บัญชามังกรเดือด บทที่ 966 ยินดีต้อนรับการแก้แค้น
“ระวัง!”
เมื่อเห็นกรงเล็บเหล็กอำมหิตพุ่งเข้ามาจะคว้าศีรษะของฉินเทียน หวังตัวยวี่อดไม่ได้ที่จะร้องตะโกนออกมาด้วยความกังวล
หัวใจของคนอื่นต่างก็กระดอนขึ้นมาถึงลำคอเช่นกัน
ฉินเทียนยืนนิ่งงัน ช่วงเวลาสำคัญ เขาเอียงศีรษะเล็กน้อย หลบเลี่ยงอย่างชาญฉลาด
แต่ทว่าเมื่อเห็นกรงเล็บเหล็กไขว่คว้าอากาศ เจ้านกแร้งพลันสะบัดมือ ควบคุมโดยลวดเหล็ก กรงเล็บเหล็กตวัดเป็นวงกลมและเร่งความเร็ว จากนั้นพุ่งเข้าหาฉินเทียนอีกครั้ง
และเขานั้นไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป ปล่อยกรงเล็บด้วยมืออีกข้างหนึ่ง
ลวดเหล็กมีความยาวหลายเมตร ควบคุมกรงเล็บเหล็กที่แหลมคมและดุร้าย ต่อสู้รอบกายของฉินเทียน
ทุกครั้งแทบอดไม่ไหวที่จะทะลวงร่างกายของฉินเทียนให้เป็นโพรง
แม้ว่าทุกคนจะเกลียดชังเจ้านกแร้งเจียนตาย แต่ทว่าเมื่อเห็นทักษะที่เป็นดั่งเวทมนตร์ พวกเขารู้สึกทึ่งอย่างอดไม่ได้
วิชากรงเล็บอินทรีย์ เดิมทีเป็นทักษะเฉพาะตัวของเขา ด้วยเนื้อมือเปล่าของเขา เขาฝึกฝนให้แข็งแกร่งจนไม่มีสิ่งใดเปรียบเทียบได้ ภายใต้น้ำมือของเขานั้นมีคนตายมากมายนับไม่ถ้วน
แต่ทว่าท้ายที่สุดแล้วอย่างไรเสียเนื้อมือเปล่านั้นก็มีขีดจำกัด อีกทั้งความยาวของมือก็มีขีดจำกัด
ใครจะคาดคิด เจ้านกแร้งนั้นมีความฉลาดเฉลียว ใช้ลวดเหล็กยาวสองสามเมตรและตะขอเหล็กคู่หนึ่งทำให้มือทั้งสองข้างยืดยาวออกไปได้
ราวกับเสือติดปีกจริงๆเลย
ยังโชคดี แม้ว่าเจ้านกแร้งนั้นจะดุร้าย แต่ทว่าเมื่อมองไปยังฉินเทียน ห่างออกไปไม่กี่เมตร ภายใต้การล้อมของกรงเล็บเหล็กทั้งสองข้าง การเคลื่อนไหวนั้นราวกับกระต่าย ว่องไวและเงียบสงบ
ในทุกครั้งไม่เสียพละกำลังเลยแม้แต่น้อย สง่างามเกินกว่าจะพรรณนา
แม้ว่าเขาจะสามารถหลบเลี่ยงได้ แต่ทว่าเป็นเช่นนี้แล้วเขาจะสามารถเอาชนะได้อย่างไร?
เจ้านกแร้งใช้ลวดเหล็กยาวหลายเมตรควบคุมสถานการณ์ ราวกับว่าเขานั้นจะได้เปรียบและอยู่ยงคงกระพัน
แต่สำหรับฉินเทียนแล้วเขานั้นมีผลประโยชน์อยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือเมื่อเขาหลบเลี่ยง เขานั้นไม่ได้สูญเสียพลังงานเลย
เมื่อเทียบกับเจ้านกแร้งที่ต้องใช้พละกำลังเหวี่ยงกรงเล็บเหล็ก นี่สามารถเรียกได้ว่ากลยุทธ์รอซ้ำยามเปลี้ย[1]
ดังนั้นตอนนี้พละกำลังยังคงมหาศาล
หากไม่เขาได้รับบาดเจ็บภายใต้กรงเล็บเหล็ก หรือถ้าหากหลบเลี่ยงอยู่แบบนั้น อย่างไรก็สามารถบั่นทอนพละกำลังของ เจ้านกแร้งได้
แน่นอน ในไม่ช้าเจ้านกแร้งก็ไม่สามารถยืนหยัดได้อีกต่อไป ประการแรกค่อนข้างสูญเสียพละกำลัง อีกประการหนึ่ง เขาเริ่มหมดความอดทนแล้ว
เนิ่นนานเช่นนี้ ชายหนุ่มก็ไม่สามารถเอาชนะได้ จะรักษาศักดิ์ศรีไว้ได้อย่างไร?
