คำนี้เข้าไปในหูของอาคิระ ก็รู้สึกไม่สบายใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเฉยเมยบนใบหน้าเธอที่อธิบายไม่ถูก ยิ่งทำให้อารมณ์ของเขาหงุดหงิด
เวลานี้ไม่ได้ติดใจเอาความเธอ มองเห็นพิมแสงที่เดินมาทีหลัง เขาพูดว่า:“เอาเสื้อคลุมคุณให้ผมยืมหน่อย!”
พิมแสงรู้ความหมายของเขา และไม่อยากให้ยืม จึงพูดว่า:“ข้างในฉันเป็นกระโปรง”
“ให้ผมยืมแป๊บหนึ่ง ไม่นานหรอก!”
ใบหน้าอาคิระหม่นลงไปเล็กน้อย ย้ำไปอีกครั้ง:“สิบนาที!”
พูดถึงจุดนี้แล้ว ถึงพิมแสงไม่ยอมแต่ก็ถอดเสื้อคลุมให้ แล้วยื่นไป
อาคิระยื่นมือไปรับ จากนั้นยื่นให้พนาวัน:“สวม!”
“ฉันไม่สวม!”น้ำเสียงของพนาวันอ่อนลง แต่พูดอย่างแน่วแน่
“สวมซะ!”
น้ำเสียงของอาคิระนั้นแน่วแน่กว่าเธอ และในน้ำเสียงยังมาพร้อมกับออกคำสั่ง
แขนของเขาเหยียดตรงไปทางเธอโดยไม่คิดที่จะเอากลับ เสื้อคลุมของพิมแสงวางอยู่บนปลายนิ้ว
พนาวันไม่มองเขา ก้มลงมองไปที่พื้น พูดว่า:“คุณพิมแสงน่าจะหนาวมาก ฉันไม่หนาว ไม่สวม!”
ตอนนี้เอง มีลมหนาวพัดมาพอดี ร่างที่ผอมบางของเธออดไม่ได้ที่จะหนาวสั่น
สายตาจ้องมองไปที่หยดน้ำที่ไหลลงมา ดวงตาสีดำของอาคิระนั้นดูลึกลงไป:“อย่าคิดไปเอง คิดว่าผมใส่ใจคุณ ผมแค่ไม่อยากติดหนี้ใคร!”
เทียบกับท่าทีของเขาแล้ว สายตาของพนาวันเรียกได้ว่าไม่เปลี่ยนไปเลย ยังคงเย็นชาและไร้เหตุผลเช่นนั้น:“ฉันบอกแล้วไงฉันไม่หนาว ไม่สวม!”
สุดท้าย อาคิระก็โมโห ขมวดคิ้วแน่น
น้ำเสียงของเขาเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง พร้อมความโมโห:“ไม่หนาว?ใบหน้าซีดขาวเหมือนผี ริมฝีปากม่วงคล้ำ ตัวสั่นเหมือนว่าว พนาวัน คุณจะดัดจริตไปถึงไหน!”
ดัดจริตไปถึงไหน……
คำนี้ ถากถางกันชัดๆ
ในสายตาเขา นี่เธอกำลังดัดจริตเหรอ?เธอมีสิทธิ์ดัดจริตที่ไหนกัน!
มุมปากยิ้มอย่างเยาะเย้ยเล็กน้อย อาจเป็นเพราะหัวใจที่ด้านชา พนาวันจึงแสดงความกล้าหาญออกมาเล็กน้อยในเวลานี้
เธอไม่สนใจเขา จูงมือของหมีพูลด้วยมือข้างหนึ่ง เดินผ่านเขาไป และเดินไปข้างหน้าต่อ
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธอจะต้องไม่กล้าแน่นอน
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
ความโกรธจัดของอาคิระถูกระเบิดออกมา
เขาก้าวเท้ายาว เดินเร็วเข้ามา เพียงไม่กี่ก้าวก็ไปขวางหน้าเธอ ใบหน้าดูคมชัดขึ้นมา:“เสื้อคลุมตัวนี้ คุณจะใส่หรือไม่ใส่?”
“ไม่ใส่!”
