ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ Facebook Fanpage กดเลย
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
สารบัญ จอมมารสะท้านภพ (เรื่องใหม่)
••••••••••••••••••••
บทที่****297:อัปราชัย
หลังจากที่หลั่งเลือดถึงเก้าครั้ง สุดท้ายแล้วขวานยักษ์ลึกลับก็ถูกควบคุมโดยผู้นำกลุ่มทะเลตะวันออก หลังจากที่เขาสามารถควบคุมมันได้แล้ว ผู้คนที่อยู่ในเกาะไม่กล้าที่จะประมาทเพราะในตอนนี้ขวานยักษ์ลึกลับกำลังไล่ทุบตีเหล่าอสูรกายอย่างบ้าคลั่ง
ในตอนนี้ทุกคนได้มองเห็นความน่าสะพรึงกลัวของขวานยักษ์ ลำแสงสีดำขนาดใหญ่วิ่งโลดแล่นอย่างบ้าระห่ำ มันกำลังปกป้องผู้คนในกลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออก ทุกครั้งที่มันวิ่งผ่านอสูรกาย ลำแสงสีดำของมันจะขยายตัวเล็กน้อยไม่อาจมองเห็นได้หากไม่สังเกต แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่การวิ่งไปมาของขวาน แต่สิ่งที่เลวร้ายคือลำแสงศักดิ์สิทธิ์สีดำนั้นมันไม่ปลดปล่อยพลังมั่วซั่ว เมื่อมันเข้าใกล้ผู้ฝึกตนมนุษย์ มันจะหลีกเลี่ยงการใช้พลังโดยอัตโนมัติ มีเพียงเหล่าอสูรกายเท่านั้นที่ถูกโจมตีด้วยลำแสงเหล่านี้
ลำแสงศักดิ์สิทธิ์สีดำนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะประมาทได้ มันรวดเร็วราวกับสายฟ้า แน่นอนว่าไม่อาจหลีกเลี่ยงมันได้ เรียกได้ว่าความเร็วของมันอาจจะเหนือกว่าเสียด้วยซ้ำ เมื่อถูกมันโจมตีแล้วร่างกายจะกลายเป็นของแข็งขาวโพลนพร้อมแตกสลายทันที แม้ว่าจะมีการป้องกันของเต่าดำศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม
สิ่งของที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แน่นอนว่าความน่าเกรงขามของมันจึงเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ! แต่ผู้ครอบครองมันกลับเป็นสวะคนหนึ่งของทะเลตะวันออก ที่ได้รับท่ามกลางสมรภูมินองเลือด
ในตอนนี้มันกำลังฝ่าวงล้อมเพื่อที่จะบุกเข้าถึงตัวของซ่งจง ซึ่งเหลือระยะทางประมานสองร้อยลี้
ระหว่างทางที่มันบินผ่านไป เหล่าอสูรกายระดับสูงมากมายต้องล้มตายไม่รู้เท่าไหร่ แต่ความเร็วของมันไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย
ซากศพของเหล่าอสูรกายนับหมื่นกองอยู่เบื้องหลังของมัน ช่างเป็นภาพที่น่าหวั่นเกรงยิ่งนัก
ตอนนี้เหล่าผู้คนในทะเลตะวันออกไล่สังหารเหล่าอสูรกายอย่างบ้าคลั่ง เดิมทีพวกเขาไม่เคยพูดคุยกับซ่งจงอยู่แล้ว อีกทั้งในตอนนี้ทั้งหมดยังไม่ได้ยินเสียงระฆังของซ่งจงเลย นี่คือสิ่งที่พวกเขากำลังเรียกเก็บเมื่อกลับมามีสติได้อีกครั้ง
ขวานได้รับเลือดก้อนใหญ่อีกครั้งเพื่อเพิ่มพลังการโจมตีของมัน ในครั้งแรกที่มันบ้าคลั่งอยู่แล้ว ในตอนนี้ระดับความบ้าคลั่งของมันเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากเดิม
เมื่อพลังของมันรวมกับการควบคุมของผู้นำแห่งกลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออก ขวานลึกลับนั้นเกรี้ยวกราดกว่าเดิมมากโขอีกทั้งขนาดของมันได้ใหญ่ตามไปด้วย เป้าหมายของมันในตอนนี้ก็คือการสับซ่งจงที่ยืนอยู่เหนือระฆังทองแดง!
