GGS:บทที่ 761 ปรากฎการณ์แปลกๆ (1)

 

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ครึ่งเดือนผ่านไป สำหรับช่วงเวลานี้แล้วซูจิ้งรู้สึกสงบสุขอย่างบอกไม่ถูก มันเป็นช่วงเวลาดีๆที่สบายใจอย่างมาก

 

เช้าวันนี้ในขณะที่ซูจิ้งกำลังทำอะไรไปเรื่อยเปื่อยนั้น อยู่ก็ได้มีโทรศัพท์เข้ามาหาเข้า คนที่โทรมาคือผู้ช่วยของมู่หรงเซียนเอ๋อ

ซูจิ้งพลางนึกไปถึงคนสวยๆที่เขาเคยเห็นอยู่กับเซียนเอ๋อ ทำให้เขารู้สึกแปลกใจในทันทีที่เห็นว่าเธอโทรมา

 

เมื่อเขารับสาย ผู้ช่วยของเซียนเอ๋อได้พูดด้วยน้ำเสียงหวั่นไหวออกมาว่า “คุณซูขอโทษจริงๆค่ะที่โทรมารบกวน”

ซูจิ้งตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่มีเรื่องอะไรหรอ”

 

“คือ…ตอนแรกฉันคิดว่าจะจัดการเรื่องนี้ไหวเลยไม่คิดว่าจะรบกวนคุณค่ะ แต่ยิ่งจัดการเรื่องนี้ดูเหมือนจะยิ่งกลายเป็นเรื่องใหญ่ค่ะ” ผู้ช่วยของเซียนเอ๋อพูดต่ออีกว่า “ฉันเห็นว่าคุณซูและเซียนเอ๋อดูมีสัมพันธ์อันดี

และคุณซูสามารถแก้ปัญหาเรื่องโดนขมขู่ได้อย่างรวดเร็ว ฉันเลย…”

ซูจิ้งได้รีบพูดออกไปว่า “พูดออกมาเลยดีกว่าครับ เกิดอะไรขึ้น”

ผู้ช่วยฯจึงได้พูดออกมาว่า “ตอนนี้มีบางคนกำลังใส่ร้ายเธออยู่ค่ะ คุณสามารถดูได้จากสิ่งที่ฉันส่งให้คุณ”

ซูจิ้งนิ่งอึ้งไปพักนึงก่อนจะถามไปว่า “ไอ้พวกใส่ร้ายนี่ไม่ใช่เรื่องปกติของดาราเหรอ ว่าแต่ทำไมคุณจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ล่ะ”

“เอาจริงๆคือเรื่องการใส่ร้ายในครั้งนี้ฉันไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงค่ะ” ผู้ช่วยฯพูดออกมาอย่างจนปัญญา “ครั้งนี้ปฏิกิริยาที่ประชาชนมีต่อเธอในครั้งนี้ค่อนข้างรุนแรง

พวกเราเองก็พยายามที่จะแก้ข่าวแล้วแต่กลายเป็นว่าทุกคนเลือกที่จะเชื่อคนที่ใส่ร้ายเธอมากกว่า

ทำให้ตอนนี้แฟนคลับของเธอเริ่มที่จะมีปัญหากับเธอเองแล้ว”

ซูจิ้งจึงรีบพูดออกมาทันทีว่า “ขอผมดูก่อนนะ”

เมื่อซูจิ้งได้เห็นข้อมูลที่มีการใส่ร้าย

เขานั้นถึงกับคิ้วขมวดในทันที

เขาสามารถบอกได้เลยว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องการใส่ร้ายธรรมดาแค่นั้นเอง

บางทีก็เป็นคนที่อิจฉา บางคนก็หมั่นใส้

แต่ครั้งนี้เขารู้สึกว่าไม่ได้มีอะไรผิดปกติเลย

แทบจะดูไม่เหมือนมู่หรงเซียนเอ๋อถูกใส่ร้ายเลยซักนิดเหมือนเธอคิดไปเองมากกว่า

 

ข่าวแรกที่ออกมาเมื่อคืนนี้คือมู่หรงเซียนเอ๋อใช้เสน่ห์ยั่วยวนดาราชายคนหนึ่ง

หลังจากนั้นอีกข่าวที่ออกมาเมื่อตอนกลางดึกก็คือเซียนเอ๋อแอบเข้าไปหาผู้จัดรายการคนหนึ่งโดยมีภาพถ่ายออกมายืนยัน

