บทที่ 671 ต่างฝ่ายต่างก็มีแผนของตน

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“คุณชายเย่ เมื่อสักครู่คุณบอกว่าคุณได้ไปสามเหลี่ยมทมิฬมาแล้ว ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นกับสามเหลี่ยมทมิฬ ณ ตอนนี้ คงไม่ได้เกิดจากคุณใช่ไหม?”

เมื่อพูดถึงการเสียชีวิตของถังเหวินหลง บรรยากาศในรถก็เงียบลง หลังจากนั้นไม่นาน เซวฟู่ยี่ก็เป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบงันนี้

“คุณรู้เรื่องความวุ่นวายของสามเหลี่ยมทมิฬด้วยเหรอ?”

เย่เทียนตะลึง แต่เมื่อนึกถึงสถานะตัวตนของเซวฟู่ยี่แล้ว เขาก็รู้สึกว่าตัวเองประหม่าเกินเหตุ จากนั้นปัดจมูกของเขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “มันเกี่ยวข้องกับผมอยู่นะ แต่นั่นเป็นเพราะกองกำลังทำสงครามกันอยู่แล้ว ส่วนตัวผมก็แค่ชนวนสงครามเท่านั้น!”

เซวฟู่ยี่พูดอย่างครุ่นคิด “คุณชายเย่ ตามที่คุณพูด เป็นไปได้ไหมว่ากลุ่มคนที่เพิ่งโจมตีพวกคุณถูกส่งมาจากสามเหลี่ยมทมิฬ?”

“หืม?!”

การแสดงออกของ เย่เทียนเคร่งขรึมขึ้นมาในทันที เขามั่นใจว่าคนเหล่านั้นไม่ได้ถูกส่งมาจากสามเหลี่ยมทมิฬอย่างแน่นอน!

ท้ายที่สุด ส้งลากับปาซ่งก็ตายทั้งคู่แล้ว และตระกูลฟู่ก็อยู่ในสามเหลี่ยมทมิฬ ดังนั้นกองกำลังของส้งลา จึงไม่มีเวลามาสร้างปัญหาให้เขา

ประเด็นสำคัญคือ เยาหวู่ตี๋หนีไปในตอนนั้น คนที่มีแนวโน้มว่าจะสามารถติดตามเยาหวู่ตี๋ได้ต้องมีความสามารถในด้านสายการบิน และการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเที่ยวบินของเขาจึงจะไม่ยาก

แต่ด้วยอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังเยาหวู่ตี๋ เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะส่งคนธรรมดาไปตาย?

“ไม่รู้สิ”

หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก ในที่สุดเย่เทียนก็จำต้องเลือกที่จะยอมแพ้ จากนั้นส่ายหัวพูดว่า “ผมรู้แค่ว่าพวกเขาทุกคนเป็นมืออาชีพ พวกเขายอมฆ่าตัวตายดีกว่าถูกจับ ฉะนั้นแน่นอนว่าพวกเขาต้องเคยผ่านการฝึกฝนที่เข้มงวดมาก่อน”

“แล้ว……”

เซวฟู่ยี่ขมวดคิ้วทันทีและอ้าปากเพื่อจะพูดอะไรบางอย่าง

“พอได้แล้ว เรามาเดาสถานการณ์อยู่ที่นี่ก็ไร้ประโยชน์”

แต่ก่อนที่เซวฟู่ยี่จะพูด เย่เทียนได้ยิ้มและยกมือขัดจังหวะ “ในเมื่อพวกเขาตั้งใจมาเพื่อผม เชื่อว่าหากการลอบสังหารครั้งนี้ไม่สำเร็จ มันจะต้องมีครั้งหน้าแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น ผมต้องระวังให้มากขึ้น อย่าปล่อยให้พวกเขาฆ่าตัวตายก็พอ”

“เย่เทียน แต่……”

ทันทีที่พูดคำนี้ จี้เยียนหรันก็กังวลขึ้นมา แม้จะรู้ว่าเย่เทียนเก่งมาก แต่เธอก็อดกังวลไม่ได้อยู่ดี

“เยียนหรัน คุณยังไม่รู้ความสามารถของผมอีกเหรอ?”

เย่เทียนสัมผัสมือที่เรียวงามของหญิงสาว จากนั้นยิ้มพูดว่า “ยิ่งไปกว่านั้น เราก็บอกไม่ได้หรอกว่าพวกมันจะมาอีก ใช่ไหม?”

จี้เยียนหรันมองไปที่เย่เทียนอย่างลึกซึ้ง และการแสดงออกของเธอซับซ้อนเล็กน้อย เธออ้าปากจะกำลังจะพูด แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะไม่พูดและกลืนคำพูดที่ติดอยู่ในลำคอลงไป

อย่างที่เย่เทียนพูด สิ่งที่จะเกิดมักต้องเกิด เธอกังวลก็จริงแต่จะทำอะไรได้ล่ะ? คงจะให้เย่เทียนหลบซ่อนตัวไปตลอดชีวิตคงไม่ได้หรอก?

