคุมไม่ได้เหล่านี้ค่อนข้างจะสร้างความรำคาญให้กับเหล่าคนระดับสูงอย่างมาก จากนั้นไม่นานเกิดเสียงหนึ่งดังขึ้นด้วยความโมโห “หุบปาก! จงอยู่ในความสงบเสียที ความคิดโง่เขลาเหล่านี้มันคืออะไรกัน?!”

เมื่อเหล่าศิษย์ทั้งหมดได้รับรู้ถึงความโกรธนี้ ทั้งหมดเงียบโดยพลัน ทั้งหมดมองไปที่ฮัวจิงฉือทันที จากนั้นพวกเขาฉีกยิ้มอย่างไร้อารมณ์และถามออกไปว่า “หลานชายฮัวจิงฉือ เจ้านั้นฉลาดยิ่งนักที่สร้างศัตรูที่ยิ่งใหญ่ให้กับพวกเราเช่นนี้ ภูมิใจหรือไม่หละ?”

“อะไรกัน?” ฮัวจิงฉือที่ได้ยินเช่นนั้น อดไม่ได้ที่จะเหยียดมุมปากและกล่าวต่อว่า “ท่านอาวุโสลุง ท่านคิดว่าข้าจะรู้ล่วงหน้างั้นหรือว่าซ่งจงจะนำกองทัพมาถล่มเราเช่นนี้และในตอนนี้แม้ว่าเราจะมีค่ายกลเพื่อปกป้องภูเขาอยู่ แต่ก็ไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่ามันจะคงอยู่ได้นานเพียงใด! เราอยู่ใต้ความกดดันของเขาและจำนวนของซ่งจงนั้นมากกว่าเราถึงสิบเท่า! แม้ว่าข้าจะฉลาดหลักแหลมมากเพียงใดหรือมีพลังมากมายกว่านี้ แล้วข้าทำสิ่งใดได้บ้างงั้นหรือ?”

“เฮ้อ!” คนเหล่านั้นที่ได้ฟังถอนหายใจออกมา “ข้ารู้แล้วว่าพวกมันยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลมาก พวกเราคงไม่อาจต้านทานไว้ได้แม้ใช้กำลังทั้งหมด เช่นนี้เราจึงต้องมีการวางแผนรับมือ เมื่อพวกมันโจมตีพวกเราจะเข้าสู่ภูเขาเป็นการชั่วคราวเพื่อหลบซ่อน แต่ในตอนนี้แผนที่เราวางไว้ถูกทำลายจนหมดสิ้นโดยสามปีศาจแห่งทะเลตะวันออก ทำให้พวกมันมาปรากฏอยู่ตรงหน้าเราในตอนนี้ พวกเรานั้นไม่เหลือเวลาทำสิ่งใดอีกแล้ว ครั้งนี้พวกเราทั้งหมดคงจะจบสิ้นกันที่นี่!”

“อาวุโส ในตอนนี้เหล่าอสูรกายนั้นเคลื่อนทัพมาพร้อมกับทะเลพิโรธ แม้ว่าจะไม่ได้เร็วมากนักแต่ความสูงนับหมื่นฟุตของมันสามารถพังทลายค่ายกลป้องกันของเราได้ในคราวเดียว ซึ่งข้าไม่อาจวางใจว่าทุกอย่างจะอยู่ในความเรียบร้อย!” ผู้ฝึกตนระดับจินตันกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงกังวล “เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราทั้งหมดก็คงจะจบสิ้น แต่ในตอนนี้ยังคงหายใจอยู่ ขอให้เหล่าอาวุโสโปรดคิดหนทางรอดโดยเร็วเถิด!”

“การเผชิญหน้ากับคลื่นทะเลพิโรธทำได้เพียงให้มันสลายก่อนที่จะขึ้นฝั่งเท่านั้น เราจะต้องทำลายมัน!” เสียงหนึ่งกล่าวขึ้นมา “แต่เราอาจมีปัญหาหลังจากนั้น ด้านนอกมีอสูรกายมากมายวนเวียนอยู่ ทั้งพวกที่อยู่บนท้องฟ้าและพื้นดิน ค่ายกลป้องกันของเรานั้นไม่สามารถป้องกันทั้งหมดได้ เช่นนี้ภารกิจของเราจะสำเร็จได้งั้นหรือ?”

