เล่มที่ 22 เล่มที่ 22 ตอนที่ 645 แย่แล้ว ตกหลุมพราง

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

เยี่ยโยวเหยามารับซูจิ่นซีด้วยตนเองถึงเพียงนี้แล้ว นางคงไม่พ้นต้องกลับไปด้วย

ยามเดินทางกลับ ทั้งสองเดินจับมือกันไป ไม่ได้นั่งรถม้าหรือขี่ม้า

ตอนอยู่ที่ห้องลับ ซูจิ่นซีคิดรอบคอบดีแล้ว ไม่ว่าภายหลังจะเกิดอันใดขึ้น นางจะเผชิญหน้าอย่างเข้มแข็ง ไม่ว่าเส้นทางข้างหน้าจะยากลำบากเพียงไร นางจะมุ่งมั่นเอาชนะอุปสรรค

ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อเห็นเยี่ยโยวเหยา ก้นบึ้งในหัวใจของนางจึงเจ็บปวด ราวกับมีมดค่อยๆ กัดแทะหัวใจ

เหมือนเยี่ยโยวเหยาจะรับรู้ความรู้สึกของซูจิ่นซี เขาออกแรงกระชับมือของนางเล็กน้อย “คิดอันใดอยู่? ”

ซูจิ่นซีส่ายศีรษะ

นางไม่ต้องการพูด

“เยี่ยโยวเหยา ดูเหมือนว่าพวกเราจะไม่ได้ไปสวนตี้เหมยนานแล้ว”

“อยากไปหรือ? ”

“อืม! ”

“ข้าจะพาเจ้าไป ตอนนี้เลยดีหรือไม่? ”

“ตกลง! ”

เยี่ยโยวเหยาให้องครักษ์เงานำรถม้ามา ก่อนจะพาซูจิ่นซีออกนอกเมือง ตลอดทั้งคืน พวกเขามุ่งหน้าไปทางตอนใต้ เข้าสู่เมืองเหยาเฉิง

……

คืนนี้ มีคนที่หนักใจจนนอนไม่หลับ พวกเขาควบม้าห้อตะบึง

เช่น… ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยา

คืนนี้ มีคนพัวพันกับเรื่องทางโลก มีคนที่ต้องการอยู่และปรารถนาความตาย มีคนที่ต้องการดิ้นหลุดแต่ไม่พ้น และคนที่อดทนต่อความเจ็บปวดจนแทบไม่ไหว

เช่น… อู๋จุนกับถังเสวี่ยที่ถูกฮูหยินเตี๋ยวเมิ่งจับตัวกลับไปยังหุบเขาร้อยบุปผา

ในค่ำคืนนี้ มีคนที่หลุดพ้นจากทะเลทุกข์ และเหยียบย่ำไปจนสุดขอบโลก พวกเขามีที่พักอยู่ทุกหัวระแหง รวมถึงคนที่ใช้ชีวิตสันโดษอยู่ข้างนอก

เช่น เสด็จลุงและเสด็จป้าเก้าของแคว้นหนานหลีที่เร้นกายอยู่ในป่าอย่างสันโดษ หรือก็คือ จงเหมยจวงและมู่หรงอวิ๋นเกอ

ในค่ำคืนนี้ มีคนที่ถูกขังอยู่ในคุกเหล็ก เขามองไปยังทิศตะวันออกอันไร้จุดสิ้นสุด ปล่อยให้ความคิดถึงและความเสียใจกัดกินหัวใจของตนอย่างเชื่องช้า

เช่น เยี่ยเซินที่ถูกคนของเยี่ยโยวเหยานำตัวกลับไปยังเมืองหลวงแคว้นจงหนิง

ในค่ำคืนนี้ ยังมีคนอีกสองคนที่โชคชะตาลิขิตให้ทั้งชีวิตต้องพัวพันกันจนไม่อาจคลี่คลายได้ ทำได้เพียงยึดติดกันอย่างแนบแน่น

เช่น ท่านอ๋องมู่หรงฉีและรัชทายาทตงเฉิน ตงหลิงหวงย่องเข้าไปในจวนฉีอ๋องเพื่อขโมยแผนที่แคว้นหนานหลี

จวนฉีอ๋อง…

ยามสองผ่านไปแล้ว มู่หรงฉียังจัดการเอกสารอยู่ที่ห้องทรงอักษร

ในสวนดอกไม้ทิศตะวันตก หลิงเซียวจวิ้นจู่ที่กำลังหลับใหลพลันเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง แววตาที่มีความสับสนและความโกลาหลดั่งคนบ้าหายไปไหนแล้ว? ดวงตาสีดำขลับสวยงามสว่างชัดเจนราวกับไม่เคยเสียสติมาก่อน

ทันใดนั้น หน้าต่างก็ถูกเปิดออก บุรุษชุดดำเข้ามายืนอยู่เบื้องหน้าหลิงเซียวจวิ้นจู่

“ได้ความว่าอย่างไร? ”

“ได้รับยามาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้ามั่นใจนะว่าเป็นยาของประมุขหลาน? พี่ฉีหาใช่คนธรรมดา เขามีความระแวดระวังสูง ยากล่อมประสาทกับยาปลุกกำหนัดทั่วไปย่อมใช้ไม่ได้ผลกับเขา”

“จวิ้นจู่วางพระทัย ยานี้ได้มาจากผู้ที่ไปพบประมุขสกุลหลานเป็นการส่วนตัว และเป็นยานอนหลับที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่โดยราชครูแห่งสำนักห้าพิษของแคว้นไหวเจียง อย่าว่าแต่ฉีอ๋องเลย ต่อให้คนจากสำนักถังเหมินก็ดูไม่ออกว่าเป็นยาอันใด”

อัศจรรย์ถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?

