บทที่ 1636 ราชาปีศาจ

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

บทที่ 1636 ราชาปีศาจ

 

สวรรค์สีขาว

 

ประตูบานใหญ่ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า

 

มันมีหลังคาสูงและมีรูปปั้นตั้งอยู่สองข้างของประตู มีแผ่นโลหะขนาดใหญ่ติดไว้เหนือบานประตู และมีข้อความสลักไว้ว่าห้าเซียง

 

ประตูบานนี้ราวกับถูกสร้างขึ้นด้วยทองสัมฤทธิ์ มันดูยิ่งใหญ่และล้ําค่า ผู้อมตะตระกูลฉีหกคนยืนอยู่หน้าประตูบานนี้

 

ผู้นํากลุ่มเป็นผู้อมตะชราร่างกายผอมบาง ดวงตาส่องประกายเฉลียวฉลาด เขายืนตัวตรงราวกับหอก เขาก็คือผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลฉี ฉีฟาง

 

ด้านซ้ายของเขาคือผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองของตระกูลฉี ฉีไค เขาลูบเครากล่าว “ข้ามีประสบการณ์ในการเปิดผนึกหายครั้ง แต่ครั้งนี้ข้าแทบไม่สามารถอดทนรอต่อไป!”

 

ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สามีจินหัวเราะ “การเดิมพันดําเนินมาเป็นเวลาหลายพันปี ในที่สุดเราจะสามารถยุติมันในวันนี้ ในฐานะทายาทตระกูลฉี เราสามารถเผชิญหน้าบรรพชนของเราได้อย่างภาคภูมิใจ เราจะเป็นผู้ชนะการเดิมพันนี้!”

 

ประตูเริ่มส่องแสงห้าสีออกมาเพื่อแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของห้าเซียง

 

สีแรกคือสีแดง

 

นี่คือตัวแทนของตระกูลเสียของเสวี่ยเซียง เนื่องจากพวกเขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่ง เลือดพวกเขาจึงถูกกําจัดออกไป

 

สีที่สองคือสีเหลือง

 

มันเป็นตัวแทนของตระกูลชื่อของชื่อเซียง แม้พวกเขาจะมีทายาทสืบสายเลือด แต่พวกเขาอาศัยอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ของบรรพชน เนื่องจากพวกเขาใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย สุดท้ายจึงไม่มีผู้อมตะปรากฏขึ้นอีก

 

สีที่สามคือสีน้ําตาล

 

นี่คือตัวแทนของตระกูลหนี่ของหนี่เซียง พวกเขามีทายาทเป็นผู้อมตะอยู่ไม่มาก แต่พวกเขาล้วนเป็นชนชั้นสูงโดยเฉพาะหนี่เอ๋อ บางคนอนุมานว่าความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของเขาอยู่ในระดับกึ่งปรมาจารย์สูงสุด เขาหลอมรวมวิญญาณอมตะเข้ากับสายเลือดของตระกูลหนี่เพื่อช่วยเหลือทายาทของเขา แต่ตอนนี้หมู่บ้านตระกูลหนี่อยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลฉี พวกเขาไม่สามารถเงยศีรษะขึ้นมาได้อีก

 

สีที่สี่คือสีขาว

 

“ถึงคราวของเราแล้ว” ฉีไคตื่นเต้นมาก เขาแทบไม่สามารถอดทนรอต่อไป

 

“ไปกันเถอะ” ฉีฟากล่าวอย่างจริงจัง เขานํากลุ่มผู้อมตะสี่คนที่อยู่ข้างหลังบินเข้าไปที่ประตู…และอาบแสงสีขาว

 

แสงสีขาวระเบิดแสงสว่างออกมากลืนกินร่างของผู้อมตะทั้งห้าเข้าไปก่อนที่มันจะกลับสู่สภาพเดิม

 

ผู้อมตะทั้งห้าของตระกูลฉีถูกย้ายไปอยู่บนก้อนเมฆสีขาวในบริเวณใกล้เคียง นี่หมายความว่าพวกเขาผ่านการทดสอบและมีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมในเดิมพัน

 

“ตระกูลไป่เป็นตระกูลสุดท้าย” ฉีจินกล่าวโดยไม่สามารถปกปิดความกังวลใจของเขา

 

กลุ่มผู้อมตะตระกูลฉียังไม่ได้เข้าไปในบานประตู พวกเขามองไปรอบๆและรอคอยการมาของไป่หนิงปิง