“ท่านอาวุโสลุง!” ฮัวจิงฉือนึกสิ่งใดขึ้นมาได้ เขารีบกล่าวแทรกทันที “จริงอยู่แม้ว่าคลื่นทะเลพิโรธจะใหญ่โตมาก แต่ถ้าหากไม่ได้รับแรงโจมตีของมัน เราก็คือว่ารอดพ้น พวกเรายังมีหนทางป้องกันคลื่นนั้นอยู่ อย่างเช่นย้ายมันไปโจมตีที่อื่นแทน!”

“เจ้าคิดว่าจะเคลื่อนย้ายเจ้าสิ่งนั้นงั้นหรือ?”

ในตอนนี้ทุกคนต่างงุนงงในสิ่งที่ฮัวจิงฉือกล่าวออกมา แต่ทว่าผู้นำแห่งทะเลตะวันออกนั้นเข้าใจทุกอย่างพร้อมกับเผยรอยยิ้มอันขื่นขมทันที “เราคิดจะใช้สิ่งนั้นใต้เกาะจริงๆสินะ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็คงช่วยไม่ได้ เอาล่ะ แม้ข้าจะไม่อยากใช้มัน แต่ตอนนี้เราจำเป็นแล้ว ข้าจะจัดการเอง ส่วนเจ้าหารือเกี่ยวกับการต่อสู้นี้อยู่ที่นี่!” เมื่อกล่าวจบผู้นำลุกขึ้นและเดินออกไปทันที

“ขอให้ท่านโชคดี!” ฮัวจิงฉือและคนอื่นกล่าวอวยพรออกมาพร้อมกัน

ในตอนนี้ซ่งจงไม่ได้เคลื่อนกองทัพเร็วนัก เขายังไม่ออกคำสั่งให้จัดการใดๆบนเกาะ เพียงแต่ว่าการเคลื่อนกองทัพช้าๆนั้นแน่นอนว่าเขามีจุดมุ่งหมายที่มากกว่านั้น

เนื่องจากเหล่าอสูรกายนั้นอยู่ใต้น้ำเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจำนวนของพวกมันจึงสร้างความหวาดกลัวได้เป็นอย่างดี ซ่งจงนั้นอยู่บนเรือเหาะ เขาสามารถมองเห็นทุกสิ่งได้โดยรอบ ในตอนนี้คลื่นทะเลพิโรธนั้นสูงกว่าหมื่นฟุตซึ่งพร้อมตรงเข้าไปชำระล้างโถงหลักแห่งกลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกแล้ว

ในตอนแรกคลื่นเหล่านี้มีความสูงเพียงสามฟุตเท่านั้น แต่ทว่าด้วยพลังของเหล่ากองทัพอสูรกายใต้น้ำที่ผนึกกำลังกัน ทำให้คลื่นยักษ์ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและมีความสูงถึงสามหมื่นฟุตในตอนนี้

ในตอนนี้คลื่นยักษ์พร้อมโจมตีอย่างมากและมันเปรียบเสมือนกับกำแพงป้องกันของเหล่าอสูรกายอีกด้วย ถ้าหากโจมตีเข้าไปแล้วแน่นอนว่าทุกอย่างจะต้องถูกชำระล้างโดยทันที ซึ่งพลังของเหล่าอสูรกายที่เห็นมนุษย์วิ่งหนีนั้นยิ่งเพิ่มกำลังใจให้พวกมันอีกหลายเท่า

ในตอนนี้เป็นไปได้ว่าเมื่อคลื่นยักถาโถมขึ้นฝั่งจนท่วมเกาะ เหล่าอสูรกายใต้น้ำจะบุกขึ้นมากลืนกินเหล่ามนุษย์ทั้งหมด!

