ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ Facebook Fanpage กดเลย
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
สารบัญ จอมมารสะท้านภพ (เรื่องใหม่)
••••••••••••••••••••
**บทที่****296:**ต่อสู้กับกองบัญชาการใหญ่ (3)
แน่นอนว่าการที่จะป้องกันกองทัพอสูรกายจำนวนมหาศาลเหล่านี้ทำให้ผู้ฝึกตนมนุษย์นั้นต้องจ่ายเงินจำนวนมากออกไป ซึ่งเรียกได้ว่าแทบจะทั้งหมดที่พวกเขามีอยู่ในตอนนี้ ซากศพของเหล่าอสูรกายนั้นกองเต็มทั่วทุกพื้นที่ พื้นดินและพื้นน้ำเต็มไปด้วยโลหิต
ในที่สุดหลังจากที่พวกเขาใช้จ่ายออกไปอย่างมหาศาล ทั้งหมดสามารถจัดการกับอสูรกายจำนวนหนึ่งล้านตัวด้วยความเหนื่อยล้า เหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่ในกลุ่มผู้นำตอนแรกกระจายตัวออกไปเพื่อต่อสู้ ในตอนนี้ทุกคนกลับมารวมตัวกันที่แนวหน้าแล้ว
เหล่ากองทัพอสูรกายนั้นถูกทุบตีโดยเหล่าผู้ฝึกตนจนต้องล่าถอยออกมาชั่วขณะ
ซ่งจงที่มองเห็นซากศพของเหล่าอสูรกายที่เป็นพวกพ้องของเขา ความโกรธภายในใจค่อยๆปะทุขึ้นช้าๆจนถึงจุดที่ไม่อาจทนได้ไหวอีกต่อไป
เขาลุกขึ้นสาปแช่งออกมาด้วยความโกรธ “บัดซบ พวกท่านนั้นเป็นอาวุโสที่เก่งกาจกับมือใหม่โดยแท้จริง เรื่องเช่นนี้มันเกินกว่าข้าจะอดทนได้อีกต่อไป พวกท่านบังคับให้ข้าต้องทำเช่นนี้เอง!”
“เหอะ อาวุโสที่แท้จริงจะไม่โอ้อวด!” กลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกสบถออกมาอย่างเย้ยหยัน
ในขณะที่พวกเขากำลังโต้เถียงกันนั้น ปราณดาบสีแดงยาวหลายฟุตก็ดำเนินการสังหารเหล่าวิหคหัวโตที่อยู่บนอากาศอย่างต่อเนื่อง
ตอนนี้มีหลายคนที่ไม่ยอมเข้าร่วมสงครามที่ซ่งจงเข้ามาคุกคามเพียงเพราะพวกเขากลัวที่จะต้องเอาชีวิตไปทิ้งอย่างไร้ค่า
ผู้ฝึกตนระดับจินตันก่อนหน้านี้ที่วิ่งหนีซ่งจงไปในครั้งสงครามที่ต่อสู้ร่วมกับฮัวชิงหยุน ฮัวอวิ๋น ความแข็งแกร่งของซ่งจงนั้นเกินกว่าจะต่อต้านได้ไหว พวกเขาผิดหรือที่รักชีวิตของตนเอง? กลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกคิดว่าตนเองนั้นแข็งแกร่งพอที่จะเทียบเท่ากับฮัวชิงหยุนงั้นหรือ? ถ้าหากไม่สามารถเทียบได้ แน่นอนว่าการต่อสู้กับซ่งจงนั้นไม่ใช่ทางออกที่ดี
ดังนั้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับซ่งจง พวกเขายอมที่จะละทิ้งศักดิ์ศรีและหลบหนีการต่อสู้อย่างแน่วแน่ จากนั้นจึงมุ่งเป้าหมายไปที่กองทัพอสูรที่อ่อนแอกว่าเพียงอย่างเดียว
เหลยซานเอ๋อเห็นว่าเหล่ากลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกนั้นได้สังหารพวกพ้องของนางไปมากมาย พวกเขากระทำมันอย่างบ้าคลั่ง
นางจับมือซ่งจงพร้อมกล่าวออกมาอย่างกระวนกระวาย “ฝ่าบาทพวกมันค้นพบวิธีที่จะสามารถสังหารพี่น้องของข้าได้อย่างรวดเร็วแล้ว!”
