พนาวันโซเซ ถูกสะบัดล้มลงไปที่พื้น
เขาเข้าใกล้ทะเลสาบไม่หยุด ตอนที่เท้าเหยียบเข้าไปในน้ำ ความเยือกเย็นและน่าขยะแขยงเข้าครอบงำเขาทันที
ชั่วพริบตาเดียว อาคิระรู้สึกว่าถูกคนรัดคอ หายใจไม่ออก
แต่ถึงจะเป็นแบบนี้ แต่เขาก็ยังไม่หยุด เดินไปตรงส่วนน้ำลึกของทะเลสาบต่อ
มองจากแผ่นหลังแล้ว ร่างกายสั่นเกร็งไปหมด
แค่เป็นเรื่องที่อาคิระตัดสินใจทำ ไม่มีทางที่จะหันหลังกลับแน่!
พนาวันสูดลมหายใจลึกๆ เดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว มือสองข้างออกแรงผลักเขาออกไป กระโดดลงไปในทะเลสาบ
พิมแสงตะลึงงัน
อาคิระนิ่งไป ตะลึงอยู่ตรงนั้น
กลางทะเลสาบ พนาวันมองไปที่เขา พูดว่า:“ของอะไรตกลงไป?”
อาคิระได้สติคืนมา อารมณ์ที่เดือดจัดยังไม่หายไป กลับเพิ่มมากขึ้น ตะโกนไปที่เธออย่างโมโห:“พนาวัน นี่คุณทำอะไรน่ะ?”
“ของอะไรกันแน่!ในน้ำมันหนาว ฉันยืนหยัดอยู่ได้ไม่นาน สิ่งที่คุณทำได้ในตอนนี้คือช่วยประหยัดเวลาของฉัน!”
พนาวันตัดสินใจแล้ว
ทั้งสองสบตากันเล็กน้อยโดยมีทะเลสาบกั้นไว้ จากนั้นอาคิระจึงประนีประนอม บอกของที่ตกลงไป และตำแหน่งกับเธอ
พนาวันหายใจเข้าลึกๆ แล้วกลั้นไว้
จากนั้นก็จมลงไปในน้ำ บนผิวน้ำมีระลอกคลื่น จากนั้นก็มองไม่เห็นร่างคน
นัยน์ตาสีแดงจางลงไป อาคิระรีบโทรหาเจ้าหน้าที่ทันที
ทะเลสาบไม่ได้ลึกมาก แต่โคลนตมนั้นลึกมาก
เธอมองตรงหน้าไม่ชัด หลับตาลง ใช้ความรู้สึกคลำในทะเลสาบ
ค่ำคืนที่หนาวเหน็บ อุณหภูมิในน้ำไม่ต้องพูดก็เข้าใจดี ตอนแรกยังดีๆอยู่ พอเวลาผ่านไปนานเรื่อยๆ ความเยือกเย็นเริ่มเข้าสู่กระดูก
บนผืนน้ำไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อาคิระจุดบุหรี่มาสูบอย่างหงุดหงิด
ขาค่อยๆไม่มีความรู้สึก พนาวันรู้ว่า ตัวเองต้องรีบจบให้เร็วที่สุด!
ไม่อย่างนั้นรอจนขาเป็นตะคริวแล้วค่อยออกไป ก็คงสายไปแน่นอน!
สร้อยข้อมือ สร้อยข้อมือ สร้อยข้อมือ……
เธอท่องในใจเงียบๆ แล้วรีบหา
บนฝั่งทะเลสาบ อาคิระเดินไปเดินมา สูบบุหรี่หลายมวนไม่หยุด สบถเสียงทุ้มต่ำ รุนแรงมากขึ้น:“แม่เอ๊ย!”
ครั้งนี้ก็ผ่านไปนานอีกครั้ง บนผืนน้ำยังคงสงบนิ่ง
ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ความหวาดกลัวและหงุดหงิดเริ่มแผ่ซ่านไปในหัวใจ คำรามไปที่ทะเลสาบ:“พนาวัน คุณรีบออกมาเดี๋ยวนี้ ได้ยินไหม!”
