หลังจากฮั่วเทียนอวี่ให้สัมภาษณ์กับนักข่าว คลิปการให้สัมภาษณ์ของเขาก็เผยแพร่ไปทั่วเน็ต พออินเสี่ยวเสี่ยวดูคลิปนี้จบก็รู้สึกเสียใจอยู่พักหนึ่ง
เธอคิดไม่ถึงเลยว่าฮั่วเทียนอวี่จะเป็นคนแบบนี้ อ้างว่าทำเพื่อเธอมาพูดให้ร้ายเธอต่อหน้านักข่าวแบบนี้ แถมยังทำท่าว่าเป็นห่วงเป็นใย ทำด้วยความจำใจซะอีก
แต่เขาทำแบบนี้ ได้นึกถึงผลที่จะตามมารึเปล่า ได้คำนึงถึงความรู้สึกของเธอไหม?
แล้วก็เป็นอย่างที่คิด พอคลิปเผยแพร่สู่สังคมออนไลน์ ก็มีคนเกลียดอินเสี่ยวเสี่ยวเพิ่มขึ้นอีกกลุ่มใหญ่
ตอนนั้น มือถือของอินเสี่ยวเสี่ยวดังขึ้น เธอหยิบมือถือขึ้นดู เป็นสายของฮั่วเทียนอวี่
อินเสี่ยวเสี่ยวสะกดกลั้นความโกรธไว้ รับสาย “ฮั่วเทียนอวี่ คุณทำอะไรน่ะ”
“เสี่ยวเสี่ยว คุณเห็นคลิปที่ผมให้สัมภาษณ์แล้วใช่ไหม? ผมอยากจะบอกคุณว่า ที่ผมพูดนั่นมาจากใจจริงทั้งนั้น ผมคิดดูดีแล้ว ผมอยากให้คุณออกจากวงการบันเทิง กลับไปแต่งงานกับผม คุณวางใจได้ คุณไม่มีงานทำก็ไม่เป็นไร ผมจะหาเงินเลี้ยงคุณเอง ผมจะดีกับคุณให้มากๆ ” ฮั่วเทียนอวี่พูดพล่ามไม่หยุดถึงแผนการในอนาคตของเขา เขาเชื่อว่าจะทำให้อินเสี่ยวเสี่ยวใจอ่อนได้แน่
“ฮั่วเทียนอวี่ คุณพอได้แล้ว!” อินเสี่ยวเสี่ยวฟังแล้วโพล่งแทรกขึ้นอย่างโมโหว่า “ฉันไม่มีทางแต่งงานกับคุณหรอก คุณไม่ต้องหวังอีกแล้ว!”
“ทำไมล่ะ? เสี่ยวเสี่ยว ผมรักคุณนะ คุณเชื่อผมสิ ผมจะดีกับคุณให้มากๆ เลย ไม่ยอมให้คุณลำบากเด็ดขาด…” ฮั่วเทียนอวี่ยังไม่ยอมตายใจ
“แต่ฮั่วเทียนอวี่คะ ฉันไม่ชอบคุณ อย่าว่าแต่จะแต่งงานกับคุณเลย” อินเสี่ยวเสี่ยวกำมือถือไว้ พูดปฏิเสธเขาไปอย่างเฉยชา
“วันนี้เราพูดกันให้รู้ดำรู้แดงกันไปข้างเลย ถึงแม้ก่อนฉันจะสูญเสียความทรงจำ พวกเราเคยเป็นคู่รักกัน แต่ตอนนี้ ฉันไม่รู้สึกอะไรกับคุณอีกแล้ว ต่อไปพวกเราไม่ต้องติดต่อกันอีกแล้ว!”
ฮั่วเทียนอวี่ได้ฟังคำพูดของอินเสี่ยวเสี่ยวก็โกรธมากเช่นกัน “อินเสี่ยวเสี่ยว ทำไมคุณถึงได้ใจร้ายนัก!”