“เยี่ยม ข้าจะไปล้างแค้นให้เจ้าเอง จงจับตาดูข้าทำลายค่ายกลป้องกันนี้ให้ดี!” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างเย็นชาพร้อมโบกมือเรียกระฆังทองแดงออกมา
ในตอนนี้ระฆังใบยักษ์ได้ปรากฏขึ้น ขนาดของมันเทียบเท่ากับภูเขาลูกใหญ่ได้อย่างสูสี
หลังจากนั้นซ่งจงสะบัดมือหนึ่งครั้งเพื่อให้ระฆังทุบตีค่ายกลทันที
เหล่ากลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกนั้นได้ยินชื่อเสียงระฆังทองแดงที่ซ่งจงมีมานานแล้ว จนตอนนี้พวกเขาจะต้องรีบตัดสินใจเพราะซ่งจงได้เผยมันออกมาเสียแล้ว
ขวานยักษ์ลึกลับเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งเมื่อระฆังทองแดงปรากฏขึ้น มันเคลื่อนไหวขึ้นจากยอดเขาอย่างช้าๆ
รูปร่างของมันยังคงเรียบง่ายไร้การตกแต่งใดๆ แต่พลังของมันนั้นสร้างแรงกดดันมหาศาลทำให้ผู้คนโดยรอบสั่นไหวได้อย่างง่ายดาย
ซ่งจงที่เห็นเช่นนั้นเขาจำได้ทันทีว่าขวานนี้เคยตัดผ่านคลื่นทะเลพิโรธมาแล้ว พลังของมันน่าเกรงขามเกินกว่าจะประมาท เขาแอบหวั่นอยู่ภายในใจว่ามันจะสามารถทำลายระฆังทองแดงของเขาได้
เขารีบหยุดระฆังทองแดงไว้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าซ่งจงกลัว กลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกรู้สึกพอใจอย่างยิ่งพร้อมเยาะเย้ยออกมาว่า “เด็กน้อยซ่งจงเอ๋ย นี่เจ้าเกรงกลัวขวานยักษ์ลึกลับงั้นหรือ?”
“ช่างเป็นเด็กอวดดี!”
ซ่งจงที่ได้ยินเช่นนั้น สบถออกมา “ข้ากลัวว่าขวานของพวกเจ้าจะหักครึ่งเสียมากกว่า!”
กลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกที่ได้ยินเช่นนั้นระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ฮ่าฮ่า เมื่อไหร่กันที่เจ้าหมดความภูมิใจในระฆังทองแดง?” พวกเขากล่าวออกมาอย่างร่าเริงกล่าวต่อ “ถ้าให้ข้าเดาล่ะก็เจ้าคงกำลังคิดว่าระฆังทองแดงนั้นเป็นของแข็งและขวานยักษ์ลึกลับนี้คือสิ่งที่คมมาก!”
ซ่งจงเหยียดปากและกล่าวออกมาทันที “ความคิดของพวกเจ้านั้นราวกับผู้คนที่หลบอยู่แต่ในกะลา!”
กลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกที่ได้ยินเช่นนั้นรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที เขาคำรามออกมาด้วยความอับอาย “เจ้ากล้าเรียกข้าว่าบ้านนอกได้อย่างไรกัน?!”
“ระฆังของข้านั้นไม่ได้มีไว้สำหรับทุบตี มันเป็นเครื่องดนตรีต่างหาก! อธิบายไปคนเขลาเช่นพวกเจ้าก็คงไม่มีวันเจ้าใจหรอก หรือว่าเข้าใจแล้ว?” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างสั่งสอน
“เจ้า!” กลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกโกรธจัดจนเลือดเป็นขึ้นหน้า
ซึ่งความจริงแล้วระฆังทองแดงนั้นเป็นอาวุธประเภทเครื่องดนตรีอย่างที่ซ่งจงกล่าวจริงๆ มันไม่เหมาะสำหรับใช้ทุบตีใคร
แม้ว่าความจริงที่ก่อนหน้านี้ซ่งจงจะใช้มันเพื่อทุบตีใครก็ตามแต่
ดังนั้นผู้คนจึงคิดไปว่ามันเป็นอาวุธที่ใช้สำหรับทุบตีเป็นหลัก
ผลในตอนนี้ก็คือซ่งจงนั้นคว้าด้ามจับพร้อมกับเริ่มทุบตีเหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่ภายในกลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออก
จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่เห็นภาพนั้นได้แต่รู้สึกหดหู่ใจ
ซ่งจงมองเห็นกลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกทั้งหมดโกรธจัดจนใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียว เขาเผยยิ้มออกมาอย่างสดใสพร้อมกล่าวต่อ “ฮ่าฮ่า ข้าไม่สนใจใบหน้าเหี่ยวๆย่นๆของพวกเจ้าหรอกนะ แม้ว่ามันจะเขียวจนกลายเป็นสีม่วงข้าก็ไม่สนใจ!”