อย่างไรก็ตามภาพนั้นเหมือนจะถูกเบลอไว้ไม่ก็ถ่ายออกมาไม่ชัดเลยไม่เห็นว่าเป็นใครกันแน่

 

ปกติแล้วข้อมูลที่ขาดความชัดเจนแบบนี้ไม่ง่ายเลยที่จะนำมาใช้โจมตีดาราซักคนได้ง่าย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งดาราที่ไม่ค่อยตกเป็นข่าวนินทา และทำตัวดีมาตลอดแบบเซียนเอ๋อ

ถึงแม้จะมีพวกปากหอยปากปูเชื่อข่าวอย่างนี้อยู่บ้างแต่ไม่นานมันก็น่าจะถูกมองข้ามไป

แฟนคลับเองก็สมควรจะยืนอยู่ข้างดาราที่ตัวเองรักอย่างเหนียวแน่น และคอยต่อสู้กับข่าวแบบนี้

 

แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะแปลกไปจริงๆ ขนาดคนที่ไม่ได้ตามวงการดารายังผสมโรงเล่นงานเซียนเอ๋อด้วยเหมือนกัน แม้แต่แฟนคลับของเธอมากกว่าครึ่งก็เชื่อเรื่องนี้อย่างหมดใจ

 

“เรื่องอะไรกันเนี่ย เรื่องไม่มูลแบบนี้ควรจะตรวจสอบอย่างจริงจังซะก่อนแต่ทำไมทุกคนกลับเชื่อเรื่องนี้ทั้งๆที่เรื่องเพิ่งเกิดกัน”

ซูจิ้งถึงกับงงงวยในทันที เขาไม่เชื่อแน่นอนอยู่แล้วว่าเซียนเอ๋อจะเป็นคนแบบนั้นไปได้

 

ซูจิ้งรีบโทรกลับไปหาผู้ช่วยเซียนเอ๋อในทันทีพร้อมถามว่า “เซียนเอ๋อในตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”

 

ผู้ช่วยฯได้บอกออกมาว่า “เธอค่อนข้างสงบนะ แม่และปู่ของเธอเองก็คอยเป็นกำลังใจให้เธออยู่ด้วยเหมือนกัน

แต่เรื่องในครั้งนี้ไม่เพียงแต่มีผลต่อเส้นทางดาราของเธอ

มันยังส่งผลต่อชื่อเสียงของลูกผู้หญิงคนนึงด้วย

แน่นอนว่าเรื่องนี้ทำให้พวกเขาไม่มีสุขกับเรื่องนี้แน่นอน”

 

ซูจิ้งจึงถามต่อว่า “ตอนนี้เธออยู่ไหน ฉันจะไปหาเธอ”

 

“อยู่ที่บ้านหลักของตระกูลน่ะ เดี๋ยวฉันจะส่งที่อยู่ไปให้”

 

หลังจากวางสาย ซูจิ้งได้โทรหาคนที่อยู่ในพื้นที่อันแสนห่างไกลอย่างซูฉือในทันทีเพื่อขอความช่วยเหลือในเรื่องนี้

ตอนที่ซูจิ้งโดนแฮ็คข้อมูลเธอได้ช่วยเหลือเขาเอาไว้อย่างมาก

ยิ่งไปกว่านั้นความสามารถของเขาตอนนี้ไม่สามารถใช้กับเรื่องนี้ได้เลย

และเธอเองก็ไม่มีใครบงการเธอได้แน่นอนว่าเชื่อถือได้

 

ซูจิ้งได้ขับรถตรงไปยังบ้านตระกูลมู่หรง ถ้าให้พูดจริงๆคือทั้งซูจิ้งและเซียนเอ๋อนั้นแทบจะไม่เคยจะต้องเข้าไปที่บ้านตระกูลหลักเลย

อย่างไรก็ตามด้วยการที่รู้จักกันมาอย่างยาวนาน แถมมู่หรงฉินและมู่หรงเซียนเอ๋อยังสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเขาและเขาก็รู้สึกดีด้วย

