บัญชามังกรเดือด บทที่ 965 ฉันเป็นคนของเขา
หูเถิงคิดเสมอว่าฉินเทียนเป็นลูกชายผู้มั่งคั่งขนาดเล็กในตงไห่ และเขาต้องการที่จะปีนขึ้นไปเป็นอยู่ในคฤหาสน์ทองคำหงส์ของสาว ๆ ในตงไห่
ในความเป็นจริงแล้ว ในตงไห่มีนายน้อยมากมายเช่นนี้ ราวกับปลามากมายที่ว่ายในแม่น้ำ หากว่าหวังตัวยวี่พบเจอเมื่อใด ก็เสมือนกับถูกพาเข้ารังมังกรไปในทันที
พวกเขามักจะใช้สมองและแสดงออกมาในรูปแบบต่างๆ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมหวังตัวยวี่จึงรำคาญพวกคนเช่นนี้
ทว่า การจะแสดงตนออกมาก็ควรจะดูสถานการณ์หน่อยสิ
แม้ในยามนี้จักสมควรเป็นฉากที่ฮีโร่จะกอบกู้เอกราชก็จริง แต่คนที่สิ้นหวังอย่างฉินเทียนเขาเพิ่งเจอคนแรก
นายควรจะประเมินความสามรถของตัวเองหน่อย!
ออกมาแสดงตัวในยามนี้ อยากจะตายหรือยังไงกัน?
“เป็นมันนั่นเอง?”
ในทีมของตระกูลเซี่ยนั้น ถงอานจำฉินเทียนได้อย่างแม่นยำ พลันร้องตะโกนออกมาในทันทีเหมือนสุนัขที่ถูกเหยียบหาง
“นายน้อย เป็นเขา!”
“เมื่อวาน! ที่โรงแรม เป็นเขาที่ทุบตีคนของเรา ว่าให้ย้ายคุณออกไปแล้ว และยังกล่าวอีกว่าเซี่ยหมิงก็แค่คนไร้ค่า !”
“นายน้อย คุณทุบตีเขาได้เลย!”
“นายน้อย ฆ่าเขาเร็วเข้า!”
เซี่ยหมิงพลันขมวดคิ้วลงอย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่าเขาจะรู้ว่าคำพูดของถงอานนั้นเกินจริงไปหน่อย แต่ข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขาถูกทุบตีนั้น เป็นความจริง
เขาจ้องมองไปที่ฉินเทียนและพูดว่า “นายเป็นใคร?”
“นายมาจากตงไห่เหมือนกันเหรอ?”
ฉินเทียนแย้มยิ้มกล่าวว่า: “คุณเพิ่งบอกว่าวันนี้ทุกคนที่นี่ ใครก็ตามที่เอาชนะตาแก่หัวล้านนั่นได้ คุณจะยอมแพ้เอง”
“ดังนั้น คุณไม่ต้องสนใจหรอกว่าฉันเป็นใคร คุณแค่ต้องรู้ว่า ฉันมาจากที่นี่ ต่อไป ฉันจะเอาชนะตาแก่หัวโล้นคนนี้ให้ได้ก็พอ”
“นายพูดอะไร?” เซี่ยหมิงพลันเอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ไอ้เวรนี่!”
“แกเรียกใครว่าตาแก่หัวโล้นกัน ข้าจะฆ่าเจ้า!” เจ้านกแร้งพลันตะโกนออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว
สือซินซึ่งนอนอยู่บนพื้นก็ตัวแข็งและลืมความเจ็บปวดไปในทันที ไม่ใช่เด็กน้อยที่หลงชอบคุณหนูใหญ่หรอกเหรอ?
ด้วยความสามารถของเขา ที่ไม่อาจหลบคมดาบของเขาได้เพียงสามกระบวนเท่านั้น เขาบ้าหรือเปล่า? เมื่อรู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของเจ้านกแร้งแล้ว เขายังคิดยืนหยัดจะต่อสู้อีกหรือ
เด็กน้อยคนนี้หมดหวังที่จะพิชิตใจสาวงามแล้วเหรอ?
