บทที่ 1637 เขาโกง

 

“ทุกคนอย่าตกใจ” ฉีปากล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง ร่างสูงราวกับต้นไผ่ของเขาแกว่งไปมาเล็กน้อย แต่ไม่มีผู้ใดหัวเราะ

 

ตระกูลนี้มีผู้อมตะระดับเจ็ดสามคนและผู้อมตะระดับหกอีกสองคน พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางหยวน แม้พวกเขาจะร่วมมือกัน พวกเขาก็เป็นเพียงเนื้อที่วางอยู่บนเขียง

 

หลังจากชั่วครู่ ฉีฟาก็รวบรวมความกล้ากล่าวต่อ “เราได้รับการยอมรับจากประตูเมือง แล้ว เราสามารถสํารวจถ้ําสวรรค์ที่อยู่ภายใน เราได้รับการปกป้องจากประตูเมืองเช่นกัน หากฟางหยวนต้องการฆ่าพวกเรา เขาต้องผ่านการทดสอบของประตูเมืองเป็นอันดับแรก หากเขาทําลายมัน เขาจะฝ่าฝืนกฎของการเดิมพันและไม่สามารถเข้าไปภายใน”

 

คํากล่าวของฉีฟาทําให้ทุกคนสงบลง

 

ฟางหยวนมองฉีฟาด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย เขาเผยรอยยิ้มชื่นชม “เขาค่อนข้างฉลาด”

 

ฉีปากล่าวกับผู้อมตะตระกูลฉีแต่ความหมายของมันมีไว้สําหรับฟางหยวน ตระกูลฉีสามารถมาถึงจุดนี้ไม่ใช่ไม่มีเหตุผล ตระกูลนี้เติบโตขึ้นขณะเดียวกันก็สามารถกดขี่ตระกูลอื่น พวกเขายังซ่อนตัวอยู่อย่างลับๆ กระทั่งกองกําลังใหญ่ของภาคใต้ก็ไม่รู้รายละเอียดและไม่พยายามค้นหาสมบัติห้าเซียง ทั้งหมดเป็นเพราะความสามารถของผู้อมตะตระกูลฉี

 

แต่ไม่ว่าพวกเขาจะน่ายกย่องเพียงใด ต่อหน้าฟางหยวน พวกเขาก็ไม่ถือเป็นสิ่งใด

 

รอยยิ้มของฟางหยวนน่ากลัวมากสําหรับพวกเขา ฟันสีขาวของเขาเหมือนใบมีดอันแหลมคมที่เล็งมาที่พวกเขา

 

ฟางหยวนมองผู้อมตะตระกูลฉีก่อนจะหันหน้ากลับมาทางไป่หนิงปิง

 

ทั้งสองเจรจากันมาแล้ว ไป่หนิงปิงพยักหน้าให้ฟางหยวนก่อนจะบินไปที่ประตูเมือง

 

ผู้อมตะตระกูลนี้ไม่สามารถทําสิ่งใดนอกจากเฝ้ามองอยู่อย่างเงียบๆ

 

เมื่อไป่หนิงปิงเข้าสู่อาณาเขตของแสงสีฟ้า แสงสีฟ้าตอบสนองทันที

 

ฟางหยวนพยักหน้ากับตนเอง ก่อนหน้านี้เขาเกรงว่าสถานะมนุษย์มังกรของไป่หนิงบิงจะส่งผลกระทบต่อเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามมนุษย์มังกรไม่ใช่มนุษย์กลายพันธุ์ตามธรรมชาติ นอกจากนั้นดูเหมือนประตูเมืองจะสนใจเพียงสายเลือดของไป่หนิงปิงโดยไม่คํานึงถึงสถานะมนุษย์มังกรของนาง

 

หลังจากชั่วครู่ไป่หนิงปิงก็ได้รับการยอมรับจากประตูเมืองและถูกส่งขึ้นไปอยู่บนก้อนเมฆ

 

ผู้อมตะตระกูลแสดงออกด้วยความเสียใจ

 

“ดูเหมือนไป่หนิงปิงไม่ได้เป็นทาสของฟางหยวน มิฉะนั้นประตูเมืองจะไม่ยอมรับนาง”

 

“น่าเสียดาย…”

 

“บัดซบ! ไป่หนิงปิงได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมจริงๆ!”