 

ไป่หนิงปิงได้รับมรดกจากถ้ําสวรรค์ไป่เซียง นางสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะไป่เชียงและแสดงพลังอันยิ่งใหญ่ออกมาในการต่อสู้หลายครั้งก่อนหน้า

 

วังสวรรค์เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับฟางหยวนรวมถึงสมาชิกนิกายเงา แม้ไป่หนิงปิงจะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของนิกายเงา แต่ข้อมูลของนางก็ถูกเปิดเผยเช่นกัน

 

แม้ตระกูลฉีจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวและไม่ได้ติดต่อกับโลกผู้อมตะ พวกเขาก็ยังรวบรวมข้อมูลของโลกภายนอกเสมอ

 

แสงสีฟ้าส่องประกายขึ้นแต่ยังไม่มีผู้ใดปรากฏตัว

 

ฉีไคถอนหายใจ “ดีไป่หนิงปิงไม่มา ตระกูลฉีของเราจะชนะอย่างแน่นอน หือ?”

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่สองร่างปรากฏขึ้นหน้าประตู

 

ผู้อมตะตระกูลฉีเห็นผู้อมตะชายหนึ่งและหญิงอีกหนึ่ง

 

ผู้อมตะหญิงมีเส้นผมสีขาวยาวลงมาถึงเอว ดวงตามังกรสีฟ้าซีดของนางปลดปล่อยกลิ่นอายอันเย็นเยียบออกมา ผิวของนางขาวราวหิมะ การแสดงออกของนางเย็นชามาก ความงามของนางสามารถใช้เพียงคําว่าเทพธิดาจากสวรรค์เท่านั้น อย่างไรก็ตามสิ่งที่สะดุดตาที่สุดของนางคือเขามังกรคู่เล็กๆบนหน้าผากของนาง

เมื่อเห็นเทพธิดาผู้นี้ ผู้อมตะตระกูลนี้นึกถึงชื่อของไป่หนิงปิงขึ้นมาทันที

 

“บัดซบ! ไป่หนิงปิงมาจริงๆ!”

 

“ผู้ใดอยู่ข้างนาง”

 

ฉีจินสังเกตไป่หนิงปิงเป็นคนแรกก่อนจะหันหน้าไปทางผู้อมตะชาย

 

ชายผู้นี้มีเส้นผมสีดํา จมูกสูง ใบหน้างดงาม ดวงตาดํามีดราวกับขุมนรก

 

เมื่อผู้อมตะตระกูลฉีเห็นชายผู้นี้ ร่างกายของฉีจินพลันสะท้านขึ้น เขากลืนน้ําลายก่อนจะกล่าวด้วยน้ําเสียงที่แหบแห้ง “ฟางฟางหยวน…”

 

ร่างกายของผู้อมตะตระกูลฉีต่างสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว

 

ไป่หนิงปิงเป็นลูกน้องของฟางหยวน โลกผู้อมตะของทั้งห้าภูมิภาครู้เรื่องนี้

 

หากไป่หนิงปิงปรากฏตัวและเข้าร่วมในการเดินพันห้าเซียง มีความเป็นไปได้สูงมากที่ฟางหยวนจะมาด้วย

 

ตระกูลรู้เรื่องนี้และเตรียมใจไว้แล้ว

 

อย่างไรก็ตาม

 

เมื่อฟางหยวนปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาจริงๆ การเตรียมใจของพวกเขากลับกลายเป็นไร้ประโยชน์ ความหวาดกลัว ความตื่นตระหนก และอารมณ์ทุกชนิดปะทุขึ้นในหัวใจของพวกเขา

 

นี่คือฟางหยวน!

 

เขาเกิดใหม่โดยใช้วิญญาณกาลเวลา

 

เขาหลอมรวมวิญญาณอมตะบนภูเขาสามกษัตริย์ขณะยังเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ และแย่งชิงแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูมาจากสิบนิกายโบราณของภาคกลาง

 

เขาไปที่ภาคเหนือและทําลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเขาได้รับผลประโยชน์มากมายเพียงใด

 

เขารับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ เขาร่วมมือกับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยารวมถึงเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์อื่นๆและทรยศต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์

 

เขาปลอมตัวเป็นวูอี้ไห่และหลอกลวงวูหยง

 

ในการต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝันของภาคใต้ เขาปั่นหัวฝ่ายธรรมะของภาคใต้ทั้งหมด และกลายเป็นผู้นาของนิกายเงา