หายต๋อมเหมือนหินที่จมลงไปในทะเล ไม่ได้รับการตอบสนองใดๆ
อาคิระขบกรามแน่น ระงับความหงุดหงิดในใจไว้ แล้วลงไปในน้ำ
ครั้งนี้ ก้าวไปข้างหน้าเพียงสองก้าว
ก็มีเสียง“พรึ่บ”
พนาวันโผล่ออกมาจากน้ำ ปัดผมกลับไปด้านหลัง เช็ดน้ำที่หน้า:“ฉันหาเจอแล้ว”
จู่ๆเธอก็โผล่ออกมาจากน้ำ แสงจันทร์ขาวนวลส่องไปยังเธอที่แก้มซีดขาวและตื่นเต้น
เวลานี้ อาคิระค่อยๆถอนหายใจ ความโกรธในตาค่อยๆหายไป
ในที่สุดก็ปีนขึ้นฝั่ง เสื้อผ้าบนตัวพนาวันเปียก แนบเนื้อไปหมด
หยดน้ำไหลลงไปไม่หยุด
แต่ว่า เธอไม่มีเวลาไปสนสภาพตัวเอง แต่รีบเดินไปที่ใต้แสงไฟ
แบมือออก สร้อยข้อมือวางอยู่ในนั้น
พนาวันยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว โล่งอกไปทันที
เธอมองเห็นสร้อยข้อมือชัดเจน จากแสงไฟ
จากนั้น ก็เหมือนถูกฝ่าผ่าใส่ ตะลึงงันอยู่ตรงนั้น เลือดในตัวไหลย้อนกลับ
อาคิระก็เดินมา มือใหญ่หยิบสร้อยข้อมือนั้นมาจากฝ่ามือเธอ
เขาจ้องไป ในที่สุดคิ้วที่ขมวดแน่นเป็นสามขีดก็คลายออก
สายตานั้นดูเหมือนยกภูเขาออกจากอก เหมือนได้อะไรคืนกลับมา
พนาวันเห็นชัดเจน เขายิ้ม โค้งเป็นมุมอย่างนุ่มนวล
เธอรู้สึกเจ็บปวดอย่างลึกซึ้ง ในหัวใจนั้น เหมือนมีคนใช้เศษแก้วที่แตกมากรีดใส่ จนเลือดไหลออกมา
จากแสงไฟ เธอเห็นชัดแล้ว
บนสร้อยข้อมือมีสลักตัวอักษรไว้ ดาหวันให้อาคิระ
ในเวลานี้ เธอเข้าใจทันทีว่า ทำไมเขาถึงดูรุนแรงอย่างนั้น ตอนที่ของตกลงไปในทะเลสาบ เหมือนของที่สำคัญในชีวิตหายไป
จากนั้น ความขมขื่นและเจ็บปวดที่ยากจะบรรยายก็กระจายไปทั่ว
ความรู้สึกที่ลำบากเพื่อคนอื่น เป็นแบบนี้นี่เอง
เธอรู้ว่าเขาโดนน้ำไม่ได้
ดังนั้น ตอนที่เห็นตัวเขาสั่นจะลงน้ำไป เธอก็ไม่อยากเห็นเขาทรมาน จึงผลักเขาออก
ตัวเองกระโดดลงน้ำเพื่อเก็บของให้เขา กลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็นของขวัญที่ดาหวันให้เขา!
ที่จริงแล้ว ทั้งหมดนี้ก็พอจะคิดได้อยู่แล้ว
นอกจากของที่ดาหวันให้แล้ว ยังจะมีของที่ใครให้เขาแล้วรักยิ่งชีพ เหมือนชีวิตแบบนี้อีก?
สรุปก็คือ เธอเองแหละที่สำคัญตัวผิด!
เขาไม่ได้ให้เธอลงน้ำไป และเขายังต่อว่าเธอให้ขึ้นฝั่ง เธอดิ้นรนจะลงไปหาเอง!