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขายังคงชื่นชมฉินเทียนที่มีความกล้าที่จะลุกขึ้นสู้อยู่
“พี่ชาย ตงไห่ซาบซึ้งในน้ำใจของคุณ แต่คุณไม่สามารถเป็นคู่ต่อกรของเขาได้หรอก ดังนั้นรีบหนีไปเถอะ !”
สือซินที่พยายามทนความเจ็บปวดนั้น พลันกัดฟันและพูดออกมา
ฉินเทียนแย้มยิ้มอย่างอ่อนโยนและพูดว่า “เจตนากระบี่ของนายค่อนข้างดีเลยทีเดียว เพียงแต่นายดื้อรั้นเกินไปหน่อยและไปเห็นคุณค่าบางอย่างมากเกินไป กระบี่จึงดูไม่สง่างามพอ”
“ถ้าปล่อยวางบางอย่างในใจลงไปได้ ก็จะยกขวานออกมาได้เบา และทำฝีดาบรวดเร็วและแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีกขั้น”
“เมื่อถึงเวลา ตาแก่หัวโล้นคนนี้ ก็จะเป็นคนที่ไม่สามารถทำอะไรนายได้อีก”
“นายพูดอะไรอะ?” สือซินรู้สึกตกตะลึงเสียจนอ้าปากพูดไม่ออก
ราวกับว่าประตูสู่ความโกลาหลได้ถูกเปิดขึ้นภายในจิตใจของเขา พร้อมกับเขาที่เริ่มเข้าใจอะไรบางอย่างได้ในทันที
จนกระมั่ง คนจากตงไห่รีบเข้ามาอุ้มเขาออกไป เขาก็ยังคงไม่ได้สติกลับมา
“ฉินเทียน นายต้องการแทรกแซงเรื่องนี้จริง ๆ เหรอ? นายควรรู้ว่า ตัวเองกำลังทำอะไรอยู่!”
เกาเหมิ่งที่รู้ถึงความแข็งแกร่งของฉินเทียนนั้น ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะเตือนฉินเทียนออกมาด้วยความกังวล
เขาเป็นผู้สนับสนุนของราชาเปี้ยน ดังนั้นเขาจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเซี่ยหมิงจะชนะและสรุปการแต่งงานนี้ให้จนได้
“นายคือฉินเทียน?”
ราชาเปี้ยนพลันชะงักไปครู่หนึ่ง ฉันจะให้เห็ดหลินจือเลือดพันปีกับนายเอง!”
ฉินเทียนพลันเกิดความลังเลใจขึ้นมา
ทุกสิ่งที่เขาทำในตงไห่นั้น เพพียงเพราะจะมาเอาเห็ดหลินจือเลือดพันปีเท่านั้น ในยามนี้ก็ได้มาอยู่ในมือแล้วเสีย
อย่างไรก็ตาม เขากลับรู้สึกหนักอึ้งเข้ามาในหัวใจแทน
ไม่ว่าจะเกิดจากความรู้สึกของมนุษย์ หรือความรู้สึกผิดที่เป็นพื้นฐานคุณธรรมในใจก็ตาม เขาไม่สามารถทิ้งเห็ดหลินจือเลือดไปได้
“เป็นคุณนั้นเอง!”
” ผู้นำฉิน คุณมาทำอะไรที่นี่? ทำไมคุณถึงแสร้งทำเป็นเป็นหนึ่งในพวกเราและแอบเข้ามาในทีมของเราล่ะ?”