หลิงเซียวจวิ้นจู่รับยาขวดนั้นมาไว้ในมือ นางคิดจะเปิดออกมาดู

ทันใดนั้น บุรุษชุดดำก็ห้ามหลิงเซียวจวิ้นจู่ไว้ “จวิ้นจู่ ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ! ยานี้ไร้สี ไร้กลิ่น สรรพคุณรุนแรง ต้องใช้ร่วมกับยาผงหอมเท่านั้น”

หลิงเซียวจวิ้นจู่ตกตะลึง พลางยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ “เช่นนั้นก็ดี พี่ฉีคงหาอันใดไม่พบ หลังเสร็จกิจ เขาคงคิดได้เพียงว่าตนเองสูญเสียสติสัมปชัญญะไปชั่วครู่ ไม่อาจโทษอันใดข้าได้”

บุรุษชุดดำเดินตามหลิงเซียวจวิ้นจู่ แววตาของเขาปรากฏความเจ้าเล่ห์เช่นกัน

ดวงตาของหลิงเซียวจวิ้นจู่เผยความเย็นชา “เจ้าออกไปได้! ”

บุรุษชุดดำถอยหลังออกไป จากนั้น หลิงเซียวจวิ้นจู่ก็ลุกขึ้นสวมเสื้อผ้า และเดินออกไปด้านนอก

ทิศทางที่นางกำลังเดินไปคือ ห้องบรรทมของมู่หรงฉี

นางกับมู่หรงฉีเติบโตมาด้วยกัน ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่รู้ว่านางเดินเข้าออกจวนฉีอ๋องกี่ครั้งแล้ว นางคุ้นเคยดีราวกับเป็นจวนของตนเอง รู้ว่าควรไปทางใดเพื่อหลีกเลี่ยงการลาดตระเวนขององครักษ์ ไปทางใดจึงจะสามารถหลีกเลี่ยงกับดัก ไปทางใดจึงจะหลบพ้นสายตาขององครักษ์เงา

หลิงเซียวจวิ้นจู่มาถึงห้องของมู่หรงฉีอย่างราบรื่น เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดอยู่บริเวณโดยรอบ นางจึงผลักประตูเข้าไป

ในห้องมีของมากมายที่ใช้ประดับในงานสมรสของพวกเขา เช่น ม่านสีแดง เชิงเทียนสีแดง ผ้านวมและผ้าปูเตียงสีแดงรูปเป็ดแมนดารินมงคล

เดิมที วันที่สองหลังงานสมรส มู่หรงฉีจะให้คนมาเอาของเหล่านี้ออกไป ทว่าหลิงเซียวจวิ้นจู่ที่กลายเป็นบ้ากลับไม่ยอม หากผู้ใดปลดออก นางจะกัดคนผู้นั้น ยิ่งไปกว่านั้น มู่หรงฉียังยุ่งอยู่กับงานหวนคืนสู่บัลลังก์ ทั้งยังต้องสะสางเรื่องของสกุลจง เขาจึงไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้

จนกระทั่งตอนนี้ ของเหล่านี้ยังคงแขวนอยู่ในห้องบรรทมของมู่หรงฉี

เมื่อเห็นสิ่งของเหล่านี้ น้ำตาของหลิงเซียวจวิ้นจู่พลันไหลอาบสองแก้ม

นางค่อยๆ เดินไปยังข้างเตียงใหญ่ ดวงตาทั้งสองข้างร้อนผ่าว นางเอื้อมมือไปลูบผ้าปูเตียงสีแดงรูปเป็ดแมนดาริน

“พี่ฉี ที่นี่คือห้องหอของเรา เรื่องมันกลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร? ”

“จงเนี่ย ทั้งหมดเป็นเพราะจงเนี่ย เป็นเพราะความทะเยอทะยานที่โฉดชั่วของเขา อย่างไรก็ตาม… ไม่เป็นอันใด พี่ฉี! ข้าฆ่าเขาแล้ว ไม่เป็นอันใด ตราบใดที่จงเนี่ยตาย เขาย่อมไม่อาจข่มขู่พี่ฉีได้อีก และไม่สามารถขัดขวางพวกเราได้ เพียงเท่านี้ หลิงเซียวก็จะได้อยู่กับพี่ฉีตลอดไป พวกเราจะไม่พรากจากกันตลอดกาล”

