ตอนที่ 1715 ศึกแรก

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ในสนามประลองสังเวียนขนาดใหญ่นั้นมันเต็มไปด้วยผู้คน

เมืองจักรพรรดิเลิศประกายนั้นได้สร้างสนามประลองขนาดใหญ่ไว้เพื่อรองรับงานสังเวียนร้อยศึกทุกๆ สามร้อยปี

ที่กลางสนามนั้นจะมีสังเวียนแยกออกเป็นแปดสังเวียนขนาดใหญ่

และในสังเวียนทั้งแปดก็จะมีแยกเป็นเวียนย่อยลงไปอีกสี่สังเวียน ตอนนี้เหล่าผู้เข้าร่วมต่างพร้อมจะทำการต่อสู้อย่างเต็มที่รอบๆ สังเวียนที่ว่านี้

คนที่เข้าสมัครร่วมสังเวียนร้อยศึกในครั้งนี้มีจำนวนมากกว่าสามพันหกร้อยคน

แบ่งออกเป็นแปดกลุ่ม แต่ละกลุ่มก็จะมีการแข่งขันของตัวเองไปแยกจากกัน

เย่หยวนนั้นอยู่กลุ่มหก ส่วนหนิงเทียนปิงนั้นอยู่กลุ่มแปด

เมื่อเย่หยวนเข้ามาถึงสนาม เขาก็เรียกเสียงเยาะเย้ยจากผู้คนได้ในทันที

“นี่ตาข้าฝาดไปเรอะ? เป็นแค่ราชันพระเจ้าสองดาวแต่กลับกล้ามาร่วมงานสังเวียนร้อยศึกด้วย?”

“ฮ่าๆ! มันคงเป็นอัจฉริยะแหละ! อัจฉริยะที่อยากให้ท่านเจ้าศาลายอมรับในตัวมัน”

“ช่างประเมินตัวเองสูงเกินไปแท้ๆ! ชิๆ หากข้าได้เจอมันในรอบแรก มันจะดีแค่ไหนกันนะ?”

ในสายตาของทุกผู้คนตอนนี้เย่หยวนเป็นได้แค่เหยื่ออันโอชะ

เพราะเรื่องที่ว่าพวกเขาจะผ่านเข้ารอบต่อไปหรือไม่นั้นมันก็ล้วนแล้วแต่ว่าพวกเขามีดวงพอจะไปเจอคนอ่อนๆ อย่างเย่หยวนหรือไม่

ในหมู่ยอดอัจฉริยะที่สมัครเข้ามาร่วมนั้นส่วนมากจะเป็นราชันพระเจ้าสามดาวไปจนถึงราชันพระเจ้าห้าดาว ราชันพระเจ้าสองดาวและหกดาวนั้นนับว่าหาได้ยากมาก

การได้เจอนักยุทธที่มีพลังบ่มเพาะแค่อาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวเช่นนี้มันก็เทียบเท่าได้กับว่าพวกเขาได้ตั๋วเข้ารอบต่อไปฟรีๆ

แน่นอนว่าคนที่คิดแบบนี้ส่วนมากแล้วเป็นนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาวและสี่ดาว

พวกที่สามารถขึ้นไปอาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาวได้นั้นไม่ชอบที่จะต้องกินหมูทำอะไรง่ายๆ ให้เสียชื่อตัวเองเช่นนั้น

“ไอ้เจ้าพวกนี้มันโง่เง่าตาไม่มีแววจริงๆ!” หนิงเทียนปิงยิ้มออกมาอย่างเย็นเยือก

เย่หยวนจึงยิ้มตอบ “หึๆ ไม่ต้องไปสนใจพวกเขาหรอก คนเหล่านี้ล้วนเป็นได้แค่ตัวประกอบฉากเท่านั้น เจ้าไปเถอะ พยายามและคว้าที่หนึ่งมาให้ได้ล่ะ”

หนิงเทียนปิงนั้นมีโชคดีกว่าคนอื่น เพราะในกลุ่มที่เขาอยู่มันไม่มียอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าหกดาวอยู่

หากหนิงเทียนปิงแสดงพลังฝีมือออกมาได้อย่างดีพอ เขาก็อาจจะขึ้นไปอยู่ในอันดับหนึ่งและกลายเป็นผู้ชนะของกลุ่มได้

เพราะยังไงเสียหนิงเทียนปิงก็ได้รับสืบทอดวิชาจากเทพถ่องแท้ ส่วนพวกอัจฉริยะคนอื่นๆ นั้นส่วนมากมันไม่มีใครจะไปได้รับสืบทอดใดๆ จากเทพถ่องแท้

หนิงเทียนปิงหัวเราะ “โดนนายใหญ่สั่งสอนมาทุกวี่วัน ข้าพ่ายแพ้จนแทบลืมความหมายของชีวิตไปแล้ว ไม่รู้เลยว่าครานี้ข้าจะสามารถต่อสู้ได้ถึงขนาดไหน”

เวลาหลายปีมานี้ คู่ต่อสู้เดียวที่หนิงเทียนปิงมีก็คือเย่หยวน

การต่อสู้กับเย่หยวนนั้นมันเป็นประสบการณ์ที่แสนขมขื่นสำหรับเขา

เพราะชายคนนี้คือตัวตนที่ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน ทำอย่างไรก็ไม่มีทางชนะได้เลย!