ในที่สุดหวังเหมี่ยนก็จดจำฉินเทียนได้ เขาพลันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่ากลัวในทันที
ในฐานะจินยีโหวของตงไห่กรุปนั้นเขาได้เข้าแทรกแซงพื้นที่ทางใต้และพยายามสนับสนุนโฆษกและการควบคุมเจ็ดเมืองทางใต้เอาไว้
หากทำสำเร็จ เจ็ดจังหวัดทางตอนใต้จะบังเกิดความ มั่งคั่ง เจ็ดเมืองทางใต้ก็จะกลายเป็นยุ้งฉางของกลุ่มตงไห่กรุปในทันที
ใครจะไปรู้ว่า ในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้จะเป็นฉินเทียนที่ได้รับผลประโยชน์ทั้งหมดแทน เขาจะไม่มีวันลืมเลยว่า ฉินเทียนที่ซึ่งเพิ่งกลายมาเป็นผู้นำของพันธมิตร และยังกล้าที่จะมาคิดแข็งข้อต่อจินยีโหวผู้สง่างามคนนี้ได้!
สถานะของฉินเทียนนั้นยอดเยี่ยมมาก ในบางแง่มุม เขาเหนือกว่าเซี่ยหมิงเสียด้วยซ้ำ
บุคคลดังกล่าว กลับปลอมแปลงตัวตนและแอบเข้าไปในทีมของเขา เป็นใคร ใครก็คงประหม่าไม่ไม่น้อย
ฉินเทียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พลางเอ่ยออกมาอย่างจริงใจว่า “ท่านโหว เรื่องก่อนหน้านี้ได้จบลงไปแล้ว ฉันมาที่นี่ในครั้งนี้โดยไม่มีจุดประสงค์อื่นใด เพียงแค่ต้องการยารักษาชีวิตคน ”
“ขอยา?”
หวังเหมี่ยนรีบพูดอกมาว่า “มันคือเห็ดหลินจือเลือดงั้นเหรอ?”
ฉินเทียนพยักหน้าลงเล็กน้อย
หวังเหมี่ยนตกอยู่ในห้วงความคิด ในที่สุดเขาก็พูดออกมาด้วยเสียงทุ้มลึกว่า “ถ้าคุณสามารถช่วยตงไห่เอาชนะเจ้านกแร้งได้ ฉันจะให้เห็ดหลินจือเลือดแก่คุณ!”
ฉินเทียนรู้สึกประทับใจจริงๆ เขากล่าวขอบจากก้นบึ้งของหัวใจ
“คุณ–”
เมื่อเห็นว่าฉินเทียนกำลังจะเผชิญหน้ากับเจ้านกแร้งนั้น หวังตัวยวี่ก็พลันร้องตะโกนออกมา ก่อนจะรีบวิ่งเข้ามาเอ่ยถามด้วยความกังวลว่า “คุณแน่ใจหรือ?”
ในขณะเดียวกัน สายตาของเธอเต็มไปด้วยความอ่อนหวาน พร้อมทั้งความสดใสของหญิงสาวที่กลับมาที่ร่างกายของเธออีกครั้ง
ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์พลันจ้องมองสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความโง่งม
เซี่ยหมิงราวกับถูกฟ้าผ่าไปในทันที!
เขารู้สึกราวกับตนเองถูกสวมเขาก็ไม่ปาน !
เซี่ยหมิงพลันกัดฟันพูดด้วยใบหน้าที่สดใสว่า “ก่อนที่คุณจะบอกว่า คุณจำคนผิด… บอกฉันสิ คุณคิดว่าเขาจะเป็นคนมาขอคุณแต่งงานใช่หรือเปล่า?”
หวังตัวยวี่พลันเกิดอาการเขินอายออกมา
“แล้วยังไงเล่า?”
“ฉันแค่คิดว่าเป็นเขาที่มาขอแต่งงาน ฉันก็เลยตอบตกลง!”
“นายพอสักที ฉันเป็นคนของเขาแล้ว!”
ผู้ชมพลันตกอยู่ในความโกลาหลไปในทันใด!
