ตอนที่ 664 : ความพ่ายแพ้ของเซียนผู้คุมกฏ (2)
เจ้าสู้กับพวกเขาเพียงลำพังไม่ได้หรอก เจ้าต้องหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ เกอซิ่วพูด หลังจากที่เขาพูดจบประโยคแล้วนั้น ท่าทางของเขาก็เปลี่ยน พวกมันมาแล้ว ซิตูชิง ดูเหมือนว่ามันจะสายไปที่จะหนีแล้วล่ะ เขากล่าว
ซิตูชิงหน้าซีด พวกมันเจอเราแล้วใช่หรือไม่ ? เขากระซิบถาม
เกอซิ่วพยักหน้าอย่างจริงจัง พวกเขาอยู่ข้างนอกแล้ว ! !
เป็นไปไม่ได้ ! ที่นี่ถูกซ่อนอย่างดีและก็ไกลมาก ๆ พวกเราไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลยตอนถอยกลับมา แล้วพวกมันหาเราเจอได้อย่างไร ซิตูชิงกำลังตื่นตระหนก การมาถึงของเจี้ยนเฉินทำให้เขาประหลาดใจอย่างมาก
พวกมันมีทั้งหมด 3 คน เจ้าตัวปัญหา 2 คนนั้นและผู้อาวุโสของตระกูลหวง มันคงจะยากหน่อยที่จะต่อกรกับพวกเรา 2 คน แต่ที่นี่เป็นที่ของข้า และถ้าข้าเข้าไปก้าวก่ายมากกว่านี้ คนที่นี่อาจจะต้องหายไปทั้งหมด คนของที่นี่อาจจะแข็งแกร่ง แต่คนของเจี้ยนเฉินก็แข็งแกร่งพอพอกัน โดยเฉพาะผู้อาวุโสสูงสุด นี่เป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริง ๆ ซิตูชิงได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วยที่ข้าไม่สามารถช่วยเจ้าได้ เกอซิ่วถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
ดูเหมือนว่าข้าคงต้องหนีไปให้ไกลเท่าที่จะทำได้ ความแข็งแกร่งของเราไม่ได้ต่างกันมาก เพราะฉะนั้นถ้าข้าพยายาม ข้าต้องหนีได้แน่นอน ซิตูชิงพูดอุบอิบ
นอกพื้นที่นี้ เจียนเฉิน นูบิส และหวงเทียนป้ายืนอยู่บนอากาศและมองมาที่พื้นด้วยสายตาที่เย็นชา แม้ว่าจะมองไม่เห็นใครในสายตาเลย แต่พวกเขา 3 คนก็รู้ว่าที่นี่ไม่ได้ว่างเปล่าอย่างแน่นอน
ด้วยพลังของพวกเขา พวกเขาสามารถได้ยินแม้กระทั่งเสียงฝีเท้าเพียงครั้งเดียวบนพื้นที่อันเงียบสงบนี้ โดยรวมทั้งหมดเเล้ว มีคนอยู่ที่นี่หลายร้อยคนแต่พวกเขาหลบอยู่ในห้องเพื่อฝึกฝนและไม่ได้ขยับไปไหน
ข้าสูญเสียการรับรู้ในตัวเขาไป นั้นหมายความว่าเขาได้ถอนพิษของข้าไปแล้ว แต่ตัดสินจากเมื่อครู่ เขาคงจะซ่อนอยู่ที่นี่แน่ นูบิสกล่าว
การรับรู้ของเจี้ยนเฉินเหมือนกับว่าครอบคลุมไปทั่วบริเวณ เขาสามารถเห็นทุกอย่างได้ทั่วทั้งบริเวณ เขาถอนหายใจและพูดว่า ที่นี่มีสำนักซ่อนอยู่ ซึ่งมีคนราว ๆ 500 คน พลังของพวกนั้นรวมกันทั้งหมดมากกว่าที่ นิกายพยัคฆ์มังกรคุยโวเอาไว้ซะอีก ประมาณครึ่งหนึ่งของพวกนั้นเป็นเซียนปฐพีเป็นอย่างน้อย และก็มีมากกว่าพวกเซียนสวรรค์ 2-3 เท่า