และเขาเองก็รู้สึกได้ว่าความรู้สึกเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องหลอกลวงแต่อย่างใด

เรื่องแบบนี้ความจริงก็เกิดได้บ่อยๆ การที่รู้จักใครมานานถึงแม้จะไม่ได้คุ้นเคยกัน

ต่อให้ไม่ได้รู้จักกันมานาน แต่เมื่อแรกเห็นก็รู้ได้ทันทีว่าคนๆนั้นเป็นคนแบบไหน

 

เมื่อซูจิ้งมาถึงที่ประตูบ้านตระกูลมู่หรง เขาได้พบผู้ช่วยสาวสวยคนนั้นรออยู่ที่หน้าประตู ผู้ช่วยคนนั้นได้พูดออกมาว่า “ฉันเองก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน และเซียนเอ๋อไม่รู้ว่าพวกเรามาที่นี่”

 

ซูจิ้งได้กดออดที่หน้าประตู ได้มีหนุ่มหล่อคนหนึ่งที่หน้าตาคล้างกับเซียนเอ๋ออกมาพบเขา

เขาสามารถบอกได้ทันทีว่าคนๆนี้คือมู่หรงจิงเทียน พี่ชายของเซียนเอ๋อ

ครั้งสุดท้ายพวกเขาได้พบกันในงานเลี้ยงวันเกิด เขาเองก็ดูตกใจไม่น้อยที่ซูจิ้งมาถึงที่บ้าน เขายิ้มอย่างอบอุ่นและพูดออกมาว่า “คุณซู ไม่ได้พบกันมาซักพักเลยนะ”

 

“คุณมู่หรง อย่ากังวลเรื่องนี้ไปเลยครับ” ซูจิ้งก็พูดพลางยิ้มตอบกลับไป

 

“ดิฉันเป็นคนบอกเรื่องของเซียนเอ๋อเองค่ะ คุณซูมาที่นี่เพื่อช่วยในเรื่องนี้” ผู้ช่วยฯ ได้พูดออกมา

 

“ขอบคุณมากครับ ผมขอโทษจริงๆที่ต้องรบกวนคุณซูถึงกับต้องมาที่นี่ด้วยตัวเอง เข้ามาก่อนครับ

คุณปู่และน้องสาวคงดีใจมากที่ได้เห็นคุณ” มู่หรงจิงเทียนรู้สึกดีเป็นอย่างมาก

เขาเองก็พอจะรู้เรื่องของซูจิ้งมาบ้าง เขารู้ว่าซูจิ้งมีภูมิหลังที่สุดจะหยั่งถึง ถ้าได้ซูจิ้งมาช่วย เรื่องนี้ต้องคลี่คลายได้ด้วยดีแน่นอน

 

มู่หรงจิงเทียนได้พาซูจิ้งและผู้ช่วยฯเข้ามาในบ้านพร้อมพูดออกมาด้วยความโกรธว่า

“เรื่องใส่ร้ายในครั้งนี้ร้ายแรงอย่างมากและไร้สาระอย่างที่สุด ถ้าคุณรู้ว่าใครทำโปรดบอกผม

ผมจะฆ่าพวกมันด้วยมือตัวเอง”

 

“ไม่ต้องถึงมีคุณหรอกครับ ผมจะทำให้พวกมันได้รู้สำนึกในสิ่งที่ได้ทำไปแน่นอนเมื่อผมพบว่าใครทำ”

ซูจิ้งพยักหน้ายืนยันในสิ่งที่เขาพูด

 

เมื่อพวกเขาได้เดินเข้าไปในห้อง พวกเขาได้พบเซียนเอ๋อ มู่หรงฉิน และหญิงวัยกลางคนที่ดูมีท่าทีสง่างามคนหนึ่ง เมื่อพวกเขาหันมาเห็นซูจิ้งต่างก็รู้สึกแปลกใจในทันที

 

“สวัสดีครับคุณปู่และคุณป้ามู่หรง” ซูจิ้งโค้งคำนับทั้งสองคน

 

“พระเจ้าทรงโปรด อะไรทำให้นายมาที่นี่เนี่ย” เซียนเอ๋อถึงกับยืนขึ้นในทันทีด้วยความดีใจ

 

