“ได้ค่ะ คุณหลิน” อินเสี่ยวเสี่ยวเพิ่งเข้ามาเป็นคนใหม่ของบริษัท มีงานเลี้ยงก็ย่อมต้องไปร่วมด้วย แล้วยิ่งไปพบผู้กำกับด้วยแล้ว อินเสี่ยวเสี่ยวได้แต่ตอบตกลงไป
“ไม่ต้องเกรงใจ ใช่แล้วเสี่ยวเสี่ยว ค่ำนี้คุณก็แต่งตัวดีๆ หน่อยนะ อย่าให้ขายหน้าต่อหน้าพวกผู้กำกับล่ะ ฉันจะบอกให้ ผู้กำกับพวกนี้มีอิทธิพลอำนาจในวงการบันเทิงกันทั้งนั้น ถ้าคุณทำให้พวกเขาชอบได้ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องงานแสดงแล้ว เข้าใจนะ?” หลินจิ้งพูดอีก
“ฉันทราบแล้วค่ะ คุณหลิน” อินเสี่ยวเสี่ยวพูดรับขึ้น
“อื้ม เธอมาที่บริษัทก่อนหนึ่งทุ่ม จากนั้นฉันจะพาเธอไปงานเลี้ยง อย่ามาสายเด็ดขาดนะ แค่นี้แหละ” พูดจบ หลินจิ้งก็วางสายไป
“ค่ะ…” อินเสี่ยวเสี่ยวยังไม่ทันพูดอะไร ก็ได้ยินเสียง “ตู๊ด…ตู๊ด…ตู๊ด” ดังมาจากมือถือ อินเสี่ยวเสี่ยวจึงได้แต่วางสาย
พอดูเวลา เกือบห้าโมงเย็นแล้ว อินเสี่ยวเสี่ยวรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งหน้าแล้วไปบริษัท
ตอนค่ำ หลินจิ้งขับรถพาอินเสี่ยวเสี่ยวมาที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ก่อนลงจากรถ หลินจิ้งจุดบุหรี่ตัวหนึ่ง หันมาย้ำกับอินเสี่ยวเสี่ยวว่า “อินเสี่ยวเสี่ยว ตอนโทรหาเธอฉันเคยบอกแล้วว่า งานนี้เป็นงานเลี้ยงของพวกผู้กำกับ ล้วนแต่เป็นผู้มีอิทธิพลในวงการบันเทิงทั้งนั้น อีกเดี๋ยวนะ เธอก็เป็นเด็กดีเชื่อฟังพวกเขา เอาใจพวกเขาหน่อย เข้าใจไหม?”
“ค…คุณหลิน คุณหมายความว่าไงคะ?” อินเสี่ยวเสี่ยวสังหรณ์ใจบางอย่างขึ้นมาทันควัน ตอนบ่าย ตอนที่หลินจิ้งโทรหานั้น เธอยังฟังไม่ออก ตอนนี้จู่ๆ เธอก็รู้สึกเหมือนคำพูดของเธอแฝงความหมายบางอย่าง
“ก็ไม่มีอะไรมาก เธอวางใจได้ แค่ดื่มเหล้าบ้างเท่านั้นล่ะ เธอน่าจะเคยไปร่วมงานเลี้ยงมาก่อนกระมัง” หลินจิ้งพูดจบ ก็มองดูเวลา ดับบุหรี่ในมือ “เอาล่ะ สายแล้ว พวกเราเข้าไปกันเถอะ เสี่ยวเสี่ยว”
อินเสี่ยวเสี่ยวตามหลินจิ้งมาถึงงานเลี้ยงด้วยอาการกระสับส่าย
“ผู้กำกับหลิน ผู้กำกับเจ้า พวกคุณก็มาเหรอ! ได้มาร่วมงานเลี้ยงกับผู้กำกับใหญ่ทั้งสองท่าน ฉันรู้สึกเป็นเกียรติมากจริงๆ เลยค่ะ!” พอถึงงานเลี้ยง อินเสี่ยวเสี่ยวก็เห็นหลินจิ้งเข้าไปหาผู้กำกับพวกนั้นแล้วพูดคุยกับพวกเขาอย่างคุ้นเคย ไม่มีทีท่าว่าขัดเขินเลยแม้แต่น้อย
“ผู้จัดการใหญ่หลิน วันนี้ทำไมคุณมีเวลามาได้ล่ะ? เราไม่เจอกันมาพักหนึ่งแล้วนะ เรามาดื่มกันสักแก้วเถอะ!” ผู้กำกับหลายคนเห็นแล้วก็พากันทักทายกับหลินจิ้ง ท่าทางสนิทสนมคุ้นเคยกันดี
“นั่นก็เพราะปกติผู้กำกับเจ้าคุณงานยุ่งเกินไป ไม่มีเวลาพบกับคนตัวเล็กๆ อย่างฉันนะสิคะ” หลินจิ้งหยอดคำชื่นชมไปคำหนึ่ง ผู้คนรอบข้างหัวเราะครืน บรรยากาศดูสนิทสนมเป็นกันเองขึ้นมาทันที