ช่างเป็นสำนักที่มีเอกลักษณ์จริง ๆ ทุกคนหลบซ่อนเพื่อฝึกฝน เพื่อทำให้พวกเขาเป็นผู้ฝึกตนที่แท้จริงที่ปลีกตัวออกจากทางโลก การที่จะได้เป็นเซียนผู้คุมกฎนั้นคงไม่มีปัญหาอะไรแน่ ช่างเป็นสถานที่ที่สุดยอดจริง ๆ หวงเทียนป้ากล่าวชื่นชม
เจี้ยนเฉินพยักหน้าอย่างเห็นด้วย สำนักนี้ช่างต่างจากที่เขาเคยเห็นมาเหลือเกิน เขากระแอมแล้วพูดว่า ผู้นำของที่นี่ กรุณาออกมาพูดคุยกันหน่อย
เสียงของเจี้ยนเฉินนั้นกระจายไปทั่วทั้งพื้นที่ ด้วยเสียงที่แม้แต่ผู้ฝึกตนที่อยู่ในห้วงสมาธิต้องตื่นมาด้วยความกลัว ทันใดนั้น ประตูของที่นั้นก็เปิดออกและมีคนออกมาทีละคน ๆ พวกเขามองขึ้นไปยัง 3 คนที่อยู่บนอากาศ และการมีอยู่ของเจี้ยนเฉินก็ไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าหรือสายตาของพวกเขาได้เลย
ทันใดนั้น สถานที่ที่เคยเงียบสงบกลับเต็มไปด้วยเสียงของผู้คนทั่วทุกมุม
เซียนสวรรค์ที่แต่งตัวในชุดเรียบ ๆ 20 กว่าคน ปรากฏตัวขึ้นในอากาศในระดับที่เสมอกับเจี้ยนเฉิน และอีกทั้ง 2 คน ผู้นำของกลุ่ม ผู้ซึ่งมีผมที่มัดอยู่ที่กลางหลัง ประสานมือและพูดอย่างใจดีว่า นี่คือผู้ดูแลที่นี่ ปิงเห่า ยินดีที่ได้รู้จัก
ลงมาได้แล้ว
ในขณะที่เจี้ยนเฉินกำลังจะตอบกลับไปนั้น เสียงของผู้อาวุโสก็ดังขึ้นมา เสียงนั้นไม่ได้ดังมาก แต่ทุกคนก็ได้ยินมัน หลังจากนั้นไม่นาน ผู้อาวุโสคนหนึ่งซึ่งแต่งตัวด้วยชุดที่ทำจากผ้ากระสอบก็ได้ก้าวขึ้นมาบนอากาศ
คารวะผู้นำ
ทันที่ที่ผู้นำปรากฏตัว เซียนสวรรค์ทุกคนก็ก้มหัวเพื่อแสดงความเคารพ
เจ้านั่นเอง เจี้ยนเฉินยิ้มออกมาผ่านสายตาของผู้นำ
เมื่อครั้งนั้นการต่อสู้ของเรามันยังไม่จบ เราควรมาจัดการให้มันจบลงวันนี้ และมาดูกันว่าใครคือผู้ชนะที่แท้จริง นูบิสส่งเสียงขู่และพร้อมที่จะต่อสู้ทันทีที่มีสัญญาณ
ผู้นำเคลื่อนที่มาข้างหน้า คนทั้ง 3 นั้น หันหน้ากลับไป และกล่าวว่า ปิงเห่า เจ้าทั้งหมดกลับไปทำหน้าที่ต่อซะ
ขอรับ ท่านผู้นำ ! เซียนสวรรค์ทั้ง 20 คนพูดพร้อมกันและกลับเข้าไป
หลังจากนั้นท่านผู้นำก็หันหลังกลับไปยังเจี้ยนเฉิน ข้าผู้นี้คือ 1 ในผู้นำของคฤหาสน์สี่ประสาน เกอซิ่ว เหตุการณ์เมื่อครั้งก่อนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับสถานที่นี้ ข้าหวังว่าพวกท่านทั้ง 3 คนคงไม่ลากคนเหล่านี้มาพัวพันด้วย ถ้าจะพัวพันก็ขอให้มาลงกับข้าแทน
เจ้าเป็นผู้นำของที่นี่ และเจ้าไม่คิดหรือว่าเรื่องนี้จะไม่ทำให้เจ้าเป็นศัตรูของข้า เจ้าสร้างปัญหาให้กลุ่มของข้า และตอนนี้เจ้าก็เห็นแล้วว่ากำลังทางฝั่งข้าเหนือกว่าเจ้า เจ้ายังคิดที่จะยอมโดยไม่มีการสูญเสียอะไรงั้นหรือ มันจะไม่ง่ายไปหน่อยหรือ เจี้ยนเฉินหัวเราะ
