หลังจากอินเสี่ยวเสี่ยวเซ็นสัญญาแล้ว หญิงอ้วนที่ต้อนรับเธอก็หยิบสัญญาที่อินเสี่ยวเสี่ยวเซ็นมาอ่านดูอย่างตั้งใจ จากนั้นเก็บขึ้นอย่างดีใจ
“คุณอินคะ ยินดีด้วย นับแต่นี้ไป คุณก็เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทภาพยนตร์เชียนอวี่เอ็นเตอร์เทนเมนต์แล้ว ต่อไปพวกเราก็เป็นคนในครอบครัวเดียวกันแล้ว!” หญิงอ้วนจับมืออินเสี่ยวเสี่ยวพลางพูดอย่างอย่างดีใจ ราวกับเก็บได้พลอยอย่างนั้น
“ขอบคุณค่ะ” อินเสี่ยวเสี่ยวยังอยู่ในอาการมึนงงที่เพิ่งเซ็นสัญญาไป ยังไม่ทันตั้งสติ พูดตอบอย่างใจลอย
ตอนนั้นเอง หญิงอ้วนก็หันไปร้องเรียกคนในบริษัทว่า “หลินจิ้ง รีบออกมาเร็ว เรามีแขกมา อ๊า ไม่ใช่สิ มีศิลปินแล้ว!”
เสียงหญิงอ้วนเพิ่งขาดคำ ด้านในบริษัทก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมา ใบหน้ารูปแตง ผมดัดยาว ใบหน้าเธอแต่งไว้หนาเตอะ แต่ยังปกปิดร่องรอยแห่งกาลเวลาและท่าทีเฉียบคมไว้ไม่ได้
ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธอ อินเสี่ยวเสี่ยวยังเข้าใจว่าบริษัทนี้คงมีแค่หญิงอ้วนเป็นพนักงานเพียงคนเดียว
หญิงอ้วนแนะนำอินเสี่ยวเสี่ยวให้รู้จักกับผู้หญิงที่ชื่อหลินจิ้ง “คุณอิน เธอชื่อหลินจิ้ง เป็นผู้จัดการที่ทางบริษัทจัดหามาให้คุณ ใช่แล้ว เพื่อเป็นการรับประกันว่าแผนปั้นคุณเป็นซุปตาร์จอแก้วของทางบริษัทจะดำเนินไปด้วยความราบรื่น ต่อไปคุณต้องเชื่อฟังเธอทุกอย่าง เข้าใจไหมคะ คุณอิน?”
ตอนหญิงอ้วนแนะนำหลินจิ้งนั้น หลินจิ้งกับอินเสี่ยวเสี่ยวต่างก็มองสำรวจอีกฝ่ายไปพร้อมกัน
หญิงอ้วนเพิ่งพูดจบ หลินจิ้งก็เดินเข้ามาอีกหลายก้าวจนมายืนตรงหน้าอินเสี่ยวเสี่ยว มือข้างหนึ่งเชยคางอินเสี่ยวเสี่ยวขึ้น พูดอย่างชื่นชมว่า “หน้าตาไม่เลวนี่ มีคุณลักษณะที่จะเป็นซุปตาร์ได้”
“คุณทำอะไรน่ะ? ปล่อยฉันนะ!” อินเสี่ยวเสี่ยงถูกหลินจิ้งบีบคางจนเจ็บ รีบสะบัดหลุดแล้วถอยไปก้าวหนึ่ง ลูบคางตัวเอง
หลินจิ้งปล่อยมา เลิกคิ้วพูดว่า “ดูท่าว่าเป็นหน้าจริงนะนี่ ไม่ใช่ทำหน้ามาหรอก” พูดจบ สายตาก็มองกวาดอย่างสำรวจใบหน้าอินเสี่ยวเสี่ยวอย่างไม่เกรงใจกว่าเดิม
อินเสี่ยวเสี่ยวโมโหกับพฤติกรรมของหลินจิ้งอย่างมาก ขณะจะโต้กลับไปหญิงอ้วนก็พูดจาไกล่เกลี่ยขึ้นว่า “คุณอิน คุณอย่าโกรธไปเลยค่ะ ปกติหลินจิ้งเขาก็เป็นคนแบบนี้แหละ การกระทำเมื่อครู่ของเธอไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร แค่พูดจาตรงเผงไปหน่อย คุณก็อย่าไปถือสาเลยนะคะ”