ขณะที่เขาเตรียมจะเก็บกรงเล็บเหล็ก และตั้งใจจะต่อสู้ในระยะประชิดอีกครั้ง
ฉินเทียนนั้นอ่านความคิดของเขาออก ในดวงตาคู่นั้นปรากฏความเยือกเย็น ตาแก่ คุณคิดจะสู้ก็สู้ คิดจะถอยก็ถอยงั้นหรือ?
ฉับพลันเขาลงมือในทันใด แม่นยำไม่ผิดพลาด คว้าปลายกรงเล็บเหล็กทั้งสองข้างตามลำดับ
ด้วยแรงเขย่า การลอบส่งพลังงาน ลวดเหล็กยาวกระเพื่อมและสั่นสะท้านราวกับงู
เจ้านกแร้งที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ฉับพลันสัมผัสได้ถึงแรงของกระแสไฟฟ้าที่พุ่งเข้ามา ร้องอุทานด้วยความตกใจและรีบปล่อยมือ
ด้วยการเขย่ามือของฉินเทียน ปลายลวดเหล็กทั้งสองข้างนั้นอยู่ภายในกำมือของเขา
สถานการณ์พลิกแพลง กรงเล็บเหล็กทั้งสองข้างของเจ้านกแร้ง ตอนนี้อยู่ภายในกำมือของเขาแล้ว ผู้ชมโดยรอบนั้นยังไม่มีปฏิกิริยาใด รู้สึกราวกับว่ากำลังดูมายากล
แต่ทว่า ฉินเทียนนั้นทำอย่างไรถึงได้ช่วงชิงอาวุธของเจ้านกแร้งไปได้?
วินาทีถัดมา พวกเขาทุกคนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“ตาแก่ ดูให้ดีเสียเถอะ ฉันจะสอนวิธีการใช้กรงเล็บเหล็กนี้ให้กับคุณ”
ฉินเทียนเอ่ยประโยคนั้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน มือจับปลายลวดทั้งสองเส้นและเขย่าอย่างแรง
กรงเล็บเหล็กทั้งสองแผดเสียงก้องและพุ่งตรงเข้าหาเจ้านกแร้ง
นี่…หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง[2]งั้นหรือ?
เป็นไปได้หรือไม่ว่าฉินเทียนเองก็เป็นยอดฝีมือในการใช้กรงเล็บเหล็กงั้นเหรอ? แต่เมื่อมองดูแล้วกลับไม่คล่องแคล่วเสียเท่าไรนัก
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเพิ่งฝึกฝน
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าทักษะของฉินเทียนนั้นจะดูไม่คล่องแคล่ว แต่ความแข็งแกร่งของเขานั้นไม่ธรรมดา กรงเล็บเหล็กทั้งสองอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา แยกผ่านอากาศทำให้เกิดเสียงลมดังสะท้อนเข้าไปภายในโสตประสาท
สีหน้าของเจ้านกแร้งเปลี่ยนไปอย่างมาก!
เขารีบหลบซ่อนด้วยความร้อนรน
แต่ทว่ากระบวนท่าก่อนหน้านี้เขาสามารถหลบเลี่ยงได้ หลังจากนั้นเมื่อทักษะของฉินเทียนสามารถยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ เขาก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้อีก
ไม่ทันระวัง เสียงแควกดังขึ้น กรงเล็บเหล็กฉีกเนื้อชิ้นหนึ่งออกจากไหล่ซ้ายของเขา
เจ้านกแร้งแผดเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
ฉินเทียนนั้นท่าทางของเขาดูสบายมากยิ่งขึ้น ควบคุมกรงเล็บเหล็กทั้งสองข้างราวกับกำลังเล่นกลอย่างไรอย่างนั้น
ฟุ่บ ฟุ่บ!