ระหว่างการสนทนานั้น คนในชุดขาวได้เหาะออกมาจากส่วนลึกของที่นั้น อย่างเงียบเฉียบและเร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ ทันใดนั้นเขาก็หายเข้าไปในป่าโดยไม่มีแม้กระทั่งเสียงอะไรออกมาให้ได้ยิน
เกอซิ่วยิ้มบาง ๆ ก่อนที่จะถามเจี้ยนเฉินว่า เจี้ยนเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้ามีเมืองทหารรับจ้างหนุนหลังเจ้าอยู่ และแม้แต่ตระกูลโบราณยังกลัวเจ้า แต่คฤหาสน์สี่ประสานของข้า มีผู้ปกครองของมันเอง เจ้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับอารามจิตพิสุทธิ์มาก่อนใช่ไหม
อารามจิตพิสุทธิ์ ? เจี้ยนเฉินถามกลับด้วยความงุนงง แต่แล้วความทรงจำบางอย่างก็ปรากฏขึ้นมา
ย้อนกลับไปในขณะที่เขากำลังค้นหาถ้ำของเซียนผู้คุมกฎอยู่นั้น เขาได้ผ่านหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีสำนักเล็ก ๆ อยู่ สำนักนั้นชื่อว่าอารามจิตพิสุทธิ์
อย่างไรก็ตามผู้นำของที่นั้นก็เป็นแค่เซียนสวรรค์และก็ไม่ได้ดูน่าตื่นตกใจซักเท่าไร
ชื่อของอารามจิตพิสุทธิ์ทำให้นูบิสและหวงเทียนป้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง คฤหาสน์สี่ประสานเป็นสำนักที่มีความแข่งแกร่งในภูมิภาคนี้และก็มีไม่มากหรอกที่จะต่อต้านความแข่งแกร่งนี้ได้ อย่างน้อย ๆ พวกนั้นก็สามารถพิจารณาสถานะได้เป็นครอบครัวเก่าแก่เลยทีเดียว
หลังจากนั้นสักพัก หวงเทียนป้าก็ได้ข้อสรุป นัยน์ตาของเขาก็เปล่งประกายในการตระหนักถึงผลลัพธ์ในบทสรุป อารามจิตพิสุทธิ์ ? เขาอ้าปากค้าง มันใช่อารามจิตพิสุทธิ์ที่เป็น 1 ใน 10 ของตระกูลผู้พิทักษ์หรือไม่ ?
ใช่ พวกเขาเป็นหนึ่งในนั้น เกอซิ่วยืนยัน
คฤหาสน์สี่ประสานของ.. ของเจ้า มีความสัมพันธ์กันอารามจิตพิสุทธิ์ 10 ตระกูลผู้พิทักษ์นั่นน่ะหรือ ? หวงเทียนป้าย้ำออกมาอย่างประหลาดใจ
ถูกต้องแล้ว, คฤหาสน์สี่ประสานของเรานั้นมีความเกี่ยวข้องกับอารามจิตพิสุทธิ์ และก็ไม่ใช่ความสัมพันธ์ธรรมดา ๆ อีกด้วย ว่ากันตามตรง จะพิจารณาว่าคฤหาสน์สี่ประสานเป็นส่วนหนึ่งของอารามจิตพิสุทธิ์ด้วยก็ได้ หน้าที่ของที่นี่คือหาผู้ฝึกตนจากภายนอกที่เหมาะสมสำหรับอารามจิตพิสุทธิ์ เกอซิ่วกล่าว
อ้อ ถ้างั้นที่นี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของอารามจิตพิสุทธิ์ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมลูกศิษย์ที่นี่สามารถเพิกเฉยต่อสิ่งยั่วยุทางโลกได้ หวงเทียนป้ากล่าวอย่างเข้าใจ
เมื่อมีการเอ่ยถึงตระกูลผู้พิทักษ์นั้น คิ้วของเจี้ยนเฉินก็ได้ขมวดเข้าหากัน แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องเหล่านี้ซักเท่าไร แต่เขาก็รู้ว่าความแข็งแกร่งของตระกูลผู้พิทักษ์นั้นต้องยิ่งใหญ่และยากที่จะเอาชนะได้