……

ในเวลาเดียวกัน ภายในคฤหาสน์แห่งหนึ่งในเชิงเขาเมืองจิน

แม้ว่าตอนนี้จะมืดแล้ว แต่ทั้งคฤหาสน์เต็มไปด้วยแสงสว่าง และมีสาวสุดฮอตในชุดบิกินี่สุดเซ็กซี่ราวล้อมชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งก็คือเย่ย่งเล่อ ทายาทสายตรงของตระกูลเย่!

“คุณชายย่งเล่อ คุณชายย่งเล่อครับ!”

ทันใดนั้น บอดี้การ์ดตัวใหญ่ใส่ชุดสูทรองเท้าหนังคนหนึ่งเดินเบียดฝูงชนเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จากนั้นโน้มตัวไปกระซิบข้างหูของเย่ย่งเล่อ “ผมเพิ่งได้รับข่าวจากลูกน้อง เย่เทียนปรากฏตัวแล้วครับ!”

“ในที่สุดไอ้คนขี้ขลาดก็ปรากฏตัวได้สักที แล้วมันอยู่ไหน?”

เย่ย่งเล่อตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหัวเราะออกมาดังๆ เพราะเย่เทียนได้หายตัวไปอย่างกะทันหันในช่วงเวลาที่กำลังแข่งขันการคัดเลือกของทีมสายฟ้า อีกอย่างทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ให้คำอธิบายใดๆ กับเขาเลย ฉะนั้นพี่น้องตระกูลเย่จึงคิดว่าสาเหตุที่ทำให้เย่เทียนหายไปโดยไม่บอกกล่าวก็เป็นเพราะกลัวเย่หย่งหง

ที่สำคัญกว่านั้น เย่ย่งเล่อถือเป็นที่หนึ่งในการแข่งขันคัดเลือกของทีมสายฟ้า ดังนั้นการปรากฏตัวของเย่เทียนในวันนี้ ยังไงเขาก็ต้องไปคุยกับลูกพี่ลูกน้องคนนี้ให้รู้เรื่องสิ?

“คุณชายย่งเล่อครับ คุณใจเย็นๆ ก่อนนะครับ ฟังผมพูดให้จบนะครับ”

บอดี้การ์ดส่ายหัวแล้วอธิบายอย่างจริงจัง “เย่เทียนปรากฏตัวขึ้นระหว่างเส้นทางกลับเมืองจากสนามบิน แต่เขาโดนลอบสังหารระหว่างทางกลับ ซึ่งการโจมตีครั้งนี้อีกฝ่ายได้มีการวางแผนมาอย่างดี แม้ว่าตระกูลเซวจะออกมาจัดการเรื่องนี้ แต่ด้วยสถานการณ์ในเมืองจินตอนนี้ เกรงว่าจะมีแค่ประชากรทั่วไปเท่านั้นที่ไม่รู้เรื่องนี้”

“อีกอย่างคุณย่าตระกูลเย่ยังแสดงทัศนคติที่ดีต่อเย่เทียน คุณชายย่งเล่อครับ ผมขอแนะนำให้ท่านอย่าเพิ่งไปหาเขาในตอนนี้เลยครับ เพื่อที่จะได้ไม่ถูกใส่ร้ายครับ”

“ไอ้เวรนั่นโดนลอบสังหารเหรอ?”

เย่ย่งเล่อตกใจและรีบถาม “แล้วสรุปเป็นยังไง? มันได้รับบาดเจ็บอะไรไหม?”

ถึงจะพูดเช่นนี้ แต่เขาก็ต้องล้มเลิกความคิดที่จะตามหาเย่เทียน เพราะเขาไม่ใช่คนโง่ จะไม่เข้าใจความหมายของบอดี้การ์ดได้อย่างไร

แม้ว่าเขาจะไม่ชอบเย่เทียน แต่เขาก็ถูกลิขิตไม่ให้โจมตีเย่เทียนอย่างเปิดเผยได้ ฉะนั้นถ้าเขาเลือกที่จะแสดงอำนาจในเวลานี้ เขาจะต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ และมันไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการอยู่แล้ว

ท้ายที่สุดแล้ว การที่เขาสามารถยืนอยู่จุดนี้ได้ นอกจากความพยายามของเขาแล้ว สิ่งที่เขาต้องพึ่งพาที่สุดก็คือสถานการณ์เป็นทายาทของบ้านตระกูลเย่!