แม้ว่าขวานนี้จะไม่ได้ถูกขับเคลื่อนด้วยค่ายกลป้องกันเหมือนในตอนแรก ความแข็งแกร่งของมันน้อยกว่าตอนที่สามารถตัดขาดคลื่นทะเลพิโรธได้ แต่มันก็ยังคงความทรงพลังอยู่ดี ซ่งจงคิดว่าระดับของมันคือผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินขั้นสมบูรณ์ที่กำลังควบคุมมันอยู่ในตอนนี้ โดยประมาณแล้วมันแทบจะสามารถสังหารทั้งสองคนพร้อมกันได้ในทันที
พลังของขวานยักษ์ในตอนนี้อาจจะเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนระดับเฟินเสิ่นหรืออาจจะเลวร้ายยิ่งกว่านั้น
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีที่ทรงพลังเช่นนี้ ซ่งจงรู้สึกไม่ยินดีอย่างยิ่ง เขารู้สึกทำอะไรไม่ถูกและเกิดความกังวลในจิตใจ ถึงแม้จะจัดการได้แต่เขาเกรงกลัวว่าพลังแห่งไฟต้นกำเนิดที่เขามีจะได้รับความเสียหายจากการโจมตีของมัน
เนื่องจากเหตุผลมากมายนำมาประกอบกันแล้ว เขามองไม่เห็นข้อดีของการปะทะแม้แต่น้อย แน่นอนวิธีที่เขาเลือกคือหลีกเลี่ยงมัน!
แต่อย่างไรก็ตาม พลังของขวานยักษ์นี้บ้าระห่ำอย่างแน่นอน แต่ความเร็วของมันไม่มากนัก นั่นทำให้ซ่งจงสามารถหลบได้อย่างหวุดหวิด
แต่ผู้ควบคุมขวานนั้นโชกโชนไปด้วยประสบการณ์การต่อสู้ แน่นอนว่าเขาคิดเรื่องนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว ถ้าหากซ่งจงและระฆังทองแดงสามารถหลบได้ เป้าหมายใหม่ของมันก็คือเรือมังกรอัคคีของนักบวชฮัวอวิ๋น!
แม้ว่าเรือมังกรอัคคีของนักบวชฮัวอวิ๋นจะประสบความสำเร็จในการสร้างเป็นสมบัติขนาดยักษ์ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับขวานยักษ์ลึกลับที่ทรงพลัง แน่นอนว่าจุดจบของมันจะต้องมาถึงในคราวนี้ แม้แต่เหลยซานเอ๋อที่เป็นผู้นำของเรือลำนี้ก็ไม่อาจหลบหนีได้พ้น
แน่นอนว่าซ่งจงไม่อาจทนเห็นสิ่งของที่เหลยซานเอ๋อรักดั่งดวงใจถูกทำลาย แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจ แต่เขาก็ไม่สามารถทำให้กะโหลกของตนเองแข็งมากกว่านี้เพื่อรับการโจมตีนั้นแทนได้
นับตั้งแต่ที่เขาเป็นคนสร้างปัญหานี้ขึ้นมา แน่นอนว่าเขาจะแก้ไขมันด้วยตนเอง ซ่งจงลุกขึ้นมาและหยุดคิดเรื่องไร้สาระ สองมือประสานเพื่อร่ายเวทมนตร์เปิดใช้งานยันต์อีกครั้ง เขาทุบมันลงที่ระฆังทองแดงอย่างรวดเร็ว
ระฆังทองแดงระเบิดลำแสงสีทองที่เจิดจ้าออกมาทันที
ซ่งจงลากระฆังทองแดงไปตามแนวเส้นแสงของพระอาทิตย์พร้อมที่จะปะทะกับขวานยักษ์ลึกลับ
ในขณะเดียวกันปากของซ่งจงไม่ลืมที่จะแผดเสียงออกมากึกก้อง “ไอ้สวะแห่งทะเลตะวันออก เจ้าคิดว่าบิดาผู้นี้เกรงกลัวเจ้าจริงๆงั้นหรือ?”
