ตอนที่ 663: ความพ่ายแพ้ของเซียนผู้คุมกฏ (1)
สีหน้าเย็นชานั้นมีแต่ทำให้คริสแสดงความกลัวออกมา เจี้ยนเฉินยิ้มออกมานิด ๆ ” หัวหน้านิกายคริส เราได้พบกันอีกครั้งแล้ว”
ใบหน้าของคริสไร้สีเลือด ที่เขาทำได้คือมองไปยังกลุ่มเซียนสวรรค์ที่อยู่ด้านหลังเขาซึ่งแต่ละคนก็มีสีหน้าไม่ได้ดีกว่ากันเลย
เมื่อพวกเขาพบกับเซียนผู้คุมกฎในครั้งก่อน เจี้ยนเฉินได้ฆ่าเซียนสวรรค์ของพวกเขาไปมากมายและนั่นเป็นการลดความแข็งแกร่งของนิกายพยัคฆ์มังกรลงอย่างมาก เซียนสวรรค์ที่อยู่กับเขาในวันนี้นั้นเป็นหนึ่งในพวกที่เพิ่งขึ้นระดับมาโดยใช้ความรู้ที่สะสมนับพัน ๆ ปีของนิกายพยัคฆ์มังกร
เมื่อพูดถึงชื่อ ‘เจี้ยนเฉิน’ เซียนสวรรค์คนอื่น ๆ กลับทำหน้างงงวย พวกเขาไม่ได้เข้ามาต่อสู้กับเจี้ยนเฉินในครั้งก่อน แต่เรื่องราวอันน่ากลัวที่ว่าเจี้ยนเฉินได้ฆ่าพวกเขาไปมากมายนั้นต่างก็ถูกเล่าต่อ ๆ กันมา พวกเขารู้ว่าเจี้ยนเฉินนั้นยังเด็กแต่ความแข็งแกร่งของเขานั้นผ่านระดับเซียนผู้คุมกฎไปแล้ว ระดับเหนือกว่าที่พวกเขาจะสู้ได้
“เจี้ยฉะ-เจี้ยนเฉิน จะ เจ้าวางแผนจะทำอะไร ? ” น้ำเสียงของคริสสั่นนิด ๆ ในตอนที่เขามองไปยังบุคคลที่อยู่ด้านหลังเจี้ยนเฉิน เขากังวลและกลัวพลังของคู่ต่อสู้ ด้วยการที่เซียนสวรรค์ได้มารวมตัวกันที่นี่ พลังที่รวมกันแล้วยังไม่เท่ากับเซียนผู้คุมกฎเลย ไม่ใช่แค่ 3 คนนั้นสามารถฆ่าพวกเขาได้ด้วยการกระดิกนิ้ว ตอนนี้ไม่มีความหวังเลยที่เซียนสวรรค์ทั้งหลายจะหนีรอดไปได้
เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเมื่อมองไปที่หน้าตาอันหวาดกลัวของคริส “หัวหน้านิกายคริส ไม่ต้องกลัว ข้ามาในวันนี้ไม่ได้มาเพื่อสร้างปัญหากับเซียนสวรรค์ของเจ้า รีบ ๆ เรียกเซียนผู้คุมกฎของพวกเจ้าออกมา “
คำพูดของเขาทำให้เหล่าเซียนสวรรค์ที่อยู่ด้านหลังหัวหน้านิกายโล่งใจอย่างมาก หัวใจของพวกเขาแทบจะทะลุลำคอออกมานั้นได้กลับมาได้เต้นได้ดังเดิม แต่คำพูดสุดท้ายที่เจี้ยนเฉินพูดนั้นก็ยังพอทำให้พวกเขารู้สึกเจ็บอยู่บ้าง
“เจี้ยนเฉิน หัวหน้านิกายคนเก่าของเรายังไม่ได้กลับมาตั้งแต่ไปสู้ ! ” คริสพูดขึ้น เขาค่อย ๆ มองดูท่าทางของเจี้ยนเฉิน ด้วยความกลัวว่าเจี้ยนเฉินนั้นจะฆ่าเขาเพราะความโกรธ ตอนนี้ชีวิตของเขาอยู่ในเงื้อมมือของเจี้ยนเฉินแล้ว
“อะไรนะ เซียนผู้คุมกฎไม่อยู่ที่นี่งั้นรึ ? ” เจี้ยนเฉินพูดขึ้นด้วยท่าทีไม่พอใจ
หัวใจของคริสแทบหล่นวูบเมื่อมองเห็นใบหน้าอันเย็นชาของเจี้ยนเฉิน เขารีบตอบออกไปอีกทันที ” ตั้งแต่ที่เราหนีไปเมื่อครั้งก่อน หัวหน้านิกายคนเก่าก็ไม่ได้กลับมาที่นิกายอีกเลย พวกเราไม่รู้เลยว่าเขาไปอยู่ที่ใด “
นูบิสเดาะลิ้นออกมาก่อนจะมองไปที่เจี้ยนเฉิน ” พวกนี้พูดถูก ชายคนนั้นยังไม่ได้กลับมา ไม่มีกลิ่นอายของเขาในอากาศเลย “
เจี้ยนเฉินเงียบคิดอยู่สักพักก่อนจะพูดขึ้นมา “ดูเหมือนว่าเราต้องออกค้นหาเขาเอง โดยเริ่มจากแขกอีก 2 คนของเรา นูบิส เจ้าต้องรู้ว่าหนึ่งในนั้นไปไหน นำทางด้วย “