อ๊าก อ๊าก อ๊าก!
ทุกครั้งกรงเล็บเหล็กคว้าชิ้นเนื้อได้ เจ้านกแร้งก็จะส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาด้วยความเจ็บปวด ตอนนี้เสื้อผ้าของเขานั้นขาดรุ่งริ่ง สภาพมอมแมม เนื้อตัวเปื้อนเลือด กระโดดขึ้นลงไปมา เมื่อมองดูแล้วราวกับลิงแก่ที่ถูกเสือชีตาห์รุมโจมตี
“ดี! ต่อสู้ได้ดี!”
“พี่เทียน ควักสมองของเขาออกมาเลย!” หวังตัวยวี่ดูมีความสุข ปรบมือและหัวเราะเสียงดังลั่น
โดยไม่ตั้งใจก็ยังตะโกนออกไป “พี่เทียน”
“ดี!”
“ทักษะมายากลของคุณฉิน!”
“ยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว!”
ทางด้านตงไห่นั้นแทบจะระเบิด ทุกคนต่างก็ส่งกำลังใจให้อย่างตื่นเต้นอีกทั้งยังปรบมือเฉลิมฉลอง
ได้ระบายความโกรธแค้นแล้ว!
ตรงกันข้ามกับพวกเขาโดยสิ้นเชิง นั่นก็คือเซี่ยหมิงรวมถึงผู้คนที่เขาพามา
สถานการณ์ทั้งหมดนั้นเกินความคาดหมายของพวกเขา!
ดวงตาคู่นั้นของเซี่ยหมิงเบิกกว้างราวกับปลาตายอย่างไรอย่างนั้น จ้องมองฉินเทียนอย่างเกลียดชัง
เขามีลางสังหรณ์ แผนการที่เดิมทีเขาคาดว่าจะต้องประสบความสำเร็จ อาจจะพังทลายลงเพราะการปรากฏตัวของฉินเทียน แผนการทั้งหมดนั้นจะสูญเสียไปอย่างเปล่าประโยชน์
โดยเฉพาะตอนที่เห็นหวังตัวยวี่จ้องมองฉินเทียน นัยน์ตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความชื่นชมและความเลื่อมใส
หัวใจของเขานั้นกำลังเจ็บปวด!
กัดฟันแน่นด้วยความโกรธแค้น อยากจะฉีกเนื้อของฉินเทียนออกเป็นพันชิ้นจนแทบจะทนไม่ไหว!
“พอแล้ว!”
ในที่สุดเขาก็ตะโกนออกมาด้วยเสียงดังลั่น “ฉินเทียน หยุด!”
“พวกเรายอมรับความพ่ายแพ้แล้ว!”
“เฒ่าแร้ง รีบกลับมาเร็ว!”
ภายใต้สถานการณ์อับจนหนทาง เขาทำได้เพียงแค่หยุดการสูญเสียให้ทันเวลา เพราะสถานการณ์ที่เห็นตรงหน้า เจ้านกแร้งนั้นไร้พละกำลังในการต่อสู้ หากยังฝืนสู้ต่อไป ไม่แน่ว่าอาจจะต้องเสียชีวิตอยู่ในสถานที่แห่งนี้
เจ้านกแร้งเองก็กำลังจะร้องขอชีวิตเช่นกัน
เจตนาแห่งการสังหารฉายผ่านแววตาของฉินเทียน เขารู้ เจ้านกแร้งเอ่ยปากยอมรับความพ่ายแพ้ เช่นนั้นเขาก็ไม่เหมาะที่จะลงมือต่อ
คนสวะเช่นนี้ ในเมื่อเขาฉินเทียนได้ลงมือ ก็ไม่ควรปล่อยให้เขาทำร้ายคนอื่นอีก
“ไปเสีย!”