หลินจิ้งฉวยโอกาสพูดว่า “ที่ฉันมาวันนี้ ก็อยากจะให้ทุกท่านได้เห็นเด็กใหม่ของบริษัทเรา จะได้ให้เธอคุ้นหน้าคุ้นตากับผู้กำกับทุกท่านค่ะ”
พูดพลาง หลินจิ้งก็หันมาเรียกอินเสี่ยวเสี่ยว “เสี่ยวเสี่ยว มานี่สิ ทักทายกับทุกท่านหน่อย”
อินเสี่ยวเสี่ยวแข็งใจก้าวเข้าไป พูดว่า “ทุกท่านสวัสดีค่ะ ฉันชื่ออินเสี่ยวเสี่ยว”
ผู้กำกับหลายคนมองสำรวจอินเสี่ยวเสี่ยวท่าทางจริงจัง อินเสี่ยวเสี่ยวแต่งหน้าบางๆ เมื่อเปรียบกับหลินจิ้งที่แต่งหน้าเข้มจัด ทำให้ดูสดใสน่ามอง ริมฝีปากแดงฉ่ำ ท่าทางสุภาพสำรวมแต่ไม่ดูเชยน่าเบื่อ
ผู้กำกับหลายคนมองกันตาค้าง จากนั้นชักชวนให้อินเสี่ยวเสี่ยวดื่มเหล้าอย่างไม่ประสงค์ดี “คุณหลินสวยขนาดนี้ ไม่ทราบว่าผมจะได้รับเกียรติดื่มกับคุณอินสักแก้วได้ไหมครับ?”
“ฉ…ฉัน…” อินเสี่ยวเสี่ยวมองดูพวกผู้ชายอ้วนลงพุงตรงหน้าพวกนี้ ไม่ต้องคิดเธอก็รู้ว่าพวกเขาต้องการอะไร เธอจึงรู้สึกรังเกียจอย่างยี้เอามากๆ
“เสี่ยวเสี่ยวดื่มเหล้าไม่เป็นค่ะ ถ้าทุกท่านไม่รังเกียจ ให้ฉันดื่มแทนเธอนะคะ” พอเห็นอินเสี่ยวเสี่ยวไม่ขยับ หลินจิ้งก็รีบเข้ามาช่วย
หลินจิ้งดื่มเหล้าจนหมดแล้ว หาโอกาสตอนผู้คนไม่ทันสนใจ ดึงตัวอินเสี่ยวเสี่ยวมาด้านข้าง กระซิบที่ข้างหูเธอด้วยสีหน้าเข่นเขี้ยวว่า “อินเสี่ยวเสี่ยว ฉันเตือนเธอนะ อีกเดี๋ยวฉันพาเธอไปพบผู้กำกับใหญ่ท่านหนึ่ง เขามีหนังดีอยู่เรื่องหนึ่ง ถ้าเธอยังอยากจะอยู่ในวงการต่อไป ก็ทำตัวให้มันฉลาดหน่อย เข้าใจไหม?”
“ค…คุณหลิน ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ” อินเสี่ยวเสี่ยวกลับตั้งท่าถอยกรูด ไม่ต้องคิดเธอก็รู้ว่าหลินจิ้งคิดจะทำอะไร ถ้าต้องใช้วิธีนี้เพื่อให้ได้งาน ไม่เอาก็ได้!
“ฝันไปเถอะ! วันนี้เธออย่าหวังว่าจะหาข้ออ้างหนีไปได้ ตามฉันมา!” พูดพลาง หลินจิ้งก็ดึงตัวอินเสี่ยวเสี่ยวเข้าไปด้านในของงานเลี้ยงโดยไม่ฟังข้อแก้ตัวใดๆ อีก
เดินเข้ามาไม่ไกลนัก หลินจิ้งก็พาอินเสี่ยวเสี่ยวมาที่ข้างกายชายแก่ศีรษะล้านคนหนึ่ง ซึ่งก็คือคนที่เชิญหลินจิ้งมาร่วมงานเลี้ยงนั่นเอง
ตอนเธอมาถึง ตาโล้นกำลังดื่มเหล้าสังสรรค์อยู่กับคนอื่น พอเห็นพวกเธอมา เขาก็พูดกับคนรอบข้างสองสามคำ แล้วเดินเข้ามาหาพวกเธอเพียงลำพัง
“ผู้กำกับหวัง ไม่เจอกันนานนะคะ คุณคิดถึงเขาบ้างหรือเปล่าคะ?” หลินจิ้งเข้าไปออดอ้อนกับตาเฒ่าศีรษะล้าน
“คิดถึงอยู่แล้วล่ะ” ตาแก่โล้นแค่ตอบรับง่ายๆ คำหนึ่ง จากนั้นสายตาก็หันมาโฟกัสอยู่บนร่างของอินเสี่ยวเสี่ยว ถามว่า “เธอเป็นเด็กใหม่ของบริษัทเธอคนนั้นเหรอ?”