แต่มันก็เป็นเพราะว่าการฝึกกับเย่หยวนเช่นกันที่ทำให้หนิงเทียนปิงสามารถลงมืออย่างสุดกำลังได้ในทุกๆ ครั้งที่ประลอง

เรื่องนั่นมันทำให้เขาพัฒนาวิชายุทธและความเข้าใจแนวคิดไปได้อย่างมากมายจนน่าเหลือเชื่อ

ถึงขนาดที่ว่าตัวโม่ลี่เฟยยังต้องตื่นตกใจกับความเร็วการพัฒนาของศิษย์คนนี้

แต่ว่าเรื่องนี้มันก็ยิ่งทำให้เขาได้รับรู้ถึงพลังที่แท้จริงของเย่หยวนเข้าไปใหญ่

ไม่แปลกใจเลยที่เย่หยวนจะดูถูกสมบัติของเขา

ไม่นาน การต่อสู้รอบแรกก็เริ่มขึ้น

การต่อสู้ในรอบแรกนั้นส่วนใหญ่ผู้เข้าสมัครจะมีพลังฝีมือที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทำให้ผลการต่อสู้มักจะออกมาได้อย่างรวดเร็ว

ในกลุ่มของเย่หยวนนั้นมีคนกว่าสี่ร้อยคน นั่นหมายความว่าจะมีการต่อสู้กว่าสองร้อยคู่

แต่มันกลับดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว

บ้างก็ขึ้นไปได้ไม่ถึงอึดใจก็ถูกซัดร่วงลงมา

“ต่อไป เย่หยวนปะทะหลี่คุน!” กรรมการประกาศ

เมื่อเย่หยวนได้ยินชื่อตัวเองเขาก็กระโดดขึ้นไปบนสังเวียนทันที

“นั่นมันเจ้าราชันพระเจ้าสองดาวนี่นา! หลี่คุน เจ้ามันโชคดีเสียจริงๆ! ได้นอนเข้ารอบสองไปง่ายๆ เช่นนี้!”

“ไอ้หมาโชคดีเอ้ย! ทำไมข้าไม่โชคดีเหมือนมันบ้าง?”

“เมื่อคนเราโชคดี ต่อให้เป็นเซียนที่ไหนมาก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้! หลี่คุนในสายตาของข้าแล้วโชคชะตาของเจ้าคงกำลังเบ่งบาน!”

เหล่าผู้สมัครที่อยู่รอบๆ ต่างมองดูหลี่คุนด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความริษยา

หลี่คุนระเบิดเสียงหัวเราะขึ้น “ขอบคุณที่ให้ทาง! ขอบคุณจริงๆ ที่ให้ทางข้า!”

พูดจบเขาก็กระโดดขึ้นสังเวียนตามไป

หลี่คุนมองดูเย่หยวนและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เด็กน้อยเจ้านั้นมีพรสวรรค์ไม่เลว แต่…เจ้ามาเร็วเกินไป รอมาสังเวียนร้อยศึกรอบหน้าเถอะ ถึงตอนนั้นเจ้าอาจจะพอมีหวังบ้าง ตอนนี้ยอมแพ้เสีย เพราะหากข้าลงมือแล้วเจ้าคงเจ็บตัวไม่น้อย”

เย่หยวนนั้นช้ากว่าคนอื่นไปสามร้อยปี นั่นทำให้ความเร็วที่เขาบรรลุอาณาจักรวายุพระเจ้ามันตามหลังคนอื่นๆ ไปไม่น้อย

ตอนนี้หากมองด้วยตาเปล่าพลังบ่มเพาะของเขาคงดีกว่าคนธรรมดาหน่อย แต่ก็ไม่ได้นับว่าสุดยอดใดๆ

ในหมู่ยอดอัจฉริยะแล้วมันไม่มีค่าใดๆ เลยเสียด้วยซ้ำ

หลี่คุนนั้นเป็นนักยุทธที่อยู่บนยอดอาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาว อีกแค่ก้าวเดียวเขาก็จะสามารถขึ้นไปเป็นราชันพระเจ้าสี่ดาวได้แล้ว

แน่นอนว่าพลังของเขาเมื่อเทียบกับราชันพระเจ้าสองดาว มันคงเทียบกันไม่ติด

เย่หยวนยิ้ม “ไม่เคยลองสู้กันจะรู้ได้อย่างไร?”

หลี่คุนหัวเราะ “ดูเหมือนเจ้ามันเป็นพวกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ! ช่างเถอะ งั้นนายน้อยผู้นี้จะช่วยส่งเจ้าลงไปเอง! ดาบวายุเงาสนั่น!”