“งั้นหรือ ฮั่วเทียนอวี่ งั้นคุณก็คิดซะว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน เมื่อก่อนคุณคอยดูแลฉัน ฉันซาบซึ้งใจมาก แต่ตอนนี้สิ่งที่คุณทำโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของฉัน แค่คิดถึงแต่ตัวคุณเอง เรื่องของพวกเราก็จบกันแค่นี้ แยกจากกันด้วยดีเถอะค่ะ คุณเป็นผู้ชายที่ดี แต่เราไม่เหมาะสมกัน ต่อไปขอให้คุณได้พบกับผู้หญิงที่เหมาะสมกับคุณก็แล้วกัน” อินเสี่ยวเสี่ยวพูดน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว
อินเสี่ยวเสี่ยวยังไม่ได้ฟื้นฟูความทรงจำ ในความคิดของเธอแล้ว ความสัมพันธ์คู่รักของเธอกับฮั่วเทียนอวี่ก่อนเธอสูญเสียความทรงจำ และหลังจากเธอสูญเสียความทรงจำแล้วฮั่วเทียนอวี่ก็ยังดีกับเธอมาก ดังนั้นตอนนี้เธอพูดตัดรอนน้ำใจเช่นนี้ ตัวเองก็รู้สึกไม่ดีเอามากๆ เหมือนกัน แต่เธอกลับเห็นว่าตัวเองไม่ได้ทำผิด
ที่ไหนได้ฮั่วเทียนอวี่พอฟังคำพูดของอินเสี่ยวเสี่ยวแล้วกลับโมโหเดือดขึ้นมา เขายอมอ่อนข้อวิงวอนขอร้องอินเสี่ยวเสี่ยวขนาดนี้แล้ว เธอยังปฏิเสธเขาอีก!
เขาหัวเราะหยัน พูดว่า “อินเสี่ยวเสี่ยว คุณกล้าปฏิเสธผมเหรอ? คุณบอกผมมานะ คุณชอบไอ้เด็กเซียวจิ่งสือนั่นใช่ไหม! เขามีอะไรดีกว่าผม? จุดไหนที่สู้ผมได้บ้าง? เขาแค่มีเงินมีบริษัทเท่านั้นเอง เขาดีกับคุณได้เท่ากับผมไหม? คุณอย่าลืมสิ เขาแค่เห็นคุณเป็นตัวสำรองของหลินหว่านเท่านั้น คุณเข้าใจว่าเขาชอบคุณจริงๆ หรือไง คุณเข้าใจว่าคุณจะได้แต่งงานกับเขาจริงๆ เหรอ?”
“ฮั่วเทียนอวี่!” อินเสี่ยวเสี่ยวทนฟังต่อไปไม่ไหว พูดตัดบทฮั่วเทียนอวี่ว่า “เซียวจิ่งสือเป็นอย่างไรกับฉันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ ฉันชอบหรือไม่ชอบเขาก็ไม่เกี่ยวกับคุณ! ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของฉัน ซึ่งก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเหมือนกัน! สรุปก็คือ ต่อไปคุณไม่ต้องโทรมาอีก และไม่ต้องโผล่มาให้ฉันเห็นหน้าด้วย!”
พูดจบ อินเสี่ยวเสี่ยวก็ตัดสายฉับ
อินเสี่ยวเสี่ยวยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห เดิมทีเธอมีความรู้สึกที่ดีต่อฮั่วเทียนอวี่ แต่ก็เพียงเพราะว่าเขาเป็นคนที่เธอเห็นเป็นคนแรกหลังจากสูญเสียความทรงจำ เธอจึงเชื่อถือเขามาตลอด
แต่พฤติกรรมของฮั่วเทียนอวี่ระยะนี้ ได้ทำลายความเชื่อถือและความรู้สึกซาบซึ้งใจที่เธอมีต่อเขาไปจนหมดสิ้น
ขณะที่ความรู้สึกของเธอที่มีต่อเซียวจิ่งสือกลับเพิ่มพูนขึ้นอย่างห้ามใจไม่อยู่ ควบคุมก็ไม่ได้
เป็นความรู้สึกที่แตกต่างกับฮั่วเทียนอวี่ เธอชอบเขาอย่างยั้งใจไม่อยู่ และบังคับตัวเองให้เลิกรักเขาก็ไม่ได้ด้วย เธอเป็นเหมือนคนขโมยเงา มีแต่ในความมืดจึงกล้ามองลึกเข้าภายในจิตใจของตัวเอง
พอคิดดูแล้ว อินเสี่ยวเสี่ยวก็ยิ้มออกมาอย่างเหนื่อยล้า บางทีเธอกับฮั่วเทียนอวี่ก็คงไม่ต่างกันกระมัง กับคนที่ตัวเองรักกลับไม่อาจได้มา แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เธอจะไม่ทำแบบฮั่วเทียนอวี่ ที่เอ่ยอ้างความหวังดีต่อเขามาทำเรื่องที่ทำร้ายเขา
แต่จะว่าไปแล้ว หลายวันมานี้ เรื่องของอินเสี่ยวเสี่ยวก็สร้างกระแสฮือฮาบนเน็ตได้ครั้งแล้วครั้งเล่า อินเสี่ยวเสี่ยวจึงฮอตไม่เลิก เธอจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกคนจับตามอง
ภายในห้องทำงานของตึกเซวี่ยนจื่อ อันจี๋ถิงแทบจะโมโหเดือดกับข่าวในช่วงหลายวันนี้ บนเน็ตถึงกับมีดาราชั้นปลายแถวไม่รู้โผล่มาจากไหนกล้าทำศัลยกรรมหน้ามาแอบอ้างเป็นลูกสาวของเธอ…หลินหว่าน!