“เหอะ อย่าพยายาม!” ผู้ครอบครองขวานยักษ์เย้ยหยันออกมา พร้อมทั้งระเบิดพลังออกมา
ในตอนนี้ผู้คนทั้งหลายกำลังรับชมฉากที่ระฆังทองแดงยักษ์ปะทะเข้ากับขวานยักษ์!
ภาพตรงหน้าราวกับดาวอังคารพุ่งชนโลก ทั่วบริเวณกึกก้องไปด้วยเสียงระเบิดดังสนั่น ซ่งจงและผู้ครอบครองขวานกระเด็นตามแรงระเบิดทันที
เพราะว่าลำแสงสีทองของระฆังทองแดงหมดไป ไม่อาจเอาชนะลำแสงสีดำของขวานยักษ์ได้ ระฆังทองแดงได้กระเด็นออกไปจากจุดนั้นทันที แต่ทว่ามันยังคงป้องกันใบมีดอันแหลมคมนั้นได้โดยไร้รอยขีดข่วนเช่นเดิมพร้อมส่งขวานยักษ์กลับสู่เส้นทางที่มันจากมา!
แม้ว่าขวานยักษ์ลึกลับจะไม่เสียหาย แต่พลังที่สะท้อนกลับมาก็ส่งมันไปไกลพอสมควร อีกทั้งมันยังไม่อาจรักษาความยิ่งใหญ่ไว้ได้ ขนาดของมันหดกลับไปอยู่ในรูปแบบตั้งต้นและพุ่งทะยานกลับไปยังจุดเดิม
นี่เป็นการต่อสู้ของสมบัติทั้งสอง
การต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีแพ้หรือชนะ แต่เป็นการเสมอที่ยิ่งใหญ่!
ผู้ที่ควบคุมขวานยักษ์ลึกลับได้บ้วนเลือดออกมาคำใหญ่ ในตอนนี้ขวานสั่นไหวไม่หยุดและเขาก็ยังไม่สามารถหยุดร่างกายของตนเองที่สั่นไหวจนต้องพ่นเลือดออกมาอีกคำใหญ่
แม้ว่าสภาพของซ่งจงจะดูดีกว่า แต่ก่อนหน้านี้ระฆังทองแดงยักษ์ก็มีปฏิกิริยาเช่นกัน ร่างกายของเขากระเด็นไปพร้อมกับระฆังทองแดงซึ่งไกลกว่าห้าร้อยลี้ เขาบ้วนเลือดออกมาหนึ่งคำก่อนที่จะหมดสติไป
ผลลัพธ์เช่นนี้ทำให้ทุกคนคาดไม่ถึง ทั้งสองบาดเจ็บร่วมกัน!
ด้านของกองทัพอสูรกาย พวกเขาไม่อาจเชื่อว่าซ่งจงจะบาดเจ็บหนัก เพราะว่าระฆังทองแดงของเขานั้นลึกลับเกินกว่าจะคาดเดาความแข็งแกร่งได้
ผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินนั้นไม่สามารถถูกทุบตีเช่นนี้ได้ แต่ในตอนนี้เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมากเพียงเพราะเขาถูกสับด้วยขวานในทีเดียว!