“วันนี้ข้าอารมดีจริงๆ!” เมื่อกล่าวเช่นนั้น ซ่งจงปลดปล่อยมือขวาอย่างสบายๆ จากนั้นปรากฏยันต์เครื่องรางสีเทาขึ้น เขาฟาดมันไปที่ระฆังอย่างรวดเร็ว ระฆังเริ่มทำงานของมันทันที เสียงดังกึกก้องกังวาลไปทั่วบริเวณนั้น
เสียงของระฆังนั้นทำให้เกิดความรู้สึกที่ลึกลับภายในจิตใจ เสียงของมันดังไปไกลกว่าพันลี้ มันแทรกซึมเข้าไปในจิตใจของผู้ที่ได้ยินอย่างกระหาย
แม้ว่าผู้ที่อยู่ภายใต้ค่ายกลป้องกันของภูเขาก็ไม่อาจต้านทานความสามารถของมันได้
หลังจากที่ได้ยินเสียงระฆังดังสนั่น ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างลุกขึ้นยืนอย่างร่าเริง
แม้ว่าทุกคนจะได้ยินเสียงที่เหมือนกัน แต่ทว่าผลลัพธ์ของมันกลับแตกต่างกัน
หลังจากที่กองทัพอสูรกายได้ยินเสียงระฆัง ภายในจิตใจของพวกมันรู้สึกยินดี ปรากฏไฟต้นกำเนิดขึ้นบนร่างกายสามจุด พวกมันรู้สึกแข็งแกร่งมากขึ้น แน่นอนว่าจิตใจของพวกมันฮึกเหิมมากขึ้นกว่าเดิมมาก
แต่สำหรับผู้ฝึกตนที่ได้ยินเสียงระฆัง ภายในใจของพวกเขารู้สึกร่าเริง ร่างกายพวกเขาผ่อนคลายราวกับกำลังแช่น้ำอุ่น สติปัญญาได้ขาดได้ไปอย่างน่าสมเพช ราวกับว่าทั้งหมดกำลังมึนเมาและเพ้อฝันสิ่งใดอยู่
เมื่อต้องตกอยู่ในสภาวะเช่นนี้ ทั้งหมดลดการป้องกันตัวลงทันที ยิ่งไปกว่านั้นปราณจิตวิญญาณของพวกเขาได้จางหายไป ซึ่งมันไม่เพียงพอที่จะใช้ต่อสู้ในตอนนี้
ปรากฏปราณดาบจำนวนมากในตอนนี้
พวกมันร่วงหล่นลงมาราวกับห่าฝน
ในตอนนี้กองทัพอสูรกลับมาได้เปรียบอีกครั้ง
พลังของอสูรกายได้รับการปรับปรุงให้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม ค่ายกลป้องกันได้รับความกดดันเพิ่มมากขึ้นอีกเท่าตัวทันที เมื่อรวมกับพลังของผู้ฝึกตนนั้นอ่อนแอลงไปมาก จึงทำให้อสูรกายสามารถต่อสู้ได้ดีขึ้นและลดจำนวนการตายลงไปมาก
ในตอนนี้ทุกสิ่งอย่างได้พลิกผัน วิกฤติเกิดขึ้นกับเหล่ามนุษย์อีกครั้ง ค่ายกลป้องกันของพวกเขากำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะเสียงของระฆัง
ยันต์ที่ซ่งจงเพิ่งใช้ไปนั้นชื่อว่าเสียงแห่งปีศาจทั้งเจ็ด
สิ่งนี้ไม่อาจเทียบกับเมื่อก่อนได้ ในตอนนี้เสียงแห่งปีศาจทั้งเจ็ดนั้นแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก
เมื่อก่อนนี้เสียงแห่งปีศาจทั้งเจ็ดสามารถทำได้เพียงก่อกวนศัตรูเท่านั้น กล่าวก็คือมันเป็นอาวุธที่ใช้สำหรับการก่อกวน สร้างภาระให้กับจิตใจของคู่ต่อสู้
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ซ่งจงเข้าสู่ระดับจินตัน ยันต์เสียงแห่งปีศาจทั้งเจ็ดได้เผยความสามารถที่ลึกลับเพิ่มขึ้น ซึ่งความแข็งแกร่งของมันเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ไม่เพียงแต่มันสามารถรบกวนจิตใจของศัตรูได้ แต่มันยังส่งเสริมกำลังใจของพวกพ้องได้อย่างยอดเยี่ยม
และเสียงแห่งปีศาจทั้งเจ็ดนั้นไม่ได้มีความสามารถที่จะแยกผิดชอบชั่วดี ดังนั้นเมื่อมันถูกใช้ออกไป พลังของมันจึงน่ากลัวเกินกว่าจะกองทัพของมนุษย์จะเข้าใจ