เจ้าคนน่ารังเกียจ เจ้าเป็นคนของตระกูลผู้พิทักษ์หรือ ? นูบิสส่งเสียงขู่ แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยหวาดกลัวกับอะไรในโลก แต่คนของตระกูลผู้พิทักษ์ไม่ใช่คนที่จะพ่ายแพ้ง่าย ๆ พวกเขาสามารถฆ่าคนของตระกูลกิลลิกันได้ทั้งหมด ถ้าสถานการณ์จำเป็น
ใบหน้าของหวงเทียนป้าเริ่มมืดครึ้ม เขาหันหน้าไปทางเจี้ยนเฉินและกระซิบว่า เจี้ยนเฉิน ตระกูลผู้พิทักษ์ของภูมิภาคนี้มีกำลังแข่งแกร่งมาก พวกเขาอยู่เหนือพวกตระกูลโบราณและยังเคยปกป้องทวีปเทียนหยวนจากเงามืด พวกเขาไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเมืองทหารรับจ้างเลย เราควรจะจบการเจรจานี้ การมาคุกคามตระกูลผู้พิทักษ์ด้วยเรื่องเล็ก ๆ นี้มีแต่จะสร้างปัญหาให้ผู้อาวุโสเทียนเจี้ยนซะเปล่า ๆ
หลังจากที่ฟังหวงเทียนป้าพูด เจี้ยนเฉินก็ถอนหายใจ เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าผู้เฒ่าคนนี้จะเป็นพวกตระกูลผู้พิทักษ์ นี่หมายความว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเลิกล้มการที่จะทำให้คนนี้เป็นศัตรู ทั้งหมดคือความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ไม่สามารถที่จะเอาชนะแม้ตระกูลโบราณได้ และตระกูลผู้พิทักษ์ก็แข่งแกร่งกว่าตระกูลโบราณเสียอีก
เช่นงั้น เกอซิ่ว ข้าจะปล่อยวางเรื่องบาดหมางระหว่างพวกเราให้ผ่านไป แต่มีเงื่อนไขข้อหนึ่ง เจ้าต้องบอกว่าเซียนผู้คุมกฎของนิกายพยัคฆ์มังกรอยู่ที่ไหน เจี้ยนเฉินพูด
เจี้ยนเฉิน ซิตูชิงจากไปนานแล้ว เขาไม่อยู่ที่นี่แล้ว และข้าก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาไปที่ไหน เกอซิ่วกล่าว
จริงหรือ ? เจี้ยนเฉินถาม ก่อนหันไปทางนูบิส
นูบิสสูดกลิ่นรอบ ๆ ด้วยจมูกของเขา และกระตุกลิ้นออกไปเพื่อสัมผัสอากาศ เจอแล้ว มันเพิ่งออกไป เรายังไล่ตามไปทันได้อยู่ หลังจากนั้นตัวเขาก็ได้แปลงเป็นแสงสีทองและมุ่งไปยังทิศทางที่ซิตูชิงจากไป
เราก็จะไปแล้วเช่นกัน เจี้ยนเฉินและหวงเทียนป้าตามนูบิสไปในทันทีทันใด แค่พริบตาเดียว พวกเขาก็หายลับจากสายตาไป
เกอซิ่วมองไปยังทางที่เจี้ยนเฉินและพวกบินไปแล้วถอนหายใจ ซิตูชิง ไม่ใช่ว่าข้าไม่อย่างจะช่วยเจ้าหรอกนะ แต่ข้าช่วยไม่ได้ เจี้ยนเฉินนั้นมีพวกเมืองทหารรับจ้างหนุนหลังอยู่ และข้าก็ไม่สามารถพาอารามจิตพิสุทธิ์มาช่วยเจ้าได้ เรื่องนี้จะสามารถแก้ไขได้ด้วยข้าคนเดียว ถ้ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น อารามจิตพิสุทธิ์จะไม่ลงมาช่วยที่นี่แน่นอน เมืองทหารรับจ้างแข็งแกร่งมาก และแม้แต่ตระกูลผู้พิทักษ์ก็ไม่อยากจะมีปัญหากับพวกนั้น ข้าเกรงว่าอารามจิตพิสุทธิ์คงจะไม่มาก้าวก่ายเรื่องนี้อย่างแน่นอน