ตอนนี้ผู้คนในกลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกกำลังไม่เชื่อสายตาตนเองว่าผู้นำของพวกเขาจะพ่ายแพ้ทั้งๆที่ครอบครองขวานยักษ์ลึกลับ พ่ายแพ้แม้กระทั่งครอบครองขวานที่ทรงพลังสามารถตัดขาดคลื่นทะเลพิโรธได้? ทำไมขวานยักษ์ลึกลับจะต้องพ่ายแพ้ให้กับระฆังทองแดงที่ไม่รู้ว่าต้นกำเนิดของมัน? ยิ่งไปกว่านั้นพลังของมันกลับส่งผลให้ผู้ครอบครองต้องกระอักเลือดอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดได้แต่คิดซ้ำไปมาเพราะไม่เชื่อสายตาตนเอง
การบาดเจ็บของผู้นำทั้งสองฝ่ายนั้นสำคัญมาก ผู้คนที่อยู่ในสนามรบนั้นหยุดชะงักทันที แต่เพียงชั่วครู่เท่านั้น เมื่อผู้คนได้สติ พวกเขากลับมาต่อสู้อีกครั้งด้วยความดุเดือด
เหล่ากองทัพอสูรกายที่เห็นว่าเจ้าชายของตนเองบาดเจ็บ พวกมันโกรธแค้นโดยธรรมชาติ พลังแห่งความโกรธทำให้ความสามารถในการต่อสู้ของพวกมันไม่อาจมองข้ามได้เลย!
แต่ในด้านของฝ่ายมนุษย์นั้น พวกเขานั้นเกิดความเห็นแก่ตัวภายในจิตใจอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดนั้นเสื่อมศรัทธาในตัวผู้นำของตนเองทันทีเพียงเพราะในตอนนี้เขาอ่อนแอเกินกว่าจะเคารพได้
เมื่อคราวต่อสู้ พวกเขาสนับสนุนผู้นำของตนในฐานะผู้สนับสนุนและคอยเป็นแรงผลักดัน แต่ในตอนนี้ผู้นำของตนเองล้มลง พวกเขาจึงไม่คิดที่จะป้องกันภูเขาอีกต่อไปนอกจากจะปกป้องชีวิตของตนเอง
ดังนั้นในตอนนี้ขวัญกำลังใจของเหล่าอสูรกายกำลังปะทุขึ้น แต่มนุษย์กำลังเสียขวัญกันอย่างมากและเริ่มมีท่าทีที่จะไม่สามารถต้านทานได้ไหว
เหลยซานเอ๋อเห็นภาพซ่งจงที่บาดเจ็บสาหัส นางร้องไห้ออกมาพร้อมกับพุ่งไปพร้อมกับอินทรีย์สายฟ้ายักษ์อย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะไปรับเขากลับมาที่เรือมังกรอัคคี จากนั้นนางปลดปล่อยปราณอสูรกายเข้าไปเพื่อรักษาเขาก่อนในเบื้องต้น
แต่ดงไห่ที่บาดเจ็บสาหัสนั้นไม่มีแม้แต่ผู้ใดคิดที่จะเหลียวแล เขาแผดเสียงออกมาดังลั่นจากความเจ็บปวด
แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของผู้นำดงไห่นั้นเหนือกว่าซ่งจง แต่ถึงอย่างนั้นอาการบาดเจ็บของเขาก็หนักหนาสาหัสกว่าซ่งจง แต่ทว่าเขายังคงมีความสามารถที่จะต่อสู้ได้อยู่
เขามองเห็นอสูรกายเอ๋าเทียนกำลังสังหารผู้คนอย่างบ้าคลั่ง
เขาเกรงกลัวว่าอันตรายกำลังจะมาถึง ด้วยพลังทั้งหมดที่มีทำให้เขากลั้นใจที่จะเรียกขวานลึกลับอีกครั้งเพื่อปกป้องตนเอง
อาวุโสเอ๋าเทียนนั้นไม่สามารถไล่ตามกับผู้นำดงไห่ได้ เพราะดงไห่นั้นวิ่งหนีเข้าไปในค่ายกลป้องกันอย่างทุลักทุเล อาวุโสเอ๋าเทียนขุ่นเคืองใจอย่างมากที่ไม่สามารถจัดการกับผู้นำดงไห่ได้ เขาจึงได้แต่กำจัดเหล่าศิษย์ของเขาเพื่อระบายความโกรธ นำไปสู่การล้อมภูเขาอีกครั้งเพื่อกดดันฝ่ายมนุษย์
ในตอนนี้อาวุโสเอ๋าเทียนร่วมมือกับเหล่าผู้นำทั้งหกคนเพื่อกดดันค่ายกลป้องกัน
แต่ในตอนนี้ด้านของซ่งจงที่ล้มลง เบื้องหน้าของเขาคือเหลยซานเอ๋อที่กำลังโกรธจัด นางนั้นมีความหวงแหนหินจิตวิญญาณอย่างมากและไม่ต้องการจะสิ้นเปลืองมันในสงคราม
แต่ในตอนนี้เรือมังกรอัคคีถูกนางสั่งให้ยิงออกไปด้วยทุกสิ่งที่มี!