ด้วยพลังของยันต์ที่ซ่งจงใช้ ทำให้การต่อสู้ของเหล่าอสูรกายก้าวกระโดดไปมาก พลังของพวกเขาแทบจะไร้ขีดจำกัด สมองเปิดกว้างและมีไหวพริบที่ยอดเยี่ยม
ด้วยทักษะเช่นนี้ ทำให้พวกมันสามารถสังหารอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย
ในตอนนี้พรสวรรค์ของซ่งจงได้ปรากฏขึ้นมาแล้ว มันสามารถพลิกผันสถานการณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม บทบาทของเขาในตอนนี้สามารถชี้ชะตาของผู้ฝึกตนมนุษย์ได้
เหล่าผู้นำของกลุ่มพันธมิตรเมื่อเห็นภาพตรงหน้าต่างเกิดความกังวลขึ้นภายในจิตใจ ด้วยประสบการณ์ทั้งหมดที่พวกเขาได้เคยผ่านมา แน่นอนว่าทุกคนรับรู้ได้ว่ามันคือฝีมือของระฆังทองแดงยักษ์ พวกเขาโต้ตอบด้วยการรวบรวมพลังทั้งหมดพร้อมกับแผดเสียงคำรามออกมา “จงมอบพลังให้กับข้า อย่าตกเป็นเครื่องมือของซ่งจง!”
ผู้นำของกลุ่มที่อยู่ในระดับหยวนหยินคำรามออกมาด้วยพลังทั้งหมดของเขา ทั่วบริเวณราวกับถูกสายฟ้าฟาดลงมาอย่างรุนแรงต่อผู้ฝึกตนที่กำลังรู้สึกร่าเริงก่อนหน้านี้
พวกเขาทั้งหมดตื่นตระหนกพร้อมกับร่ำไห้ออกมาทันทีเมื่อพบว่าสถานการณ์ปัจจุบันน่ากลัวเพียงใด ทั้งหมดรีบเรียกปราณจิตวิญญาณของตนเองขึ้นมาเพื่อเข้าสู่การต่อสู้อีกครั้ง
เมื่อเห็นสถานการณ์ที่เป็นไป ซ่งจงนั้นไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย อีกทั้งเขายังหัวเราะออกมาอย่างสบายใจ “ฮ่าฮ่า ข้าว่าท่านคงจะชราภาพไปมากแล้ว เสียงของท่านนั้นแทบจะไม่ไหวเสียแล้วหละ แม้ว่าจะตะโกนจนคอแตก ท่านคิดงั้นหรือว่ามันจะสามารถเทียบกับระฆังทองแดงของข้าได้?”
เมื่อกล่าวจบ ซ่งจงดีดนิ้วอีกครั้งบนระฆังทองแดง ส่งยันต์เข้าไปอีกครั้งหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ทันที เสียงแห่งปีศาจทั้งเจ็ดดังขึ้นอีกครั้ง
หลังจากที่เหล่ากองทัพอสูรกายได้ยิน พวกมันรู้สึกเศร้าโศกและหดหู่ที่พวกพ้องของตนเองได้ตายตกไปอย่างน่าอนาถโดยฝีมือของเหล่ามนุษย์ ในตอนนี้ความโศกเศร้านั้นยังไม่สามารถหาคำตอบได้ว่ามาจากไหน พวกมันรู้แต่เพียงว่าทั้งหมดถูกเปลี่ยนเป็นพลังแห่งความโกรธและพุ่งทะยานเข้าหาศัตรูทันที
แต่ผู้ฝึกตนมนุษย์ที่ได้ยินเสียงนั้น พวกเขาตกอยู่ในภวังค์แห่งความโศกเศร้า แต่พวกเขาจมอยู่กับความผิดพลาดของตนเองในอดีต ทั้งหมดเลิกสนใจสถานการณ์ตรงหน้าและคิดว่าตนเองสมควรที่จะตาย! น้ำตาหลั่งไหลออกมาจากดวงตาของพวกเขาราวกับน้ำตก ในตอนนี้จิตวิญญาณในการต่อสู้นั้นไม่เหลืออีกแล้ว จิตใจของพวกเขาสั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เสียงร่ำไห้เสียงดังระงมไปทั่ว เหล่าผู้ฝึกตนหยิบดาบขึ้นมาเพื่อหมายที่จะปลิดชีวิตของตนเอง
เมื่อผู้นำของกลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกเห็นฉากตรงหน้า ต่างรู้สึกหดหู่ภายในจิตใจอย่างรุนแรง
