“คุณอย่ามัวหลงละเมอเพ้อพกอยู่อีกเลย มันไม่มีประโยชน์อะไรกับคุณหรอก” ฮั่วเทียนอวี่ยังพร่ำพูดอย่างพยายาม
“ฉันหลงผิดที่ไหนกัน ฉันเป็นคนอย่างที่คุณพูดงั้นเหรอ!” หลินหว่านเริ่มเดือดขึ้นมาอีก เข่นเขี้ยวเอากับฮั่วเทียนอวี่
ฮั่วเทียนอวี่มองดูหลินหว่าน เห็นว่าทำยังไงเธอก็คงไม่กลับไป เมื่อหลายวันก่อนอี้อวิ๋นฉังชักจูงให้เขาเปิดปากให้สัมภาษณ์ ตอนนี้ถึงแม้จะบรรลุผลแล้ว แต่หลินหว่านกลับไม่ได้เป็นอย่างที่อี้อวิ๋นฉังพูดไว้เลย
“คุณคงไม่ได้ยังมีใจให้กับเซียวจิ่งสือกระมัง” อันที่จริงฮั่วเทียนอวี่เริ่มรู้สึกกระวนกระวายแล้ว เขากลัวว่าหลินหว่านจะไม่รับปากเขา
ตั้งแต่นั่งอยู่ที่นี่ ฮั่วเทียนอวี่ก็พูดถึงชื่อนี้กับเธอไม่ต่ำกว่าหนึ่งครั้ง หลินหว่านจ้องเขา ไม่พูดอะไรอีก ฮั่วเทียนอวี่เข้าใจผิดว่าหลินหว่านใจอ่อนกับเขาแล้ว จึงคิดว่าเขาควรจะรุกไล่ตีเหล็กเมื่อยังร้อน
“คุณคิดว่าเขาเป็นคนดีจริงๆ รึไง! เขาก็แค่สนใจคุณชั่วประเดี๋ยวประด๋าว เขาเป็นคนแบบไหนคุณยังไม่รู้อีกรึไง?” ฮั่วเทียนอวี่รู้สึกเหมือนตัวเองแทบจะบินขึ้นมา เขานึกหวังจริงๆ ว่าหลินหว่านจะยอมรับปากกลับไปกับเขาในอีกวินาทีต่อมา
“คุณอย่าพูดแบบนี้ได้ไหม” หลินหว่านเริ่มขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าฮั่วเทียนอวี่จะพูดแบบนี้ เธอรู้ใจตัวเองดี การที่ฮั่วเทียนอวี่พูดแบบนี้เหมือนเธอเป็นคนไร้ค่า
ฮั่วเทียนอวี่เห็นว่าหลินหว่านไม่ยอมรับฟังเขา ถ้าหากตอนนี้เขาพาตัวหลินหว่านกลับไปได้ เขาคงพาตัวเธอไปแน่
“หลินหว่าน ไปกันเถอะ เซียวจิ่งสือแค่เห็นคุณเป็นของเล่นเท่านั้น พอเขาหมดสนุก คุณก็จะถูกทิ้ง” ฮั่วเทียนอวี่เหมือนกับเป็นบ้าไปแล้ว คราวนี้เขาเข้าไปสวมกอดหลินหว่านเอาไว้โดยไม่สนว่าหลินหว่านจะดิ้นรนอย่างไรบ้าง
พอรู้สึกตัวว่าบ่าไหล่และเอวของตัวเองถูกรัดรึงเอาไว้ หลินหว่านก็ผลักออกไปสุดแรงเกิด “ปล่อยนะ อย่าทำแบบนี้นะ ฮั่วเทียนอวี่” หลินหว่านดิ้นสุดแรง แต่แรงของเธอจะไปสู้แรงผู้ชายคนนี้ได้ยังไง
“ปล่อยฉันนะ อย่าทำแบบนี้” สุดท้าย หลินหว่านยกสองมือยันไหล่เขาออกไปอย่างแรง จนฮั่วเทียนอวี่หลุดออกไป รองเท้าส้นสูงที่สวมมาเกือบจะหลุดออกมา
พอเห็นว่าหลินหว่านมีสีหน้าเจ็บปวด ฮั่วเทียนอวี่ก็รีบส่ายหน้า “ทำไมคุณถึงเปลี่ยนไปแบบนี้ ทำไม ผมมีอะไรไม่ดีรึไง?” เขาอดไม่ได้ ถามโพล่งออกมา แต่เขาก็ไม่คิดจะยอมรับว่าตัวเองทำผิดไป
ต่อให้เขารู้ว่าตอนนี้หลินหว่านเกลียดเขาเพราะเรื่องนี้ ถ้าให้โอกาสเขาอีกครั้ง เขาก็ยังไม่อาจรับรองได้ว่าตัวเองจะไม่ไปให้สัมภาษณ์
ทั้งๆ ที่เขาแค่อยากให้หลินหว่านไปกับเขาเท่านั้นเอง! แต่ทำไมถึงได้ยากเย็นนักนะ? ฮั่วเทียนอวี่อ้าปากหายใจหอบถี่
ผมของเขายุ่งเหยิงอยู่บ้าง หลินหว่านลุกขึ้นยืน จัดผมที่หน้าผาก พูดว่า “คุณบอกว่าฉันเปลี่ยนไป ที่แท้ใครกันแน่ที่เปลี่ยน?”