 

ไป่หนิงปิงเคยอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้อมตะเฆ่าม่านเยี่ยนชื่อ แต่นางไม่เคยตกเป็นทาสพวกเขาเพียงสร้างความร่วมมือเท่านั้น

 

หลังจากเข้าร่วมกับฟางหยวน ไป่หนิงปิงไม่เคยเคยตกเป็นทาสของฟางหยวนเช่นกัน ดังนั้นประตูเมืองจึงยอมรับสถานะของนาง

 

ไป่หนิงปิงหันหน้ากลับไปทางฟางหยวน “การขึ้นมาบนก้อนเมฆคือการยอมรับจากประตูเมือง ผู้อมตะไม่สามารถต่อสู้กันที่นี่”

 

“อืม” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

 

การเคลื่อนไหวต่อไปของเขาทําให้ผู้อมตะตระกูลฉีอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

 

ฟางหยวนบินเข้าไปในอาณาเขตของแสงสีฟ้า

 

แสงสีฟ้ากะพริบอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกลับสู่เสถียรภาพ

 

แม้ฟางหยวนจะอยู่ในรูปลักษณ์ดั้งเดิมของเขา แต่เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยตลอดเวลา ครั้งนี้เขาพัฒนามันขึ้นไปอีกขั้นโดยเพิ่มวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดเข้าไปเพื่ออําพรางสายเลือดของเขา เขาเคยใช้สิ่งนี้เพื่อปลอมตัวเป็นวูอี้ไฟแทรกซึมเข้าสู่ตระกูลวูมาแล้ว

 

แต่ก่อนที่ฟางหยวนจะแสดงออกอย่างมีความสุข แสงอีกสี่สีก็ปรากฏขึ้นบนประตูเมือง

 

ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เขาให้ไป่หนิงปิงเข้ามาก่อนเพื่อตรวจสอบแสงสีฟ้า หลังจากเขาบินเข้ามา เขาสามารถหลอกลวงแสงสีฟ้า แต่ผู้ใดจะคิดว่าอีกสี่เซียงจะปลดปล่อยพลังออกมา

 

“บึม!”

 

ประตูเมืองสั่นสะเทือน ฟางหยวนถูกผลักออกไป

 

“ใบหน้าที่คุ้นเคยไม่สามารถหลอกลวงงั้นหรือ?” หัวใจของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้นเล็กน้อย

 

นักสํารวจห้าเซียง!

 

กองกําลังที่แข็งแกร่งที่เคยปกครองภาคใต้ในอดีตแสดงพลังอํานาจอันยิ่งใหญ่ของมันออกมา

 

กลุ่มผู้อมตะตระกูลฉีถอนหายใจด้วยความโล่งอก ความปิติยินดีปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา

 

การกระทําของฟางหยวนน่าตกใจเกินไป แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นผลดีต่อพวกเขา

 

“เกือบแล้ว ฟางหยวนไม่สามารถเข้าไป!”

 

“เรายังมีความหวัง! ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจะถูกหยุดอยู่ข้างนอก เราต้องจัดการไปหนิงปิงเท่านั้น”

 

“ท่าไม้ตายอมตะไป่เซียงของนางรับมือได้ยาก แต่มรดกที่แท้จริงของฉีเซียงก็ไม่อ่อนแอเช่นกัน!”