“การตอบสนองดูอ่อนลงไป เขาต้องอยู่ระหว่างการถอนพิษอยู่แน่ ๆ เลย เราต้องรีบแล้วไม่งั้นเขาคงถอนพิษได้ออกหมด แล้วเราจะไม่เหลือร่องรอยอีกต่อไป” นูบิสพูดขึ้น
” งั้นเราก็ไม่มีเวลาแล้ว เราต้องรีบไปตอนนี้ ” เจี้ยนเฉินตอบกลับก่อนจะบินจากไปพร้อมกับนูบิสและหวงเทียนป้า
เมื่อเห็นคนทั้งสามจากไป คนจากนิกายพยัคฆ์มังกรก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หน้าผากของพวกเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อเนื่องจากความกังวล แม้ว่าทั้งสามคนที่ไม่ได้ให้ความรู้สึกแบบนั้นแต่ในฐานะที่เป็นเซียนผู้คุมกฎแล้ว แต่ความกดดันที่สามคนนี้ปลดปล่อยออกมานั้นมหาศาลเกินกว่าที่คนทั่วไปจะรับไหว
“หัวหน้านิกาย พวกเราควรทำยังไงดี ? แม้ว่าพวกนี้จะไม่ได้มาไล่ล่าเรา แต่เราจะแน่ใจได้ยังไงว่าพวกนั้นจะไม่กลับมาอีก ? “
“ในฐานะเซียนผู้คุมกฎ พวกนั้นไม่จำเป็นต้องสู้กับเราเลยด้วยซ้ำ พวกนั้นยังมีกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีคอยรับใช้อยู่อีก เจ้าคิดว่าพวกนั้นจะมาจัดการเรากันเองงั้นรึ ? ด้วยความแข็งแกร่งของเราตอนนี้คงไม่มีโอกาสสู้พวกนั้นได้เลย”
“เฮ้อ ถ้าข้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ข้าคงไม่คิดจะมีเรื่องกับอัจฉริยะแบบนี้ พวกเราหาเรื่องใส่ตัวแท้ ๆ “
พวกเขาต่างก็พูดถกเถียงกัน เซียนสวรรค์จากนิกายพยัคฆ์มังกรนั้นพูดถึงเรื่องวิธีการที่ทำให้พวกเขามีศัตรูที่ทรงพลังด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“หัวหน้านิกาย กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีนั้นอยู่ใกล้เราเกินไป ถ้าเราอยู่ที่นี่ พวกเราคงไม่ปลอดภัย เราควรย้ายตำแหน่งนิกายเดี๋ยวนี้” หนึ่งในผู้อาวุโสได้พูดขึ้นกับคริส
“ใช่ หัวหน้านิกาย พวกเราควรย้ายที่ ด้วยวิธีนี้แล้วพวกเราจะปลอดภัยกว่าเดิม” ผู้อาวุโสอีกคนเห็นด้วย
คริสส่ายหน้าแล้วถอนหายใจออกมา ” การโยกย้ายนั้นไม่ง่ายอย่างที่พวกเจ้าพูด เราไม่ได้มีศิษย์มากมายนัก แต่ก็ยังมีจำนวนอยู่หลายพันคน ไม่มีทางที่จะเคลื่อนย้ายคนมากขนาดนั้นโดยไม่เป็นที่จับตามองและพวกเราเองก็หายไปดื้อ ๆ ไม่ได้เช่นกัน กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีได้เติบโตมาจนแข็งแกร่งสุด ๆ และชื่อของพวกเขาก็แผ่กระจายไปทั่วทุกแห่งหน ไม่มีใครที่จะไม่รู้จักชื่อพวกนั้น ถ้าพวกมันคิดจะหาตัวเราแล้ว งั้นคงไม่มีทางที่จะหนีไปที่ใดได้ แล้วเราจะวิ่งหนีเพื่อสิ่งใดกัน ? ไม่ว่าจะไปที่ใดและซ่อนตัวที่ไหนก็ตาม นอกซะจากว่าเรายอมแพ้เรื่องศิษย์ของพวกเราและหนีไปแต่ตัวเราเอง นั่นก็ยังพอมีโอกาสบ้าง แต่ข้า คริส คงไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ “
“งั้นที่เราควรทำคือนั่งรอความตายเช่นนั้นหรือ ? ” บางคนถามขึ้นมา
“ความสัมพันธ์ของเรากับเจี้ยนเฉินนั้นไม่ได้ย่ำแย่จนเกินไป คนที่เขาไม่ให้อภัยคือหัวหน้านิกายคนก่อน ดูสิเขายังไม่ได้ทำอะไรเราเลยตั้งแต่ที่เขามาที่นี่ ข้าเดาว่าเจี้ยนเฉินคงไม่คิดจะฆ่าเรา นี่แหละจุดเปลี่ยน ถ้าเราหาโอกาสไปขออภัยพวกนั้นได้ ข้าเชื่อว่านั่นคงจะเป็นผลดีอย่างมาก “
….