แม้ว่าเรือมังกรอัคคีไม่อาจเทียบได้กับเรือมังกรทองคำของซ่งจง แต่มันก็เป็นเรือของผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินไม่ใช่หรือ? มันถูกสร้างขึ้นจากขุมทรัพย์ของสำนักเสวียนเทียนที่สะสมมากว่าพันปี พลังงานของมันน่ะหรือ? แน่นอนว่าย่อมแข็งแกร่งเช่นกัน ภายใต้คำสั่งของเหลยซานเอ๋อในตอนนี้สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามเปิดใช้งานแล้ว
หอคอยใหญ่สิบสองฟุตสูงหกร้อยฟุตได้ปรากฏขึ้น
สายฟ้าเหล่านี้นั้นสามารถเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนระดับหยวนหยิน ซึ่งความแข็งแกร่งของมันเรียกว่าไม่แพ้ใคร
ลูกไฟนับพันกำลังพุ่งเข้าใส่ค่ายกลป้องกันโดยตรง การระเบิดที่รุนแรงของมันทำให้อสูรกายที่อยู่ใกล้ๆต้องวิ่งหนีตายด้วยความโกลาหล ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้กำลังแพงนั้นไปโดยปริยาย
ค่ายกลป้องกันในตอนนี้เต็มไปด้วยควันและเสียงระเบิด ความพ่ายแพ้คืบคลานเข้ามาใกล้ทุกที
ฟางเส้นสุดท้ายแห่งความอดทนของเรือมังกรอัคคีได้สิ้นสุดลง มันปล่อยลูกไฟจากปากอย่างไม่หยุดยั้ง
ความแข็งแกร่งของมันนั้นไม่มีใครอาจเทียบเคียงได้ในเวลานี้ ในกาลก่อนหน้าที่ของมันคือปกป้องภูเขา แต่ในตอนนี้หน้าที่ของเรือมังกรอัคคีคือการทำลายภูเขาลูกนี้ มันเผาไหม้ทุกสิ่งที่ขวางทาง
ค่ายกลป้องกันเกิดรูขนาดใหญ่หลังจากถูกโจมตีโดยอสูรกายที่คุ้มคลั่งเพราะความโกรธ ภายในพริบตาค่ายกลทั้งหมดยุบสลายในทันที
เมื่อค่ายกลป้องกันพังทลายลง แน่นอนว่าอาคารหลักของกลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกไร้การป้องกันแล้วในตอนนี้ สถานการณ์ตอนนี้ราวกับว่ากองทัพอสูรกายกำลังรุมโทรมหญิงสาวไร้ทางสู้คนหนึ่งอยู่อย่างไรก็ไม่ปาน!