พนาวันไม่ลังเลแม้แต่น้อย ตอบไปอย่างชัดเจน
อาคิระยิ้มอย่างเยือกเย็นมากขึ้น:“คุณเจ้าอารมณ์มากขึ้นเรื่อยๆเชียวนะ!”
“ร่างกายเป็นของฉัน ต้องการหรือไม่ต้องการอะไรในใจฉันรู้ดีกว่าใคร ถ้าคุณยังยืนหยัดเพราะว่าฉันกระโดดลงน้ำเพื่อเก็บสร้อยข้อมือให้คุณล่ะก็ นั่นไม่จำเป็นหรอก!วันนี้ที่สวนสนุกคุณก็ช่วยฉันระบายความโกรธไปแล้ว ตอนนี้ระหว่างเราสองคน ไม่มีใครเป็นหนี้ใครทั้งนั้น!”
วันนี้เธอกล้าหาญ กล้าแสดงความคิดไปหมด และคัดค้านแล้วจริงๆ สิ่งที่ควรทำหรือไม่ควรทำ เธอทำไปหมดแล้ว
ตอนแรกเขาช่วยเธอระบายความโกรธ โดยไม่ลังเลเลยสักนิด มันเป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่ง!
ระหว่างเราสองคน ไม่มีใครเป็นหนี้ใครทั้งนั้น เหอะๆ……
เขามองเธอด้วยสายตาคมกริบ เปลวไฟส่องประกายและหม่นลงอย่างระยิบระยับ หน้าอกของอาคิระกระเพื่อม พูดไปอย่างดี:“รู้สึกว่าผมคงแส่ไม่เข้าเรื่องเอง!ระหว่างเราสองคน?เหอะๆ ตั้งแต่ที่คุณเริ่มปีนขึ้นเตียงผมอย่างน่ารังเกียจ หนี้นี้ก็ไม่มีทางคืนได้หรอก!”
พูดจบ เขาก็หันกลับ โยนเสื้อคลุมในมือให้พิมแสง แล้วออกไป
พอเห็นแบบนี้ พิมแสงก็ตามไปติดๆ เอาเสื้อคลุมของตัวเองมาสวม
ดังนั้น จึงเหลือแค่เธอกับหมีพูล
อย่างที่คิดไว้เลย
อาคิระไม่เคยรักเธอกับหมีพูล
วันนี้ เธอยังคิดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ที่แท้ เธอก็คิดมากไปเอง
สันดอนขุดง่าย สันดานขุดยาก
แม้ว่าไม่สนว่าเธอจะเป็นจะตาย หรือว่า ความเป็นความตายของลูกชายตัวเองก็ไม่สนเหรอ?
ดึกขนาดนี้แล้ว ไม่ห่วงว่าหมีพูลจะเป็นหวัดเหรอ?
สีหน้าพนาวันหม่นลงไป เธอไอเบาๆ จูงมือของหมีพูลเดินไปในทางตรงกันข้าม
หมีพูลเดินช้าเล็กน้อย
เขาเจ็บใต้ส้นเท้า จึงเหยียบนิ้วเท้าเดิน
หันหน้าไปมองทางที่อาคิระออกไปอีกครั้ง พ่อให้แม่นั่งรถไม่ได้เหรอ?