ยามพูดถึงจงเนี่ย ใบหน้าของหลิงเซียวจวิ้นจู่พลันเผยท่าทีโหดเหี้ยม นางเกือบจะลืมไปแล้วว่า วันนั้น นางสังหารพี่ชายแท้ๆ ของนางด้วยน้ำมือตนเอง

หลิงเซียวค่อยๆ เอนกายนอนบนเตียง สัมผัสบรรยากาศแห่งความสุข สัมผัสกลิ่นของมู่หรงฉีที่อยู่บนเตียง สัมผัสความเงียบสงบที่หาได้ยาก นางเพ้อฝันว่าคืนนี้ นางจะได้กลายเป็นสตรีของมู่หรงฉี กลายเป็นเจ้าสาวที่แท้จริงของเขา

ผ่านไปชั่วครู่ หลิงเซียวจวิ้นจู่คาดการณ์ว่าอีกไม่นาน มู่หรงฉีคงจะกลับมา นางจึงลุกขึ้นยืนและเดินไปยังเครื่องหอม นางนำผงหอมและยาปลุกกำหนัดออกมาจากอกเสื้อ ก่อนจะลงมือจุดเครื่องหอม

ทว่า ขณะที่นางกำลังจุดยาปลุกกำหนัดและผงยาหอมอยู่นั้น เสียงฝีเท้าพลันดังขึ้นจากทางด้านหลัง

“ผู้ใด? ” หลิงเซียวจวิ้นจู่หันหลังกลับทันที

อย่างไรก็ตาม นางยังไม่ทันรู้แน่ชัดว่าด้านหลังเกิดเรื่องอันใดขึ้น ก็ถูกตีจนสลบเสียก่อน

คนที่มาสวมชุดสีดำ ทั้งยังปกปิดใบหน้า จึงไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด

หลังจากหลิงเซียวจวิ้นจู่หมดสติ คนผู้นั้นก็เตะนางลงจากเตียงอย่างแรง ก่อนจะรื้อค้นข้าวของภายในห้องอย่างระมัดระวัง

คนชุดดำมาเพื่อตามหาแผนที่แคว้นหนานหลี แม้ในวังหลวงจะมีแผนที่ ทว่าได้ยินมาว่า จวนฉีอ๋องมีแผนที่หนึ่งแผ่นที่สมบูรณ์ที่สุด

นี่เป็นครั้งที่สามที่คนชุดดำแอบเข้ามาในจวนฉีอ๋อง เขาแทบจะรื้อจวนฉีอ๋องทั้งจวน แต่กลับไม่พบอันใด ที่เดียวที่ยังไม่ได้หาก็คือที่นี่ ห้องบรรทมของมู่หรงฉี

เขาเดาว่า แผนที่แคว้นต้องอยู่ที่นี่แน่นอน

คนชุดดำค้นหาทุกที่ภายในห้องแล้ว สุดท้ายก็สัมผัสถูกกลไกลับบนผนังโดยบังเอิญ ทันใดนั้น ชั้นวางของโบราณก็เกิดเสียงดัง แกรก แกรก ประตูพลันแยกออกจากกัน

ไม่คิดเลยว่าในห้องบรรทมของฉีอ๋องจะมีเส้นทางลับ

คนชุดดำดีใจอย่างมาก จากนั้นจึงหยิบเชิงเทียนบนโต๊ะและเดินเข้าไปในเส้นทางลับ

ทว่าคนชุดดำไม่คาดคิดเลยว่า นอกจากหลิงเซียวจวิ้นจู่จะใส่ยากล่อมประสาทและยาปลุกกำหนัดลงไปในเครื่องหอมแล้ว นางยังใส่ส่วนที่เหลือลงในเชิงเทียนอีกด้วย

คนชุดดำจุดเชิงเทียนโดยไม่ทันสังเกตอันใด

เขาเดินตามเส้นทางนั้นจนไปถึงห้องลับ และเห็นแผนที่แคว้นหนานหลีแขวนอยู่บนผนัง

หลังจากมั่นใจว่านี่คือแผนที่แคว้นหนานหลีฉบับสมบูรณ์ที่สุด เขาจึงวางเชิงเทียนในมือลงอย่างมีความสุข ก่อนจะเดินไปด้านหน้าเพื่อยกแผนที่ลงมา

อย่างไรก็ตาม ไม่คาดคิดเลยว่าในเวลานี้ เสียงของมู่หรงฉีจะดังขึ้นจากทางด้านหลัง

“รัชทายาทตงเฉิน ข้ารอท่านมานานแล้ว หลายครั้งที่ท่านมาเยี่ยมจวนฉีอ๋องของข้าในยามวิกาล ทว่าตอนนี้ ข้าเพิ่งได้มีโอกาสมาต้อนรับท่าน ขออภัยที่เสียมารยาท”

คนชุดดำขมวดคิ้วอย่างแรง นางตะโกนเสียงดังในใจว่า ‘แย่แล้ว ตกหลุมพรางเข้าให้แล้ว’