แม้ว่าในตอนนี้ คุณย่าเย่จะไม่ค่อยจัดการเรื่องของตระกูลเย่มากนัก แต่อำนาจที่อยู่เบื้องหลังของบ้านตระกูลเย่ยังคงอยู่ในมือของเธอ ดังนั้นหากเขาทำให้คุณย่าตระกูลเย่โกรธจริงๆ เขาต้องจบไม่สวยแน่นอน

“ดูเหมือนจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลยนะครับ”

บอดี้การ์ดถึงกับสะดุ้งแล้วส่ายด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น “คุณชายย่งเล่อครับ แต่กลุ่มคนที่โจมตีเย่เทียนดูเหมือนจะเป็นคนธรรมดากันทั้งนั้น ถ้าแบบนี้ไปหาที่ตายกันชัดๆ นะครับ”

“คุณชายย่งเล่อครับ คนที่ชื่อเย่เทียนคนนั้นเคยมีเรื่องกับคุณใช่ไหมครับ? หรือให้ผมไปจัดการมันแทนครับ?”

ในขณะนี้ ชายทรงลานบินที่ยืนอยู่ข้างเย่ย่งเล่อตั้งแต่แรกก็ส่งเสียงพูดออกมา ซึ่งใบหน้าของชายผู้นี้เหมือนถูกกรีดด้วยใบมีด แถมยังทิ้งรอยแผลเหมือนตะขาบที่แสนน่ากลัวไว้

และชายทรงลานบินที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าคนนี้ เขาก็คือผู้นำที่มีอายุน้อยที่สุดของกองกำลังใต้ดินในเมืองจิน ซึ่งมีนามว่าปืนใหญ่!

อันที่จริง นี่เป็นครั้งแรกที่ปืนใหญ่สามารถยืนอยู่ต่อหน้าเย่ย่งเล่อ เพราะก่อนหน้านี้ทั้งสองไม่ค่อยไปมาหาสู่กันสักเท่าไหร่!

แต่หลังจากฟังที่มาที่ไปของเรื่องนี้อย่างคร่าวๆปืนใหญ่จะไม่รู้ได้อย่างไรว่านี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับเขา เขาเพียงแค่จัดการกับคนที่ชื่อเย่เทียนได้ ก็ถือว่าเขาได้ลงเรือลำเดียวกับเย่ย่งเล่อแล้ว ฉะนั้น ความยิ่งใหญ่ในอนาคตก็อยู่แค่เอื้อมเท่านั้น!

แต่น่าเสียดายที่ปืนใหญ่ไม่รู้จักสถานะตัวตนของเย่เทียนเลยด้วยซ้ำ และเย่ย่งเล่อกับบอดี้การ์ดร่างกำยำคนนี้ก็ไม่ได้พูดถึงมัน ไม่เช่นนั้น ต่อให้ปืนใหญ่คนนี้จะกล้าแค่ไหน เขาก็ไม่กล้ายุ่งเกี่ยวกับเรื่องความบาดหมางภายในของบ้านตระกูลเย่หรอก

“คุณจะจัดการแทนผม?”

เย่ย่งเล่อถึงกับตะลึง เขาพอรู้จักปืนใหญ่คนนี้มาบ้าง แต่ก่อนที่เขาจะตำหนิปืนใหญ่ ความคิดของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ทำให้เขายิ้มแล้วตอบอย่างเห็นด้วย “ได้สิ งั้นเรื่องนี้ก็ฝากให้คุณก็แล้วกันนะ แต่ผมขอเตือนคุณไว้ก่อน ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง เย่เทียนไม่เกี่ยวอะไรกับผม คุณเข้าใจว่าผมหมายถึงอะไรใช่ไหม?”

“คุณชายย่งเล่อครับ คุณไว้ใจเถอะครับ! ผมเข้าใจความหายของคุณดีครับ!”

หลังจากได้รับการอนุมัติ รอยยิ้มที่มีความสุขก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของปืนใหญ่ทันที ซึ่งดูเหมือนทุกอย่างจะฝากไว้ที่เขาได้หมด

“คุณก็ไม่ต้องห่วงเช่นกัน ขอแค่คุณทำงานให้ผมได้สำเร็จ ผมจะตอบแทนคุณแน่นอน!”

เย่ย่งเล่อพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แล้วเขาจะไม่เข้าใจความต้องการของปืนใหญ่ได้อย่างไร?

แต่ว่า ถ้าปืนใหญ่เต็มใจที่จะไปตาย เขาก็จะไม่ปฏิเสธเช่นกัน

ต้องรู้ว่าคุณย่าตระกูลเย่เป็นคนรักสงบมาตลอด และเธอเป็นคนที่เกลียดการตีรันฟันแทงมาก ฉะนั้นขอแค่ทำให้คุณย่าตระกูลเย่หมดหวังในตัวของเย่เทียน การที่จะกำจัดเย่เทียนจะไม่ใช่เรื่องปอกกล้วยเข้าปากหรือ?

เมื่อนึกถึงจุดนี้ เย่ย่งเล่อก็รินเหล้าให้กับปืนใหญ่ด้วยมือของเขาเอง จากนั้นชวนปืนใหญ่หมดแก้วในขณะที่เขารู้สึกเกรงกลัว!