อันจี๋ถิงไล่อ่านปูมหลังดำมืดของอินเสี่ยวเสี่ยวไปทีละแถว รู้สึกยิ่งโกรธขึ้นไปทุกที เธอต้องทำให้ผู้หญิงที่แอบอ้างเป็นลูกสาวเธออยู่ในวงการบันเทิงต่อไปไม่ได้!
ผ่านไปครู่หนึ่ง พอผู้ช่วยมาส่งเอกสาร อันจี๋ถิงทำเหมือนไม่ตั้งใจ พูดขึ้นว่า “ได้ยินมาว่าระยะนี้วงการบันเทิงมีคนชื่ออินเสี่ยวเสี่ยวรึ?”
“ใช่ค่ะ ผอ.” ผู้ช่วยได้ยินคำพูดของอันจี๋ถิงก็นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วตอบรับ
เธอติดตามอยู่ข้างกายอันจี๋ถิงมาหลายปี เป็นหนึ่งในจำนวนน้อยคนนักที่รู้ว่าอันจี๋ถิงยังไม่ตาย ยังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้
ระยะนี้เรื่องของอินเสี่ยวเสี่ยวบนเน็ตเล่าลือกันให้สะพัด ‘เด่นดัง’ ไม่มีใครเกิน เธอเป็นพนักงานคนหนึ่งของบริษัทภาพยนตร์ในวงการบันเทิง ทำไมจะไม่ได้ยินเรื่องของอินเสี่ยวเสี่ยว
แต่อันจี๋ถิงยังรู้มาอีกเรื่องหนึ่ง คงเป็นเรื่องที่เธอแอบอ้างเป็นหลินหว่านกระมัง ด้วยปกติอันจี๋ถิงไม่ถามข่าวคราวโลกภายนอกทั้งหมดทั้งมวล แค่สนใจเรื่องที่เกี่ยวกับหลินหว่านทุกเรื่องอย่างมากเท่านั้น
แล้วก็ใช่จริงๆ ผู้ช่วยได้ยินอันจี๋ถิงพูดกับเธอว่า “เธอติดตามข้างกายฉันมาก็หลายปีแล้ว น่าจะรู้ว่าฉันไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายหลินหว่านเด็ดขาด หรือแม้แต่แอบอ้างเป็นเธอก็ไม่ได้ ตอนนี้ฉันจะมอบหมายหน้าที่ให้เธอ ฉันจะให้เธอใช้ทุกวิถีทาง ไม่สนว่าต้องแลกด้วยอะไรและต้องทำอะไรบ้าง ตัดสายส่งงานในวงการบันเทิงของอินเสี่ยวเสี่ยวทั้งหมด ให้เธอไม่มีที่ยืนในวงการอีก!”
ยิ่งพูด น้ำเสียงของอันจี๋ถิงก็ยิ่งพลุ่งพล่านขึ้น สีหน้าเธอฉายแววดุดันออกมา
ผู้ช่วยรีบพูดปลอบเธอ “คุณอันคะ คุณวางใจเถอะ เรื่องนี้ให้ฉันจัดการเอง ฉันจะทำตามที่คุณพูด ทำให้อินเสี่ยวเสี่ยวอยู่ในวงการนี้ต่อไปไม่ได้” เธอเป็นคนสนิทของอันจี๋ถิง หลายปีมานี้รู้จักเส้นสายภายในวงการบันเทิงไม่น้อย คิดจะจัดการกับดาราตัวเล็กๆ อย่างอินเสี่ยวเสี่ยวไม่น่าจะมีปัญหา
อันจี๋ถิงมองผู้ช่วยนิ่งอยู่ แล้วพูดว่า “อืม เธอไปเถอะ เรื่องนี้ต้องจัดการให้ได้ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี จำไว้นะ ไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยอะไร ต้องทำให้อินเสี่ยวเสี่ยวอยู่ในวงการต่อไปอีกไม่ได้!”