เหล่าอสูรกายน่ะหรือจะมีความสุภาพ? แน่นอนว่าพวกมันลุมเข้าไปทุกทิศทาง วิหคหัวโตเริ่มโจมตีจากด้านบน การสังหารหมู่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้
สถานการณ์ในตอนนี้เหล่ามนุษย์นั้นรู้ตัวแล้วว่าพวกเขาจะต้องพ่ายแพ้ ไม่มีใครยินยอมที่จะเข้าสู่ความพ่ายแพ้ ทุกคนต่างกรีดร้องออกมาอย่างเสียสติ “ยอมแพ้ พวกเรายอมแพ้แล้ว!” แต่ทว่าซ่งจงนั้นบาดเจ็บสาหัส ผู้บังคับบัญชาสูงสุดในตอนนี้คืออาวุโสเอ๋าเทียน เขารังเกียจคนเหล่านี้ที่ไม่ยอมรับสถานการณ์ปัจจุบัน ซ่งจงบาดเจ็บหนักมาก แน่นอนว่าจะไม่มีโอกาสให้สำหรับขยะ เขากล่าวออกไปด้วยความโกรธจัด “เพิ่งรู้งั้นหรือว่าพวกเจ้าจะต้องยอมแพ้? ทำไมจึงไม่ยอมตั้งแต่ต้น? ข้าจะบอกอะไรให้หนึ่งอย่างว่าพวกเจ้าช้าไป! ฆ่ามัน! ฆ่าพวกมันให้หมด!” เมื่อกล่าวจบ อาวุโสเอ๋าเทียนนั้นพุ่งเป้าหมายไปที่ผู้นำดงไห่ทันที
ในตอนนี้ที่ผู้ฝึกตนนับหมื่นตกอยู่ภายใต้กรงเล็บของเหล่ากองทัพอสูรกาย ซ่งจงได้สติขึ้นมาพอดี เขารีบลุกขึ้นพร้อมกล่าวว่า “ถ้าหากยอมแพ้ ห้ามสังหารเขา! ข้ายังมีชีวิตอยู่!” จากนั้นซ่งจงล้มลงไปอีกครั้ง
แม้ว่าเหลยซานเอ๋อจะโกรธผู้ฝึกตนมนุษย์ที่ทำให้ซ่งจงบาดเจ็บ นางไม่เต็มใจที่จะถ่ายทอดคำพูดของซ่งจงออกไป แต่นางก็ไม่อาจขัดขืนได้ จึงได้แต่ตะโกนออกไป “อาวุโสเอ๋าเทียน ฝ่าบาทน้อยมีคำสั่งว่าถ้าหากยอมแพ้แล้ว ไม่ต้องสังหารเขา! ฝ่าบาทต้องการจับเป็น!”
“โอ้!” อาวุโสเอ๋าเทียนที่ได้ยินเช่นนั้น ถอนลมหายใจออกมาด้วยความโกรธ แต่เขาก็ไม่คิดจะขัดคำสั่งของซ่งจง เขาจึงจำเป็นต้องออกคำสั่งอีกครั้ง “คำสั่งจากฝ่าบาท ถ้าหากผู้ใดยอมจำนนจะไม่ถูกละเว้นจากการสังหารหมู่!” เหล่าอสูรกายที่ได้ยินเช่นนั้น ทำตามคำสั่งอย่างเชื่อฟัง
ในตอนนี้ผู้ฝึกตนมนุษย์จำนวนมากยอมแพ้
อย่างไรก็ตามพลังการทำลายล้างของเหล่าอสูรกายนั้นมากเกินไป เพียงเวลาชั่วครู่ก่อนที่ซ่งจงจะได้ออกคำสั่ง ผู้ฝึกตนหลายร้อยคนได้ถูกสังหารไปอย่างน่าเวทนา
ในตอนนี้อาวุโสเอ๋าเทียนไม่สนใจคำสั่งของซ่งจงอยู่หนึ่งอย่าง คือเขาจะไม่ปล่อยให้ผู้นำดงไห่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแม้ว่าเขาจะยอมแพ้ จิตสังหารแผ่ออกมาจากร่างกายเอ๋าเทียนอย่างล้นหลามพร้อมกับเดินเข้าไปอย่างมุ่งร้าย…
______________________________________________________________________
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
พูดคุย
ฝากกด like เพจด้วยนะคะ
*ผู้แปลขี้โรค