ฉินเทียนพ่นลมหายใจอย่างเยือกเย็น สะบัดมือทั้งสองข้างอย่างรุนแรง กรงเล็บเหล็กทั้งสองเปล่งแสงสะท้อนแวววาว ข้างหนึ่งบีบรัดใบหน้าของเจ้านกแร้งไว้แน่น
ส่วนอีกข้างหนึ่ง จิกลงตรงบริเวณหัวใจของเขา
“อ๊าก!”
เจ้านกแร้งส่งเสียงร้องโหยหวนและล้มลงกับพื้น
เขากลิ้งลงบนพื้นด้วยความเจ็บปวด
แต่ทว่า ยิ่งเกลือกกลิ้งมากเท่าไร กรงเล็บเหล็กก็ยิ่งถูกกดลงกับพื้นและกรงเล็บเหล็กก็จะจิกเนื้อลึกมากยิ่งขึ้น
ลักษณะท่าทางที่น่าสังเวชทำให้ผู้คนไม่สามารถทนดูได้
ขณะนี้ เสียงปังดังขึ้น เป็นเสียงปืน
ศีรษะของเจ้านกแร้งถูกยิง ทันใดนั้นเจ้านกแร้งนอนแน่นิ่งและเสียชีวิตลงในทันใด
ทุกคนต่างตื่นตระหนก จ้องมองด้วยความหวาดผวา เซี่ยหมิงเป่าควันตรงปากกระบอกปืน จากนั้นส่งปืนให้กับถงอานที่ยืนอยู่ด้านข้างเขา
กลับกลายเป็นเขา!
เขาเป็นคนลั่นไกปืนและยิงเจ้านกแร้ง! ขณะที่ผู้ชมกำลังตกตะลึง พวกเขาต่างก็ไม่เข้าใจ
แต่อย่างไรก็ตาม ฉินเทียนนั้นเข้าใจการกระทำของเซี่ยหมิง
ด้วยท่าทางของเจ้านกแร้ง เขาจะรอดหรือไม่ยังไม่รู้เลย นอกจากนี้ ด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าเขาจะรอดชีวิต เขาก็จะกลายเป็นคนพิการ
เมื่อเป็นเช่นนี้ ส่งให้เขาขึ้นสวรรค์ไปเลยยังดีเสียกว่า
ตระกูลเซี่ยไม่ชุบเลี้ยงคนพิการ
สำหรับวิธีการโหดเหี้ยมของเซี่ยหมิง ฉินเทียนก็ยังคงรู้สึกประหลาดใจ เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงพี่ชายต่างมารดาของเขา..
ภายในหัวใจของเขายิ้มอย่างขื่นขม ไม่ได้เหนือความคาดหมาย นี่ควรจะเป็นฉินเปียวอีกคนหนึ่ง
“นายชนะแล้ว”
เซี่ยหมิงจ้องมองฉินเทียนและยิ้มเยือกเย็น “แต่อย่างไรก็ตาม ฉันจำนายได้แล้ว”
“ฉินเทียน การประลองฝีมือของพวกเรานั้นเพิ่งเริ่มต้นขึ้น นายคอยดูเถอะ”
เขาใช้นิ้วมือของเขาทำเป็นปืน จากนั้นทำท่าลั่นไกปืนใส่ฉินเทียน
ฉินเทียนหัวเราะเยือกเย็นและเอ่ย “ไม่ว่าเมื่อไรฉันก็ยินดี ยินดีต้อนรับการแก้แค้น”
“เงื่อนไขแรกนายอย่าได้กลัวตายก็แล้วกัน”
กลยุทธ์รอซ้ำยามเปลี้ย[1] หมายถึง กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า เมื่อประสงค์จักทำให้ข้าศึกตกอยู่ในภาวะลำบาก ไม่แน่ว่าจะต้องใช้วิธีรบแต่ฝ่ายเดียว อาจจะใช้วิธี “แกร่งเสียอ่อนได้” ดูภายนอกแล้วเข้มแข็งใหญ่โตเหลือประมาณ แต่ไม่อาจรบต่อเนื่องได้ยาวนาน อ่อนเปลี้ยเพลียแรงได้ง่าย
หนามยอกเอาหนามบ่ง[2] หมายถึง ตอบโต้หรือแก้แค้นด้วยวิธีการทำนองเดียวกัน