เสื้อผ้าเปียกหมดแล้ว แม่จะเป็นหวัดได้
รู้สึกถึงฝีเท้าที่ไม่กระฉับกระเฉงของลูก พนาวันย่อตัวลง เอาสูทตัวใหญ่นั้นห่อตัวเขาไว้แน่น จากนั้นจึงอุ้มขึ้นมา
หมีพูลดิ้น:“แม่ ผมลงไปเดินเองได้”
“ตัวเปียกหมดแล้ว แต่แม่ยังมีแรงนะ พยายามอย่าให้ตัวเองมาโดนแม่ล่ะ”พนาวันพูด
เสื้อผ้าที่ตัวเธอเปียกมาก และก็หนักมากด้วย ในรองเท้ามีน้ำ เท้าเซไปมา เดินจึงไม่กระฉับกระเฉงมากขึ้น
สวนสาธารณะใหญ่มาก เดินออกจากสวนสาธารณะพนาวันหมดเรี่ยวแรงแล้ว
อยากโบกรถแท็กซี่ แต่ตัวเองดูอนาถไปทั้งตัว คิดว่าคนขับคงไม่ยอมให้ขึ้นแน่
ไปนั่งรถเมล์ ก็ดึงดูดสายตาของคนจำนวนมากอีก ด้านข้างยังมีหมีพูล เธอไม่อยากเป็นแบบนั้น
ยืนอยู่ที่นั่นสักพัก พนาวันจึงโบกแท็กซี่คันหนึ่ง และให้เงินคนขับมากกว่าปกติไปครึ่งหนึ่ง
มีถุงพลาสติกอยู่บนรถพอดี เธอจึงเปิดถุงพลาสติกเหล่านั้น
มาปูรองใต้ก้น และปูรองใต้เท้าสองข้างอีก ไม่อยากทำรถของเขาสกปรก
หมีพูลนั่งอยู่ด้านข้างอย่างเชื่อฟัง
อีกด้าน
รถเบนท์ลีย์ถูกอาคิระที่โกรธจัดขับเหมือนแข่งรถ
ขับไปอย่างรวดเร็ว และไม่สนใจสัญญาณไฟ
พิมแสงที่นั่งอยู่ข้างคนขับ ได้แต่คาดเข็มขัดไว้แน่น หัวใจแทบจะทะลักออกมา
ขับไปได้ระยะหนึ่ง จู่ๆ อาคิระก็เหยียบเบรกอีกครั้ง
“เอี๊ยด——”
ยางรถเสียดสีกับพื้น ส่งเสียงดังแสบแก้วหู
ใบหน้าของเขาหม่นหมองลง
รถหักเลี้ยว แล้วขับกลับ
ไม่รู้ว่าทำไม ในหัวก็ปรากฏสภาพที่เธอเปียกโชนไปทั้งตัว สั่นท่ามกลางลมหนาว เย็นชาเหมือนผี
เธอเก็บสร้อยข้อมือให้เขา เขากลับคืนพระคุณนี้กลับไปโดยสมบูรณ์!
รถจอดด้านนอกสวนสาธารณะ อาคิระวิ่งเข้าไปในสวนสาธารณะ
เขาหาด้านใน วิ่งจากทางเข้าไปยังจุดที่จากกันเมื่อกี๊ ก็ไม่เห็นร่างสองคนนั้นแล้ว
ส่วนพนาวันและหมีพูลในตอนนี้ก็ถึงคอนโดแล้ว จ่ายเงินให้คนขับรถแท็กซี่ แล้วขึ้นไปชั้นบน
พอกลับถึงคอนโด เธอก็ถอดเสื้อสูทบนตัวหมีพูลออก แล้วไปห้องน้ำ
ถอดเสื้อผ้าบนตัวที่เปียกออก ขณะที่ก้าวลงไปในอ่างอาบน้ำ ความเย็นและความร้อนสลับกันไปมา กระตุ้นให้เธอสั่นอย่างอดไม่ได้
เธอหลับตาลง เข้าไปในความคิดของตัวเอง
เดิมทีคิดว่าวันนี้จะเป็นทริปที่สนุกและเป็นความทรงจำที่น่าจดจำ แต่คิดไม่ถึงเลย……
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนอยู่ในสวนสนุก เธอรู้สึกถึงความสุขที่ไม่เคยมีมาก่อน
เวลานั้น เธอรู้สึกว่าความน้อยเนื้อต่ำใจที่ตัวเองได้รับเมื่อก่อนนั้นคุ้มค่า
คิดว่าชิงช้าสวรรค์ทำให้เธอมีความสุขแล้ว ใครจะไปรู้ว่าพอถึงสวนสาธารณะ กระจกก็แตกไปที่พื้นเป็นเสี่ยงๆอย่างสมบูรณ์แบบทันที
จะทำดีหรือจะทำชั่ว ทุกอย่างอยู่ที่เราตัดสินใจ
ที่แท้ ระหว่างความดีและความชั่วก็อยู่ใกล้กันแบบนี้นี่อีก