“ใช่ค่ะ ผู้กำกับหวัง เธอก็คืออินเสี่ยวเสี่ยว” หลินจิ้งตอบเสร็จ ก็หันมาแนะนำอินเสี่ยวเสี่ยวให้กับตาแก่หัวล้าน “เสี่ยวเสี่ยว นี่คือผู้กำกับหวัง…หวังจงไห่ เธอเรียกเขาว่าผู้กำกับหวังก็แล้วกัน”
อินเสี่ยวเสี่ยวแอบนึกจิกกัดในใจว่า หวังจงไห่…ตี้จงไห่ [1] สมชื่อจริงๆ
พอเห็นว่าอินเสี่ยวเสี่ยวยืนนิ่งไม่ขยับ ไม่รู้ว่ามัวคิดอะไรอยู่ หลินจิ้งก็พูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “เสี่ยวเสี่ยว ยังไม่รีบทักทายผู้กำกับหวังอีก!”
แต่ว่า อินเสี่ยวเสี่ยวยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็ได้ยินหวังจงไห่พูดด้วยน้ำเสียงดูถูกว่า “อินเสี่ยวเสี่ยวงั้นเหรอ จะทำเป็นเล่นตัวไปทำไมกัน? เธอก็คือผู้หญิงไปทำหน้ามาเพื่ออ่อยเซียวจิ่งสือไม่ใช่รึไง? เธอนอนกับเซียวจิ่งสือแล้วใช่ไหมเล่า ยังจะทำเป็นเล่นตัวไปได้”
อินเสี่ยวเสี่ยวฟังแล้ว สีหน้าเปลี่ยนเป็นซีดขาวไปทันทีทันใด เธอเงื้อมือขึ้น คิดจะซัดฝ่ามือเข้าที่หน้าของตาโล้นนี่สักฉาด แต่กลับถูกหลินจิ้งยื่นมือเข้ามาขวางไว้ซะก่อน
หลินจิ้งเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ก็รีบแก้เกี้ยวว่า “เสี่ยวเสี่ยว อย่าโกรธสิ ผู้กำกับหวังแค่พูดเล่นน่ะ ใช่ไหมคะ ผู้กำกับหวัง”
“ใช่ ผมก็แค่พูดเล่นน่ะ ถ้าคุณอินโกรธ ผมจะปรับตัวเองให้ดื่มแก้วหนึ่ง” หวังจงไห่พูดเออออห่อหมกไปกับหลินจิ้ง จากนั้นดื่มเหล้าในมือจนหมด
“แล้วกันไปเถอะค่ะ พอดีฉันไม่ค่อยสบาย ฉันว่าคงจะไม่รบกวนพวกคุณแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อนค่ะ” อินเสี่ยวเสี่ยวเห็นดังนั้นก็พูดเสียงต่ำ
แต่ว่าแขนขวาของอินเสี่ยวเสี่ยวถูกหลินจิ้งคว้าไว้ เธอดิ้นรนอยู่พักหนึ่ง แต่ไม่สามารถดึงแขนขวาของตัวเองกลับมาได้
หลินจิ้งคว้าแขนอินเสี่ยวเสี่ยวไว้แน่น กระซิบที่ข้างหูเธอว่า “อินเสี่ยวเสี่ยว เธอลืมที่ฉันเตือนเธอไว้แล้วรึไง? ถ้าเธอยังคิดจะแสดงหนัง ก็คว้าโอกาสนี้ไว้ซะ ขอเพียงทำให้ผู้กำกับหวังพอใจ เธอก็จะเข้าสู่จุดสูงสุดของวงการบันเทิง ยังไม่รีบขอโทษผู้กำกับหวังอีก!”
อินเสี่ยวเสี่ยวฟังแล้วโมโหจนหัวเราะออกมา “คนที่ทำผิดไม่ใช่ฉันซะหน่อย ทำไมฉันต้องขอโทษด้วย? แล้วถ้าคุณคิดจะให้ฉันใช้วิธีการแบบนี้เพื่อให้ได้บทมาแสดงล่ะก็ ฉันว่า ฉันยกเลิกสัญญากับบริษัทคุณซะเลยจะดีกว่า! เพราะว่าทัศนคติของคุณกับฉันมันไปด้วยกันไม่ได้เอาซะเลย”
——
[1] ตี้จงไห่ หมายถึง เมดิเตอร์เรเนียนหรือดินแดนที่ราบกว้างใหญ่ แผลงมาใช้เรียกคนศีรษะล้านเลี่ยนเตียนโล่ง