ในการเผชิญหน้ากับคลื่นยักษ์ที่ทรงพลังเช่นนี้ เหล่าผู้ฝึกตนบนเกาะรู้สึกหมดหวังและหดหู่อย่างถึงที่สุด

อย่างไรก็ตามในเวลานั้นเอง เกิดแรงดันของปราณจิตวิญญาณขึ้นบางเบาบริเวณรอบเกาะ พลังของมันน่าเกรงขามจนทำให้ทุกคนตกตะลึงอย่างมาก ผู้ฝึกตนที่อยู่ในระดับปฐมภูมินั้นไม่อาจต้านทานความกดดันของมันได้ ส่งผลให้ร่างกายหลั่งเหงื่อเย็นเชียบออกมา ราวกับว่าตนเองเป็นเพียงมดตัวหนึ่งซึ่งกำลังแบกภูเขาใหญ่อยู่ แม้แต่เหล่าผู้ฝึกตนระดับจินตันยังไม่อาจกอดเก็บความประหลาดใจเหล่านี้ไว้ได้

เมื่อแรงกดดันวิญญาณเผยออกมามากพอ ปรากฏขวานยักษ์ลึกลับขึ้นมาเบื้องหน้าของเกาะ

ลักษณะของมันน่าเกรงขามเกินกว่าผู้ใดจะกล้าขัดขืน เหล่าคนที่มองเห็นได้แต่ยอมสยบให้มันแต่โดยดี จิตสังหารของขวานเล่มนี้ร้ายแรงเกินกว่าที่ผู้ใดจะต้านทานได้ไหว

ขวานนี้อยู่ในมือของผู้ควบคุมที่ไม่อาจมองเห็นได้ มันกำลังหมุนอย่างรุนแรงเพื่อสร้างพายุน้ำขนาดยักษ์ขึ้นมาหลายพันฟุตเพื่อที่จะรับมือกับคลื่นทะเลพิโรธที่กำลังจะมาถึง

ถึงแม้ว่าคลื่นทะเลพิโรธจะแข็งแกร่งอย่างมาก สามารถเอาชนะค่ายกลป้องกันของกลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกได้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าขวานลึกลับดูเหมือนว่ามันจะอ่อนแอลงทันที ในขณะที่มันเคลื่อนเข้ามา ขวานสับลงกลางทะเลพร้อมกับแบ่งน้ำออกเป็นสองฝั่งอย่างโหดเหี้ยม

เหล่าอสูรกายมากมายนับไม่ถ้วนถูกตัดแบ่งออกเป็นสองซีกทันที แม้ว่าบางตนจะมีพลังป้องกันของเต่าดำขั้นห้าก็ไม่สามารถเอาชีวิตรอดจากการโจมตีคราวนี้ได้ ทั้งหมดตายตกไปอย่างน่าสมเพชคล้ายกับกระดาษใบหนึ่งที่ถูกฉีกขาดเท่านั้น

การถูกผ่าครึ่งเมื่อครู่ทำให้เหล่าอสูรกายใต้น้ำเสียขวัญกำลังใจและคลื่นยักษ์พังทลายลงทันทีจากความไม่สมดุลและจิตใจที่ตื่นตระหนก ใต้น้ำในตอนนี้เต็มไปด้วยเลือดมากมายและร่างกายที่ฉีกขาดลอยขึ้นมาอยู่ด้านบนเกลื่อนกลาด

ในตอนนี้คลื่นยักษ์ได้พังลงไปแล้ว คลื่นที่มุ่งร้ายต่อภูเขาลูกนี้ได้หายไปหลงเหลือเพียงคลื่นเบาๆที่ซัดขึ้นฝั่งเท่านั้น ไร้พลังของเหล่าอสูรกายอีกต่อไปในคลื่นเหล่านี้ ซึ่งดูเหมือนว่าน้ำทะเลทำได้เพียงลูบไล้ค่ายกลป้องกันเท่านั้น…