พอขึ้นฝั่งมา จิตใจเขาทั้งหมดก็อยู่ที่สร้อยข้อมือ ไม่มองเธอเลยสักนิด
ไม่เห็นเธอที่เสื้อผ้าเปียกไปทั่วตัว
และก็ไม่เห็นเธอที่ร่างกายสั่นท่ามกลางลมหนาว ใบหน้าที่ซีดเซียว ริมฝีปากม่วงเขียว
เหมือนเข็มเล็กๆแทงไปบนตัวพนาวัน เธอรู้สึกว่าร่างกายนั้นเจ็บปวดอย่างมาก
มือที่ตกลงไปข้างลำตัวบีบไปที่ต้นขาอย่างแรง บีบมันอย่างเจ็บปวด เขาไม่สนว่าเธอจะเป็นจะตายหรือไม่ เขาสนใจแค่ว่าสร้อยข้อมือนั้นอยู่ดีครบถ้วนหรือไม่
เวลานี้ ชีวิตคนก็ไม่มีค่าเท่าสร้อยข้อมือเส้นหนึ่ง!
เขายังจ้องไปที่สร้อยข้อมือ เธอชาด้วยความเจ็บปวด ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป จึงเรียก หมีพูล เดินไปข้างหน้าอย่างเลื่อนลอย
หมีพูลเห็นพ่อแวบแรก จากนั้นก็ตามมาหาแม่
มือเล็กๆที่อบอุ่นไปแตะมือที่เย็นเฉียบของเธอ เขาพูดเสียงสะอื้น:“แม่ครับ ผมช่วยให้แม่อุ่นมือขึ้นนะ”
“แม่ไม่หนาว ลูกสวมเสื้อผ้าไว้เถอะ จะได้ไม่เป็นหวัด”
พนาวันหลบมือเล็กๆของเขา สะบัดแขนเสื้อ จัดเสื้อสูทให้เขาดีๆ
“แม่ครับ แม่เอาเสื้อตัวนี้ไปสวมสิ!”
หมีพูลจะถอดออก
เธอไม่ยอม พูดไปว่า:“แม่เป็นหวัดแน่นอนแบบนี้ แต่ลูกถอดเสื้อออกมาก็จะเป็นหวัดด้วย เป็นหวัดแค่คนเดียวจะดีกว่านะ สวมไว้เถอะ ถ้าลูกเป็นหวัดอีก แม่ก็ไม่มีแรงดูแลลูกนะ”
หมีพูลกลัวเธอโกรธอีก เลยไม่ได้ถอด
ขาของเขาปวดเล็กน้อย ไม่กล้าพูด
พอถอดที่ยึดขาออกแล้ว หมอบอกว่าเขาฟื้นตัวได้ไวเกินคาด อย่าเดินมากนัก แต่วันนี้เดินมากไปหน่อย จึงรู้สึกเจ็บเล็กน้อย
หลังจากอาคิระดึงสติกลับมาแล้วมองไป ก็สบตาเข้ากับแผ่นหลังของผู้ใหญ่กับเด็กที่ออกไปพอดี
เขาขมวดคิ้ว รีบเดินเข้าไป ขวางทางของพนาวัน
พนาวันก้มหน้าลง หลับตาลงเบาๆ
น้ำยังไม่หยุดไหลลงไป เธอไม่ได้เงยหน้ามา และก็ไม่มองเขา ได้แต่เดินผ่านเขาไป เดินหน้าต่อไป
เวลานี้ จิตใจของเธอเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง
อาคิระกลับหยุดเธออีกครั้ง
เธอไปซ้าย เขาไปซ้าย เธอไปขวา เขาก็ตามไปด้านขวา
“คุณจะเอาไง?”ครั้งนี้ เธอเงยหน้าขาวซีดนั้น มองไปที่เขา
“คุณกระโดดลงไปเอง แล้วตอนนี้จะมาชักสีหน้าใส่อีก?ผมให้คุณกระโดดลงไปเหรอ?”
เขาเหลือบมองเสื้อผ้าเธอที่มีน้ำหยด แล้วมองไปที่ตัวเอง จึงพบว่าเสื้อคลุมของตัวเองเอาไปให้หมีพูลแล้ว
“อือ ฉันมันสมควรแหละ ฉันสำคัญตัวผิด โอเคยัง?”พนาวันพูด