“ฉัน…” อินเสี่ยวเสี่ยวยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็เห็นว่าหลินจิ้งเหมือนกับเปลี่ยนท่าทีไปเลย เธอก้าวเข้ามาหาเธอ ใบหน้ายิ้มแย้ม พูดกับเธอว่า “คุณอิน เมื่อครู่ต้องขอโทษด้วยที่ล่วงเกินคุณ ขอโทษจริงๆ ค่ะ”
“ค…คุณ เอาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก อย่าให้มีครั้งหน้าอีกล่ะ!” ด้วยคำกล่าวที่ว่าเงื้อมือไม่ตบหน้าคนยิ้ม อินเสี่ยวเสี่ยวเห็นว่าในเมื่อหลินจิ้งขอโทษเธอแล้วก็ได้แต่ข่มความโมโหพูดขึ้น
“แน่นอนอยู่แล้ว คุณอิน คุณหน้าตาสวยขนาดนี้ เกิดมาเป็นซุปตาร์ชัดๆ ฉันจะกล้าล่วงเกินคุณอีกได้ไง” หลินจิ้งยิ้มประจบอินเสี่ยวเสี่ยว “ถ้าคุณอินได้เป็นซุปตาร์จริงๆ ก็อย่าลืมฉันก็แล้วกันนะคะ”
“ค…คุณอย่าพูดเป็นเล่นไปเลยค่ะ คุณหลิน” อินเสี่ยวเสี่ยวไม่เข้าใจว่าทำไมท่าทีของหลินจิ้งที่มีต่อเธอจึงเปลี่ยนไปทันควันได้มากมายขนาดนี้ ท่าทางที่เธอพูดก็ดูไม่เหมือนเสียดสีกระแทกแดกดัน ถ้างั้นมันหมายความว่ายังไงกันแน่?
อินเสี่ยวเสี่ยวฉุกคิดขึ้นได้ เมื่อครู่พวกเธอพูดว่า ‘แผนปั้นซุปตาร์’ คงไม่ได้พูดจริงกระมัง? เธอยังเข้าใจว่าพวกเธอพูดเล่นกันซะอีกแน่ะ
จู่ๆ อินเสี่ยวเสี่ยวก็รู้สึกว่าบริษัทนี้มีบรรยากาศแปลกๆ อย่างหนึ่ง เธอนึกเสียใจอยู่บ้างที่มาบริษัทนี้แล้ว
พูดถึงตรงนี้ เธอนึกขึ้นได้อีกว่าเมื่อครู่เธอไม่ได้อ่านสัญญาที่ตัวเองเซ็นไปอย่างละเอียด ไม่รู้ว่ามีเนื้อหาว่าอย่างไรบ้างสิ
แต่ว่าแผนในตอนนี้ อินเสี่ยวเสี่ยวยังรู้สึกว่าไปจากที่นี่ยิ่งเร็วเท่าไหร่ได้ก็ยิ่งดี เธอพูดกับหลินจิ้งและหญิงอ้วนว่า “ใช่แล้ว นี่ก็สายแล้ว ฉันเพิ่งนึกได้ว่ายังมีธุระต้องไปทำอีก ขอตัวก่อนนะคะ”
“รอสักครู่ค่ะ คุณอิน!” หลินจิ้งเรียกอินเสี่ยวเสี่ยวที่กำลังหมุนตัวจะจากไปเอาไว้
“มีอะไรอีกหรือคะ” อินเสี่ยวเสี่ยวถามเธออย่างสงสัยและระวังตัวขึ้นมาอยู่บ้าง
“คุณอิน นี่คือนามบัตรของฉันค่ะ บนนั้นมีเบอร์โทรติดต่อของฉัน ต่อไปฉันจะเป็นผู้จัดการส่วนตัวของคุณค่ะ” พูดพลาง หลินจิ้งยื่นนามบัตรให้อินเสี่ยวเสี่ยวใบหนึ่ง
อินเสี่ยวเสี่ยวรับนามบัตรมา ได้ยินหญิงอ้วนพูดว่า “คุณอินคะ ในเมื่อคุณเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทเราแล้ว ต่อไปเรื่องของบริษัทก็เป็นเรื่องของคุณเช่นกัน หวังว่าคุณจะปล่อยสายโทรศัพท์ให้ว่างไว้นะคะ มีปัญหาอะไรพวกเราจะติดต่อคุณทันที”
หลังออกจากบริษัทภาพยนตร์เชียนอวี่เอ็นเตอร์เทนเมนต์มาได้ อินเสี่ยวเสี่ยวยังรู้สึกเหมือนเมื่อครู่เธอหลงเข้าแดนสนธยามาอย่างนั้น แล้วเธอก็เซ็นสัญญากับบริษัทภาพยนตร์ชั้นปลายแถวที่ดูไม่ค่อยปกตินักแล้วด้วย?