หลี่คุนใช้ดาบโจมตีอย่างรวดเร็วปานสายลม ทั้งร่างของเขาเหลือเพียงแค่ภาพติดตาพุ่งตัวเข้าหาเย่หยวนอย่างรวดเร็ว

“ช่างเร็วแท้!”

เสียงชื่นชมดังขึ้นจากด้านล่างสังเวียน ดูท่าพวกเขาทั้งหลายเองก็คงตื่นตะลึงกับความเร็วของหลี่คุนไม่น้อย

ที่ข้างสังเวียน เซียโหหยุนเองก็กำลังยืนดูด้วยมือไขว้หลังอยู่ด้วยท่าทางสบายๆ แต่สายตาของเขานั้นไม่เคยละจากตัวเย่หยวนเลย

เพราะเรื่องที่เจียนปิงเล่ามา เขานั้นไม่ค่อยอยากเชื่อนัก

นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวจะมีปัญญาสู้ข้ามสามดาวได้หรือ?

เพราะแต่ละดาวในอาณาจักรราชันพระเจ้านั้นก็ไม่ใช่ขยะสด จะมาข้ามกันได้ง่ายๆ อย่างไร

ที่สำคัญเขายังถูกแบ่งด้วยชั้นกลางและชั้นต้นด้วย!

แม้แต่ตัวเขาเองตอนที่ยังเป็นราชันพระเจ้าสองดาว อย่างมากสุดเขาก็แค่สู้กับราชันพระเจ้าสามดาวได้

ฟุบ!

ดาบนั้นพุ่งทะลุอกไป!

เสียงร้องดังขั้นรอบๆ ทันที แค่รอบแรกก็ตายกันเสียแล้วหรือ?

เย่หยวนคนนี้มันจะไม่อ่อนแอเกินไปหน่อยหรือ?

หลี่คุนเองก็ตื่นตกใจไม่แพ้กัน แต่ตอนที่ร่างของเขายังไม่ทันตั้งหลักดีเขาก็พบว่ามีมือของใครบางคนมาผลักเขาจากด้านหลัง

“ลงไป!”

หลี่คุนนั้นอยากจะตั้งหลักกลับมาอย่างสุดตัว แต่การผลักนั้นมันไม่ใช่การผลักธรรมดาๆ มันทำให้พลังในร่างของเขาหดหายไปทำให้ไม่มีแรงจะลุกขึ้นตั้งหลักเลยแม้แต่น้อย

ตุบ!

จากนั้นร่างของหลี่คุนก็ปลิวล่องลอยลงมาจากสังเวียนทันทีพร้อมกระแทกพื้นอย่างแรง

เซียโหหยุนหรี่ตาลงทันที “แนวคิดแห่งห้วงมิติ!”

แม้ว่ามันจะเป็นเวลาแค่ชั่วพริบตา แต่ประสาทสัมผัสของเขามันเหนือกว่าคนอื่นๆ มากและทันไปเห็นเข้าพอดี

“โอ้ย! เอวข้า!”

หลี่คุนเอามือประคองเอวและพยายามดันตัวลุก ก่อนจะพยายามตั้งใจมองดูเย่หยวนอีกครั้ง เย่หยวนผู้ที่ยังยืนอยู่บนสีงเวียนอย่างไม่มีร่องรอยบาดเจ็บใดๆ

เขาแพ้โดยที่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าแพ้อย่างไร!

เขาแทงเย่หยวนไปแล้วแท้ๆ แต่ทำไมคนที่ถูกดีดออกมากลับเป็นตัวเขาเอง?

กรรมการบอก “เย่หยวนชนะ หลี่คุนแพ้! เย่หยวนเข้ารอบสอง!”

เมื่อผลถูกประกาศออกมามันก็สร้างความโกลาหลไม่น้อย

“เกิดอะไรขึ้นกัน? ข้าเห็นหลี่คุนแทงเย่หยวนไปแท้ๆ ทำไมกลายเป็นเขาที่แพ้อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นนี้?”

“ไม่รู้สิ ข้าก็มองอะไรไม่ทันเหมือนกัน!”

นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาวคนหนึ่งหัวเราะขึ้น “แนวคิดแห่งห้วงมิติ! เย่หยวนใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติหลบดาบของหลี่คุนและผลักเขาออกมานอกสังเวียน ฮ่าๆ น่าสนใจจริงๆ”

นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาว แน่นอนว่าทั้งพลังกายและพลังสายตาพวกเขาย่อมเหนือกว่าใครๆ และพอมองออกว่าเย่หยวนลงมือยังไงบ้าง

แต่เขาก็ไม่ได้กังวล

เพราะเขานั้นมีพลังบ่มเพาะเหนือกว่าเย่หยวนสามดาว ต่อให้เย่หยวนจะใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติมันก็คงเปลี่ยนผลลัพธ์ไปได้ไม่มาก

ตอนนี้พวกเขาแค่ไม่มองว่าเย่หยวนเป็นแค่นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวธรรมดาๆ อีกต่อไปแล้ว

…………………………