 

ฟางหยวนมอง

 

เขาประเมินมันต่ําเกินไปหรือกล่าวให้ถูกต้องกว่านั้นก็คือข้อมูลของนิกายเงา และไป่หนิงปิงไม่เพียงพอ

 

ใบหน้าที่คุ้นเคยไม่สามารถหลอกลวงมัน

 

ฟางหยวนไม่ต้องการให้ไป่หนิงปิงเข้าไปสํารวจถ้ําสวรรค์ห้าเซียงเพียงผู้เดียว

 

นางไม่น่าเชื่อถือ แม้นางจะเชื่อถือได้ แต่นางจะไม่สามารถต่อต้านตระกูล

 

แม้ฟางหยวนจะพบอุปสรรคก่อนหน้านี้ ความมุ่งมั่นของเขาที่จะเข้าไปข้างในก็ยังไม่สั่นคลอน

 

“ฉีเซียง ไป่เซียง เสวี่ยเซียง หนี่เซียง ซื่อเซียง พวกเขาคือนักสํารวจห้าเซียง ประตูบานนี้ถูกสร้างขึ้นโดยพวกเขา พลังของพวกเขาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว

 

ฟางหยวนมีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งเลือดและเส้นทางแห่งปฐพี เขามีความมั่นใจในด้านนี้

 

ในแง่ของเส้นทางอาหาร แม้ความสําเร็จของเขาจะไม่สูง แต่ฟางหยวนมีมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณและมันเป็นมรดกบนเส้นทางอาหารดั้งเดิมของโลกใบนี้ ด้วยรากฐานดังกล่าว ฟางหยวนมีข้อมูลอ้างอิงมากมาย

 

ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งพลังปราณและเส้นทางแห่งน้ําแข็งของเขาค่อนข้างต่ํา แต่เส้นทางแห่งน้ําแข็งไม่ใช่ปัญหา เขามีมรดกที่แท้จริงไป่เซียงของไป่หนิงปิงซึ่งสามารถหลอกแสงสีฟ้ามาแล้ว

 

“ดังนั้นอุปสรรคเดียวของข้าก็คือพลังของฉีเซียง” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

 

ฟางหยวนไม่มีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งพลังปราณและไม่มีมรดกบนเส้นทางแห่งพลังปราณที่เพียงพอ

 

“แต่ข้ามีแสงแห่งปัญญา

 

ฟางหยวนต้องใช้แสงแห่งปัญญาบังคับเปิดเส้นทาง!

 

ผู้อมตะตระกูลฉีลอบสนทนา

 

“เขากําลังทําสิ่งใด?”

 

“ดูเหมือนเขากําลังอนุมาน.วังสวรรค์กล่าวไว้ว่าปีศาจตนนี้มีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ไม่ธรรมดา”

 

“ฮ่าฮ่า ไร้ประโยชน์ เขาจะอนุมานการจัดเตรียมของนักสํารวจห้าเซียงในเวลาสั้นๆได้อย่างไร?”

 

ผู้อมตะตระกูลฉีมั่นใจมาก

 

พวกเขาพยายามทําลายการจัดเตรียมของนักสํารวจห้าเซียงมานานแล้ว แต่พวกเขาไม่ประสบความสําเร็จ

 

พวกเขาล้มเหลวมาหลายครั้ง แล้วฟางหยวนจะประสบความสําเร็จได้อย่างไร?

 

“บางที่ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของฟางหยวนอาจเหนือกว่าพวกเรา แต่เขากําลังฝันไป หากต้องการอนุมานบางสิ่งในเวลานี้ ความยากลําบากของมันไม่ต่างจากการอนุมานท่าไม้ตายอมตะที่ไม่รู้จักและพึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก เขาต้องการอนุมานและคลี่คลายมัน เขาไร้เดียงสาเกินไป” ฉีฟาส่ายศีราะ

 

“บึม!”

 

อย่างไรก็ตามในจังหวะนี้ฟางหยวนกลับโจมตีประตูเมืองโดยไม่คาดคิด

 

ประตูเมืองสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง การแสดงออกของกลุ่มผู้อมตะตระกูลฉีเปลี่ยนไปเช่นกัน

 

“นี่ นี่”

 

“ปีศาจตนนี้โจมตีประตูเมืองจริงๆ เขาต้องการทําลายทางเข้า เขาไม่ต้องการเข้าไปงั้นหรือ?”