ในภูเขาอันกว้างใหญ่ไพศาลที่ซึ่งมีคฤหาสถ์ที่ดูโบราณตั้งอยู่ คฤหาสถ์นี้ดูเงียบสงบไม่มีเสียงของสิ่งใด ไม่มีเห็นใครด้วยเช่นกันทำให้ที่นี่เหมือนกับที่ถูกทิ้งร้างไว้ จากด้านนอกแล้วคฤหาสถ์นั้นดูทรุดโทรมแต่ภายในนั้นกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น
ในตอนนั้นเองมีชายชุดขาวหน้าต่างนิ่งขรึมยืนอยู่ข้าง ๆ เกอซิ่วที่ใจกลางห้อง ทั้งสองคนดูสีหน้ากระวนกระวายอย่างมาก
ในตอนนั้นเสียงของเท้าก็ดังขึ้นพร้อมกับมีผู้อาวุโสอีกคนเดินเข้ามาในห้องแล้วนั่งไปข้าง ๆ ชายชุดขาว
“เกอซิ่ว การถอนพิษเป็นเช่นใดบ้าง ? ” ชายคนที่สองถามชายคนแรก
เกอซิ่วพยักหน้า ” พิษของอสรพิษทองริ้วเงินสมชื่อมันจริง ๆ มันสามารถคุกคามได้กระทั่งชีวิตของเซียนผู้คุมกฎ ถ้าไม่ใช่ว่าข้าแข็งแกร่งกว่างูนั่นละก็ งั้นพิษนี่แน่นอนว่าคงถอนออกไปได้ยากกว่าเดิมเยอะ “
เขาถอนหายใจออกมาพร้อมกับมองกลับไปที่ผู้อาวุโสที่ถามออกมา “ซิตูชิง ข้าบอกเจ้าแล้วว่าอย่าไปยุ่งเรื่องของผู้อื่นแต่เจ้ากลับไม่ฟัง ตอนนี้เจ้าพอใจรึยัง ? ตัวตนอันทรงพลังได้ปรากฏตัวออกมาและชายคนนั้นยังเป็นถึงผู้อาวุโสสูงสุดแห่งเมืองทหารรับจ้าง แล้วเจ้าจะจัดการเรื่องนี้เช่นใด ? ถ้าไม่ใช่ว่าผู้อาวุโสสูงสุดนั่นไม่ทำอะไรเรา พวกเราคงหนีออกมาแบบมีชีวิตไม่ได้”
ซิตูชิงแสดงสีหน้ารู้สึกผิดออกมา ” ข้าไม่คิดว่าเจี้ยนเฉินจะมีคนหนุนหลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ เขาไม่ใช่แค่ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งเมืองทหารรับจ้าง แต่ยังเป็นสัตว์ประหลาดที่มีความแข็งแกร่งสุด ๆ การฆ่าเจี้ยนเฉินนั้นคงยากขึ้นว่าเดิมแล้ว “
เกอซิ่วทำตาปริบ ๆ ” ซิตูชิง ข้าเห็นแต่ว่าเจ้านี่มองหาแต่ความตาย แม้แต่ตอนนี้เจ้ายังอยากฆ่าเจี้ยนเฉิน เจ้าควรคิดวิธีการปกป้องตัวเองดีกว่า ในตอนนี้เราอาจจะยังปลอดภัยอยู่ที่นี่อยู่ แต่ว่าอีกไม่นานพวกนั้นก็จะหาเจ้าเจอ และจากนั้นพวกนั้นคงมาถึงและอาจทำให้คฤหาสน์นี้มีปัญหาไปกับเจ้าด้วย เฮ้อ ข้าเอาตัวเองไปพัวพันกับปัญหาโดยการช่วยเหลือเจ้าแท้ ๆ “
“เกอซิ่ว เจ้าพูดถูกเกี่ยวกับเรื่องคฤหาสน์นี้ ข้าจะออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้” ซิตูชิงยืนขึ้นเตรียมพร้อมจะจากไป
“เจ้าสู้พวกนั้นไม่ได้หรอก เจ้าคงทำได้แค่วิ่งหนีให้เร็วที่สุดเท่าที่เจ้าจะทำได้” เกอซิ่วแนะนำออกมา
ทันใดนั้นสีหน้าของเกอซิ่วก็เปลี่ยนไป ” พวกนั้นมาแล้ว ซิตูชิง มันสายเกินไปแล้วที่จะหนีไปตอนนี้”