ฉินเทียนราวกับมีเส้นสีดำพาดผ่านบนใบหน้า เขากลัวอะไรบางอย่างจริง ๆ
เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของหวังตัวยวี่แบบนี้แล้วเขาก็รู้สึกว่า หนี้แห่งความรักในครานี้ คงไม่อาจชำระคืนได้ในชีวิตนี้เป็นแน่
เขายอมรับว่า หวังตัวยวี่นั้นโดดเด่นมาก แต่ด้วยความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของฉินเทียน เขาจะไปมีใจคิดนอกใจภรรยาตัวเองได้อย่างไร
หัวใจและดวงตาของเขาเต็มไปด้วยซูซูและลูกในท้องของเธอทั้งหมด
“เฒ่าแร้ง คุณรู้ว่าต้องทำอย่างไรใช่ไหม!” เซี่ยหมิงพลันโกรธจัดและน้ำเสียงของเขาเจือไปด้วยความเย็นชาราวกับว่ามาจากนรกขุมที่สิบแปดในทันที
เขาคือใคร? คุณชายแห่งแดนเหนือ ทายาทผู้สืบทอดในอนาคตของตระกูลเซี่ย
มีผู้หญิงมากมายที่ภูมิใจในตัวเองเมื่อมาได้รับความรักจากเขา
แต่ตอนนี้ ผู้หญิงที่เขาชอบกลับบอกปฏิเสธเขาต่อหน้าต่อตาผู้คนมากมายว่าเธอชอบคนอื่น!
ความอัปยศอดสูนี้ ทำให้เซี่ยหมิงต้องการที่จะบดขยี้ฉินเทียนมากขึ้นไปในทันที
เจ้านกแร้งพลันกัดฟันกล่าวว่า “นายน้อยไม่ต้องกังวลไปขอรับ!”
“เขาไม่มีทางได้ดีแน่ ๆ !”
เมื่อมองไปที่ฉินเทียนนั้น เจ้านกแร้งทำตัวเสมือนกับว่ากำลังคิดว่าจะแบ่งเนื้อฉีกเนื้อบนร่างของอย่างไรดี ในสายตาของเจ้านกแร้งนั้น ฉินเทียนเป็นเพียงก้อนเนื้อที่มีชีวิตอยู่เท่านั้น
“ผมมั่นใจอยู่ คุณไม่ต้องห่วง”
ฉินเทียนเอ่ยปลอบใจ ก่อนจะหันหลังให้หวังตัวยวี่และมองไปที่เจ้านกแร้ง
ในขณะนี้ดวงตาของฉินเทียนพลันค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชา
ดังคำกล่าวที่ว่า สวรรค์มอบชีวิตให้รักและห่วงแหน และคนอย่างเจ้านกแร้งดูเหมือนจะเป็นเครื่องจักรที่ไร้อารมณ์ยิ่งนัก
คนประเภทนี้เกิดมาเพื่อเสพสุขในการเหยียดหยามผู้อื่น
ขยะแบบนี้ไม่สมควรมีอยู่บนโลกใบนี้
เมื่อเห็นสายตาของฉินเทียนนั้น เจ้านกแร้งพลันรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก เขาพชันแสดงความโกรธออกมาเพราะความอับอายของตัวเอง โดยใช้ประโยชน์จากความไม่พร้อมของฉินเทียน พลางร้องตะโกนออกมาด้วยความโกรธเกี้ยวและพุ่งตัวเข้าใส่
กรงเล็บเหล็กบนมือของเจ้านกแร้งพลันออกไปคว้าฉินเทียนในทันที
กรงเล็บเหล็กนี้สร้างขึ้นมาอย่างประณีตมาก ในตอนท้าย มันยังมีลวดโลหะบางๆ ยาวหลายเมตรซ่อนอยู่อีกด้วย
โลหะนี้มีความพิเศษเป็นอย่างมาก ทั้งยังมีความยืดหยุ่นมาก อีกด้วย
เขาควบคุมกรงเล็บที่บินผ่านเส้นลวด และเขาสามารถฆ่าผู้คนที่อยู่ห่างออกไปหลายเมตรในขณะที่ยืนอยู่นิ่ง ๆ
ได้ในชั่วพริบตาเดียว
แม้มันจะไม่อาจเอามาใช้ป้องกันภูตผีปีศาจได้ ทว่า มันสามารถเพิ่มขึ้นมาเป็นสองเท่าได้ในทันที