 

“เขาไม่สามารถอนุมานและรู้สึกโกรธงั้นหรือ?”

 

“บึม บึม บึม…”

 

ฟางหยวนโจมตีประตูเมืองอย่างดุเดือด

 

ใบหน้าของผู้อมตะตระกูลฉีเต็มไปด้วยความตกใจและหวาดกลัว

 

หากประตูเมืองถูกทําลาย พวกเขาจะสูญเสียการปกป้อง หลังจากนั้นมันจะขึ้นอยู่กับฟางหยวนว่าจะฆ่าหรือจับพวกเขา

 

“หยุดเขา!” ผู้อมตะตระกูลฉีกรีดร้องอยู่ในใจ

 

ฟางหยวนหยุดโจมตีในที่สุด

 

ผู้อมตะตระกูลฉีหอบหายใจอย่างหนักหน่วง ร่างกายของพวกเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ พวกเขาไม่เคยรู้สึกกังวลใจเท่าครั้งนี้มาก่อน

 

อย่างไรก็ตามประตูเมืองยังยืนหยัดอยู่อย่างมั่นคง

 

“ปีศาจไม่ประสบความสําเร็จ เยี่ยม!” ฉีจินแสดงออกอย่างมีความสุข

 

ฟางหยวนชาเลืองมองพวกเขาและเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน “โอ้ เหตุใดพวกเจ้าถึงคิดว่าข้าจะหยุดเพียงเท่านี้?”

 

หลังกล่าวจบคํา เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะทันที

 

กลิ่นอายของเขาเปลี่ยนไป ขณะที่เขาบินเข้าไป แสงสีฟ้าอีกครั้งและได้รับการยอมรับอย่างง่ายดาย สุดท้ายเขาถูกส่งขึ้นไปอยู่บนก้อนเมฆด้านข้างไป่หนิงปิง

 

ผู้อมตะตระกูลฉีตกตะลึง บางคนอ้าปากค้างด้วยความตกใจและไม่อยากจะเชื่อ

 

ความเชื่อบางอย่างในจิตใจของพวกเขาถูกทําลายลงโดยความสําเร็จของฟางหยวน

“นี่ ปีศาจตนนี้ประสบความสําเร็จจริงๆ!”

 

“ข้ากําลังฝันไปหรือไม่? เป็นไปได้อย่างไร?”

 

“เขาประสบความสําเร็จในระยะเวลาสั้นๆเช่นนี้ได้อย่างไร?”

 

ผู้อมตะตระกูลนี้รู้สึกสับสน

 

พลังการต่อสู้ของฟางหยวนสูงจนน่าขันแต่ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของเขากลับ เหนือความเข้าใจของผู้อมตะตระกูลฉีไปไกลมาก

 

สัตว์ประหลาดตัวนี้ทําให้วังสวรรค์ไม่มีทางเลือก แล้วพวกเขาจะจัดการกับตัวตนเช่นนี้ได้อย่างไร?

 

“ประตูเมือง! บรรพชน! ฟางหยวนเป็นคนนอก เขาโกง!” ฉีไค่กรีดร้องด้วยใบหน้าสีแดงก่ํา

 

แต่ประตูเมืองตอบกลับด้วยความเงียบ

 

ในไม่ช้ามันก็ระเบิดแสงห้าสีออกมา

 

ผู้อมตะตระกูลฉีเห็นสิ่งนี้และรู้สึกสิ้นหวัง

 

พวกเขารู้ว่ามันไม่ใช่การค้นพบตัวตนของฟางหยวนแต่มันกําลังจะเคลื่อนย้ายพวกเขาเข้าไปภายใน

 

การเดิมพันห้าเซียงกําลังจะเริ่มต้น