 

ฝ่ายธรรมะของภาคใต้และวังสวรรค์ไล่ล่าเขาแต่เขายังสามารถหลบหนีและแข็งแกร่

งขึ้นเรื่อยๆ

 

ที่กําแพงภูมิภาค เขาต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปดจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าและทุบตีนางจนทําให้วังสวรรค์สูญเสียชื่อเสียง

 

เมื่อวังสวรรค์บุกแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เขาขโมยวิญญาณท่องแดนอมตะและจากมาโดยไม่มีผู้ใดสามารถหยุดยั้ง

 

หลายเดือนก่อนเขาซุ่มโจมตีกองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ และจับตัวผู้อมตะจํานวนมากก่อนจะรีดไถกองกําลังใหญ่ทั้งหมด

 

ไม่นานมานี้วังสวรรค์เปิดเผยข้อมูลของเขาในสวรรค์สีเหลือง ภาพการต่อสู้ที่แม่น้ําหวนคืนถูกเผยแพร่ออกมาและทําให้โลกของผู้อมตะทั้งห้าภูมิภาคตกตะลึง

 

ฟางหยวนกลายเป็นผู้อมตะระดับแปดอย่างเงียบๆ เขามีท่าไม้ตายอมตะระดับแปดที่ทรงพลังเช่นกรรไกรฤดูใบไม้ผลิ พัดฤดูร้อน ดาบห้าดัชนี และท่าไม้ตายอมตะที่หายสาบสูญไปนานแล้ว ตัดเวลา!

 

เมื่อข้อมูลของฟางหยวนถูกเปิดเผย เขาก็ตอบแทนวังสวรรค์ด้วยการเปิดเผยข้อมูลของฝ่ายหลังเช่นกัน

 

โลกผู้อมตะทั้งหมดตกสู่ความโกลาหลครั้งใหญ่

 

รากฐานและวิธีการของวังสวรรค์ทําให้ทุกคนตกตะลึง

 

แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าก็คือฟางหยวนสามารถหลบหนีจากพวกเขา

 

วังสวรรค์วางกับดักไว้ในสายธารแห่งกาลเวลา มีผู้อมตะระดับแปดและคฤหาสน์วิญญาณอมตะอีกหลายหลัง แต่พวกเขากลับไม่สามารถทําสิ่งใดฟางหยวน

 

แม้ฟางหยวนจะแพ้และต้องวิ่งหนีราวสุนัข แต่หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ถูกเปิดเผย ชื่อเสียงของเขายิ่งพุ่งทะยานขึ้นไปอีก

 

ไม่เพียงอุบายและความดุร้ายของเขา แต่มันยังเป็นเพราะคู่ต่อสู้ของเขาคือวังสวรรค์ ดังนั้น เขาจึงสามารถทิ้งความประทับใจไว้ในหัวใจของทุกคน

 

วังสวรรค์มีประวัติศาสตร์มานานถึงสามล้านปี พวกเขาอดทนต่อการรุกรานของเทพปีศาจมาหลายครั้ง และถือเป็นกองกําลังอันดับหนึ่งของเผ่าพันธุ์มนุษย์

 

แต่วังสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่กลับไม่สามารถทําสิ่งใดปีศาจอมตะเพียงผู้เดียว!

 

สถานการณ์นี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนักในประวัติศาสตร์

 

ผู้อมตะจํานวนนับไม่ถ้วนรวมถึงกองกําลังใหญ่ทั้งหมด กําลังรอดูว่าวังสวรรค์จะจับฟางหยวนได้อย่างไร และฟางหยวนจะสามารถอยู่ได้นานเพียงใด

 

ทั้งหมดทําให้ชื่อเสียงของฟางหยวนพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุด

 

ฟางหยวนระดับเจ็ดสามารถต่อต้านผู้อมตะระดับแปด

 

ฟางหยวนระดับแปดคือราชาปีศาจที่สามารถสั่นคลอนโลกหล้า

 

เขาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันดาวรุ่งดวงนี้ไม่ต่างจากดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรง เขาส่องประกายสว่างไสว ผู้คนนับไม่ถ้วนไม่สามารถแม้แต่จะมองไปที่เขา

 

ราชาปีศาจฟางหยวน!

 

ร่างกายของผู้อมตะตระกูลฉีสั่นสะท้านขึ้นด้วยความหวาดกลัวเพียงเมื่อมองเห็นฟางหยวน