พูดพลาง ฮั่วเทียนอวี่คิดจะสงบสติอารมณ์ลงก่อน จึงยกกาน้ำบนโต๊ะขึ้นมาเทให้ตัวเองแก้วหนึ่ง หลินหว่านได้ยินเสียงดื่มน้ำของฮั่วเทียนอวี่อย่างชัดเจน
“คุณกลับหมู่บ้านกับผมเถอะ พวกเราต้องอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขมากเลย” ตอนนี้ฮั่วเทียนอวี่ทำได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือพูดชักจูงเธอ
เขาไม่เชื่อว่าใจของหลินหว่านจะไม่หวั่นไหวตลอดกาล หลินหว่านหันหลังให้ฮั่วเทียนอวี่ เธอหยิบกระเป๋าถือบนโต๊ะขึ้นมา ฮั่วเทียนอวี่ดูออกว่าเธอกำลังจะไป
“คุณจะฟังผมพูดจนจบไม่ได้รึไง” ฮั่วเทียนอวี่พูดด้วยน้ำเสียงเกือบจะเป็นวิงวอน เขาทำถึงขนาดนี้แล้ว นาทีนี้ยิ่งจะยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด
พอฟังคำพูดเขา เสียงรองเท้าส้นสูงบดกับพื้นหยุดกึก มือของหลินหว่านที่กำลังจะเปิดประตูไม่ขยับ เธอกลั้นไม่อยู่น้ำตาร่วงพรูออกมาจนได้
“มีอะไรคุณก็พูดมาสิ” ตอนนี้ถึงแม้หลินหว่านจะหันหลังให้เขา แต่เขารู้สึกได้ว่าเสียงของเธอมีก้อนสะอื้น
งั้นก็เหลือแค่เวลานี้เท่านั้น เขารู้ว่าการให้สัมภาษณ์ของเขาทำร้ายหลินหว่าน เป็นเรื่องที่ผิด แต่ความคิดแบบนี้จนถึงบัดนี้ยังโผล่มาแวบเดียวก็หายวับไป
“คุณไม่เคยลองคิดดูจริงๆ รึเปล่าว่าคุณกับเขาจะลงเอยกันได้ยังไง” ตอนฮั่วเทียนอวี่พูดคำพูดนี้เขาเค้นมันรอดออกมาตามไรฟัน ตั้งแต่เมื่อครู่จนตอนนี้ เขาพูดกับหลินหว่านมาหลายครั้ง แต่หลินหว่านไม่เคยเห็นด้วยเลย
ที่จริงถ้าเป็นเมื่อก่อน หลินหว่านได้ยินเขาพูดแบบนี้คงต้องโอ่นอ่อนตามเขาแล้ว ต่อให้ไม่รับปากก็คงจะลองคิดดูให้ดี
แต่ความจริงในตอนนี้ทำให้เธอรับไม่ได้ คนเดียวที่เธอไว้วางใจ กลับแทงข้างหลังเธอ
เรื่องนี้ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวจนถึงตอนนี้ ต่อให้เธอถูกคนจำนวนมากรังเกียจ ก็ไม่คิดจะจากไปแบบนี้ เพราะไม่ควรที่เธอจะต้องเป็นฝ่ายรองรับเรื่องทั้งหมดนี้
ผู้ชายคนนี้เคยได้รับความเชื่อถือจากเธอ แต่ตอนนี้เธอตาสว่างแล้ว หลินหว่านพยายามแหงนขึ้นมองเพดานเพื่อหวังจะเก็บน้ำตากลับไป