เขารู้ได้ทันทีว่าช่วงเวลาแห่งความพ่ายแพ้ใกล้มาถึงแล้ว
เสียงของเขาสามารถช่วยเหลือเหล่าผู้ฝึกตนเหล่านั้นได้เพียงชั่วคราว แต่ไม่นานพวกเขาก็จะถูกดึงกลับไปอีกครั้ง
หลังจากที่เขารู้ว่าลำคอของตนเองไม่อาจต่อสู้กับระฆังทองแดงได้เลย ซ่งจงสามารถใช้พลังได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่เขาล่ะ? ถ้าหากเขาต้องตะโกนเช่นนี้สิบครั้ง แน่นอนว่าลำคอของเขาคงจะแตกเป็นเสี่ยงๆ นอกจากนั้นความแข็งแกร่งของระฆังทองแดงยังลึกลับ ผู้คนต่างพากันร้องไห้และปราณจิตวิญญาณของพวกเขาหายไปอย่างรวดเร็ว จิตวิญญาณในการต่อสู้ของพวกเขาถูกทำลายจนหมดสิ้น
แต่ทว่าความเลวร้ายของสถานการณ์นี้นั้นคือเหล่าผู้นำกลุ่มบางคนกำลังถูกเสียงของระฆังเล่นงาน
ดังนั้นพวกเขาจึงเห็นความร้ายกาจของซ่งจงอย่างชัดเจน
ในตอนนี้เรียกได้ว่าความโชคร้ายนั้นครอบคลุมไปทั่วบริเวณแล้ว
แม้ว่าในตอนนี้กลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกจะสามารถสังหารเหล่าอสูรกายไปได้เพียงหนึ่งล้านตัว
แน่นอนว่าซ่งจงจะไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามกองทัพของเหล่าผู้ฝึกตนได้กระจายออกไปอย่างไร้จุดหมาย พวกเขารู้สึกหมดหวัง ผู้นำของกลุ่มกังวลอย่างมาก เขาจึงแผดเสียงออกมาอีกครั้ง “ซ่งจง เจ้าบังคับให้ข้าต้องทำแบบนี้เองนะ วันนี้ชายชราผู้นี้จะต่อสู้กับเจ้าเอง!”
เสียงคำรามของผู้นำแห่งกลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออก ปลุกผู้คนให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ทุกคนกลับมามีสมาธิและเริ่มที่จะต่อสู้ทันที
ขณะเดียวกันผู้นำของกลุ่มพันธมิตรกำลังลอยอยู่เบื้องหน้าของขวานยักษ์ลึกลับพร้อมกับหยดเลือดลงบนขวาน!
ขวานดูดซับโลหิตหยดนั้นอย่างรวดเร็ว เดิมทีขวานนี้รูปร่างธรรมดาทั่วไป แต่เมื่อมันได้รับสิ่งแปลกใหม่ มันสั่นไหวราวกับกำลังตื่นเต้นอย่างมาก
เขารู้สึกร่าเริงขึ้นทันทีเมื่อเห็นปฏิกิริยาของมัน จากนั้นเหยียดแขนทั้งสองข้างออกเพื่อที่จะควบคุมมันให้ได้
ขวานยักษ์ลึกลับนั้นเหวี่ยงตัวเองไปมาสองถึงสามรอบเพื่อหลบหนีการควบคุมของผู้นำกลุ่ม มันไม่ยินยอมที่จะถูกครอบครองโดยเขา
แต่ผู้นำกลุ่มพันธมิตรนั้นไม่ยอมแพ้ เขาหยดเลือดลงบนขวานอีกครั้ง จนถึงครั้งที่เก้าขวานนั้นจึงค่อยๆเลิกสั่นไหวและเข้าสู่การควบคุมของผู้นำกลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออก
แต่ในเวลานี้ ผู้นำกลุ่มพันธมิตรมีร่างกายที่ซีดขาวเพราะว่าเขาต้องเสียเลือดถึงเก้าครั้ง แน่นอนว่ามันทำให้ร่างกายของเขาเสียความสมดุลอย่างมาก!
______________________________________________________________________
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
เริ่มแปลจากจีนได้สักพักแล้วนะคะ อาจจะช้าหน่อย แต่จะพยายามวันละสองตอนค่ะ
ฝากกด like เพจด้วยนะคะ
*ผู้แปลขี้โรค