แต่ด้วยความคิดบวกของเธอพอมาคิดดูแล้วก็ไม่ค่อยจะเสียใจนัก ถึงยังไงก็ยังดีกว่าที่เธอถูกบอยคอตจากวงการบันเทิง ไม่มีบริษัทไหนสักแห่งยอมรับเธอไว้
อินเสี่ยวเสี่ยวจากไปแล้ว หญิงอ้วนมองดูเงาหลังอินเสี่ยวเสี่ยวแล้วถามหลินจิ้งว่า “หลินจิ้ง เธอว่าบริษัทเซ็นกับเธอ มันดีแล้วจริงเหรอ?”
หลินจิ้งยิ้มพลางพูดว่า “ฉันว่าดีออก ใบหน้าเธอนั่นมันโหงวเฮ้งซุปตาร์ชัดๆ สง่าราศีก็ไม่เลว ถ้าเราใช้มันให้ดี ต้องดังเปรี้ยงได้แน่”
หญิงอ้วนถามอย่างไม่เข้าใจ “พวกเราจะทำให้เธอดังเปรี้ยงได้ยังไงน่ะ”
หลินจิ้งตอบสวนมาอย่างไม่ลังเลว่า “ให้งานเธอ ปั้นเธอ”
หญิงอ้วนแปลกใจมาก มองหลินจิ้งเหมือนเธอเป็นบ้าไปแล้ว “แต่บริษัทเราจะไปมีงานจากที่ไหนกันเล่า?”
หลินจิ้งหัวเราะ พูดว่า “งานเหรอ ก็ใช้ของบางอย่างไปแลกมานะสิ ต้องดูว่าเธอจะยอมสู้รึเปล่า”
หญิงอ้วนนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วถามอีกว่า “ถ้าอินเสี่ยวเสี่ยวไม่เต็มใจจะทำยังไง?”
หลินจิ้งหัวเราะเบาๆ “ทำไมเธอจะไม่ยอม? เธอถูกวงการบันเทิงบอยคอต ถ้าหาไม่ยอมสู้ นอกซะจากเธอไม่คิดจะอยู่ในวงการบันเทิงอีก”
พูดจบ หลินจิ้งก็หยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋า จุดขึ้นมวนหนึ่ง แล้วหยิบมือถือขึ้น ทางหนึ่งพ่นควันอีกทางหนึ่งโทรหาคนที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงที่อยู่ในมือถือของเธอ
อินเสี่ยวเสี่ยวกลับไปไม่นาน ก็ได้รับสายจากหลินจิ้ง
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าคุณคือ…” อินเสี่ยวเสี่ยวเห็นมีสายเรียกเข้า ยังเข้าใจว่าเป็นคนแปลกหน้าโทรมาเสียอีก
“เสี่ยวเสี่ยว ฉันเอง หลินจิ้ง ผู้จัดการของคุณไง” หลินจิ้งทักอย่างเป็นกันเองเพื่อกระชับความสัมพันธ์กับอินเสี่ยวเสี่ยว
“ค…คุณหลิน คุณโทรมา มีธุระอะไรหรือคะ?” อินเสี่ยวเสี่ยวค้นหาคำเรียกที่เหมาะกับหลินจิ้ง
“อึ่ม คืองี้นะ เสี่ยวเสี่ยว ค่ำนี้ฉันมีงานเลี้ยงหนึ่ง คนที่มาในงานล้วนแต่เป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงของวงการทั้งนั้น ฉันคิดว่าในเมื่อเธอเป็นคนของบริษัทแล้ว ช่วงนี้ก็ไม่มีงานแสดงอะไร เย็นนี้ก็ไปงานเลี้ยงกับฉันดูโลกภายนอกบ้าง ฉันจะแนะนำเธอให้พวกผู้กำกับรู้จัก ไม่แน่ว่าจะมีผู้กำกับถูกตาเธอ ให้บทมาแสดงสักสองสามบท เป็นยังไง?” หลินจิ้งพูดจาโน้มน้าวเป็นฉากๆ