แต่ขอบตาของเธอยังแดงก่ำ “คุณบอกว่าคุณอยากให้ฉันจากไป คุณจึงทำเรื่องแบบนี้ แล้วบอกว่าทำเพื่อฉันงั้นเหรอ?” หลินหว่านอดไม่ได้ถามยันกลับไป ฮั่วเทียนอวี่ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไรดี
“ต่อไปพวกเราไม่ต้องติดต่อกันอีกแล้ว” ตอนหลินหว่านพูดคำนี้ออกมาเธอตัดใจเด็ดขาดมาก เพราะพอเธอนึกถึงคำพูดตอนฮั่วเทียนอวี่บันทึกเทปนั่น เธอผิดหวังมาก “บิลน่ะฉันจ่ายให้แล้ว ต่อไปพวกเราไม่ต้องมาเจอกันอีก”
เห็นได้ชัดว่าฮั่วเทียนอวี่คิดไม่ถึงว่าผลจะเป็นแบบนี้ เมื่อครู่เขายังเข้าใจว่าพูดให้หลินหว่านเชื่อได้แล้วซะอีก หลินหว่านปิดประตู จากไปแล้ว
นาทีนั้นฮั่วเทียนอวี่พูดไม่ออก ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ
“ทำไม? ทำไมผมมีอะไรที่สู้เขาไม่ได้?” ฮั่วเทียนอวี่ตบโต๊ะที่ด้านข้างติดต่อกัน น้ำเสียงที่พูดล้วนแต่เค้นเสียงพูดออกมา สีหน้าออกจะบิดเบี้ยวอยู่บ้าง
หลินหว่านจากไปไม่นาน ฮั่วเทียนอวี่ก็ออกมาจากห้อง ตลอดทางเขายังคิดอยู่แต่คำพูดเมื่อครู่ของหลินหว่าน
คำพูดที่หลินหว่านพูดเมื่อครู่ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้ฟัง แต่เขารู้สึกว่านั่นเป็นเหตุผลที่หลินหว่านใช้เป็นข้ออ้าง
ที่แท้เธอก็ใช้ฮั่วเทียนอวี่เป็นตัวหลอก ฮั่วเทียนอวี่เข้าใจว่าวันนี้ที่หลินหว่านตัดขาดเขาอย่างไร้เยื่อใยถึงขนาดนี้ ไม่ยอมกลับไปกับเขา ก็เพราะเธอถูกเสน่ห์หน้าตาและเงินทองของเซียวจิ่งสือล่อหลอกไว้
ตอนนี้เขาถูกผลักให้มาอยู่ริมขอบหน้าผาบ้าง ในฐานะเป็นคนที่รู้เรื่องหลินหว่านไปทำศัลยกรรมหน้า จึงมีนักข่าวจำนวนหนึ่งมาขอสัมภาษณ์เขา
จวบกระทั่งนักข่าวคนหนึ่งมาสัมภาษณ์ฮั่วเทียนอวี่ คราวนี้ฮั่วเทียนอวี่เหมือนกับไม่คิดอะไรเลย แค่พูดไปเรื่อยๆ
“ผมรู้ว่าเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องชั่วคราวเท่านั้น เธอทำหน้าก็เพียงเพราะเงิน รอให้เธอคิดได้แล้วก็จะไม่เป็นแบบนี้” เขายังใช้ท่าทีเหมือนเดิม เปลือกนอกเหมือนจะพูดแก้ตัวให้หลินหว่าน แต่ความจริงกลับขยายว่าเธอเห็นแก่ยศศักดิ์เงินทอง
“ผมยังรักเธอเหมือนเดิม ผมหวังว่าเธอจะกลับไปแต่งงานกับผม” เขามองกล้อง เหมือนกับตัวเองต่างหากที่เป็นผู้ถูกทำร้ายตัวจริง