“จะบอกว่าไงดีล่ะ เอาเป็นนั่งก่อนแล้วกัน คุณซู” หญิงวัยกลางคนมองมาที่ซูจิ้งก่อนที่จะพูดทักทายและเชิญซูจิ้งนั่ง เธอคือฉินซิ่ว แม่ของเซียนเอ๋อ ดูเหมือนเซียนเอ๋อจะได้ความสวยมาจากแม่ของเธอมาเต็มๆ

 

มู่หรงจิงเทียนได้พูดเหตุผลที่ซูจิ้งมาทำให้คนใจตระกูลมู่หรงคนอื่นที่ได้ยินถึงกับใจชื้นขึ้นมาในทันที

ทุกคนเมื่อได้ยินว่าซูจิ้งมาที่นี่ทุกคนต่างก็รู้กันทันทีว่าซูจิ้งมาทำไมโดยไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมเลยซักนิด

ในความจริงแล้วมู่หรงฉินนั้นก็ไม่ได้สนิทอะไรกับซูจิ้งมากนัก

แต่ด้วยการที่ซูจิ้งค่อนข้างพบปะเซียนเอ๋ออยู่บ่อยครั้ง

แถมตอนนี้ยังมาช่วยแก้ปัญหาให้อีกถึงขนาดมาที่นี่ด้วยตัวเองโดยที่พวกเขาไม่ได้ขอร้อง ทำให้พวกเขาประทับใจในตัวซูจิ้งในทันที

 

ซูจิ้งได้เข้าประเด็นในทันทีที่มาถึง เขานั้นได้ถามเซียนเอ๋อ มู่หรงฉิน และคนอื่นๆ

เขาอยากรู้ว่าช่วงนี้เซียนเอ๋อหรือทางตระกูลมีเรื่องบาดหมางกับใครมั่งรึเปล่า และเขาก็ยังได้ถามผู้ช่วยของเซียนเอ๋อในทำนองเดียวกัน

เขาก็ได้ข้อมูลบางอย่างจากเธอว่าเซียนเอ๋อในตอนนี้มีคู่แข่งอยู่

 

หลังจากซูจิ้งถามเสร็จไม่นานนัก ซูฉือก็ได้ส่งข้อมูลมาให้เช่นกัน

น่าเสียดายข้อมูลครั้งนี้ไม่ได้เป็นข้อมูลที่ชัดเจนแบบครั้งที่แล้ว

ดูเหมือนครั้งนี้คนที่ใส่ร้ายเธอจะระวังตัวมากเป็นพิเศษ เมื่อซูจิ้งนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์กับข้อมูลที่เขาได้มาจากความขัดแย้งที่เกิดกับตระกูลมู่หรงทำให้เขาได้คำตอบในทันที

โดยข้อมูลของซูฉือนั้นได้มาจากการรวบรวมข้อมูลมาจากข้อความที่พูดถึงเซียนเอ๋อในโลกอินเตอร์เนต

ซูจิ้งได้หลับตาและตั้งสมาธิพร้อมทั้งทำการขับเคลื่อนวิถีแห่งใต้หล้าในจิตสำนึกของเขา

แต่ผลที่ได้ออกมากลับไม่พบความสัมพันธ์ของข้อมูลทั้งสองกลุ่ม เหมือนกับอยู่เรื่องนี้ก็โผล่ขึ้นมาเอง

 

ซูจิ้งได้ลองคิดไตร่ตรองเรื่องนี้อีกครั้ง คนที่ใส่ร้ายเรื่องนี้เองดูเหมือนจะทำให้เกิดเหตุการณ์แปลกๆขึ้นมาได้แบบพิกลๆ

ทันใดนั้นโทรศัพท์ของผุ้ช่วยฯได้ดังขึ้น เธอเปิดดูแล้วพูดออกมาว่า “บัดซบ ใครกันที่เอาเรื่องพวกนี้มาใส่ร้ายเซียนเอ๋อ ต้องเป็นคนเดียวกันแน่ๆ”

มู่หรงฉิน เซียนเอ๋อ มู่หรงจิงเทียนและฉินซิ่วหน้าเปลี่ยนสีทันทีที่ได้ยิน ซูจิ้งเองก็ได้ลืมตาขึ้นมาในทันทีพร้อมพูดว่า “ขอผมดูหน่อย”