บัญชามังกรเดือด บทที่ 967 น่าประหลาดใจ
หลังจากได้ยินคำพูดของฉินเทียน รูม่านตาของเซี่ยหมิงหดกระชับในทันใด เขาในฐานะทายาทตระกูลร่ำรวยอันดับหนึ่งแห่งทางเหนือ ตั้งแต่วัยเยาว์เขานั้นเพียบพร้อมไปด้วยทรัพยากรมากมาย
อยากจะได้สิ่งใด เขานั้นสามารถไขว่คว้ามาได้โดยเสมอ
ต้องการจัดการผู้ใด เขาก็สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย
แต่คาดไม่ถึงเลย การเดินทางมาตงไห่ในครั้งนี้จะได้พบกับข้อยกเว้นสองประการ
ประการแรกคือหวังตัวยวี่
เขารู้ดี แม้ว่าเขาจะใช้วิธีการบางอย่างเพื่อบังคับคนของหวังตัวยวี่ แต่เกรงว่าคงจะเป็นการยากที่จะเอาชนะใจของเธอได้
ประการสองคือฉินเทียน
ก่อนหน้านี้ เซี่ยหมิงไม่เคยคาดคิดเลย บนโลกนี้จะมีคนวัยเดียวกันที่ทำให้เขานั้นสามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกแห่งการกดขี่
“ดี ฉันจดจำนายเอาไว้แล้ว!”
เขากัดฟันแน่น เตรียมตัวที่จะจากไป
ชาวตงไห่ทุกคนต่างก็เตรียมตัวที่จะส่งเสียงโห่ร้อง
ขณะนี้ ฉับพลันราชาเปี้ยนก็ส่งเสียงตะโกนดังกึกก้อง “คุณชายเซี่ยช้าก่อน!”
“คุณไม่ได้พ่ายแพ้! ฉันมีอะไรอยากจะกล่าว!”
อือ?
ผู้คนทุกคนต่างชะงักงันและหันหน้าไปมองพร้อมกัน
ราชาเปี้ยนจ้องมองฉินเทียนด้วยดวงตาแดงก่ำ กัดฟันแน่นและเอ่ย “ไอ้เด็กเวร นายกล้าสร้างความเสียหายในงานยิ่งใหญ่ของพวกเราชาวตงไห่ ฉันจะไม่ยอมนายแน่!”
“นายคอยดูเถอะ!”
เขาหยิบกล่องไม้มะฮอกกานีที่งดงามออกมา กอดไว้แน่นภายในอ้อมแขน ราวกับว่ากำลังกอดสมบัติหายากชิ้นหนึ่ง จากนั้นรีบวิ่งไปยังแอ่งน้ำที่อยู่ห่างไกลออกไป
ทุกคนชะงักไปครู่หนึ่ง ชั่วขณะนั้นไม่มีใครเข้าใจว่าเขากำลังทำอะไร
หรือว่าเจ้าเปี้ยนแก่คนนี้นั้นเป็นบ้าไปแล้วงั้นหรือ?
กระทั่งราชาเปี้ยนไปถึงแอ่งน้ำ เขาเปิดกล่อง ด้านในนั้นมีเห็ดหลินจือสีแดงขนาดเท่ากำปั้นอยู่
เห็ดหลินจือเลือด!
ฉินเทียนตระหนักได้ถึงบางสิ่ง สีหน้าเปลี่ยนไปทันใด วินาทีนั้นเขาคิดจะวิ่งเข้าไป
“อย่าเข้ามา!”
“ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้ามา!”
ราชาเปี้ยนหยิบก้อนหินขึ้นมาและพูดเสียงดัง “ถ้าใครกล้าเข้ามา ฉันจะทุบมันทิ้ง!”
ฉินเทียนตะโกนอย่างกระวนกระวาย “อย่าได้กระทำอย่างหุนหันพลันแล่นเลย!”
“คุณอยากได้อะไร ขอเพียงแค่พูดมา!”
เมื่อเห็นท่าทางกระวนกระวายของฉินเทียน ราชาเปี้ยนหัวเราะเสียงดังลั่น ในที่สุดเขาก็สามารถจับจุดอ่อนแห่งชีวิตของฉินเทียนได้
เขาพูดอย่างภาคภูมิใจ “คนสกุลฉิน นายคิดอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าต้องการเห็ดหลินจือเลือดนี้หรอกหรือ?”
“ฉันจะบอกนายให้ เห็ดหลินจือเลือดเช่นนี้ บนโลกใบนี้มีเพียงแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น”
“ตราบใดที่ฉันทุบมันและโยนมันลงในแอ่งน้ำ จากนี้และตลอดไปนายก็อย่าคิดว่าจะได้มันอีก!”
ไป๋หลิงเอ่ยอย่างร้อนรน “แย่แล้ว!”
“เห็ดหลินจือเลือดนั้นเหือดแห้งแล้ว ทุบเพียงแค่ครั้งเดียวก็แตกสลาย หากนำไปทิ้งในน้ำก็ไม่สามารถนำกลับมาได้อีกแล้ว”
ใบหน้าของฉินเทียนนั้นมืดมนเป็นอย่างมาก ทันทีที่ทำให้เจ้านกแร้งนั้นพิการได้ เห็ดหลินจือเลือดก็น่าจะได้มาอย่างง่ายดาย
คาดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเหตุร้ายเช่นนี้อีก เขามองออก ไอ้เจ้าเปี้ยนแก่ผู้นี้จะต้องพูดจริงทำจริงอย่างแน่นอน เขาอาจจะทำลายเห็ดหลินจือเลือดจริงๆ
และในระยะห่างเช่นนี้ ไม่มีใครที่จะสามารถหยุดเขาได้
“ไอ้เวร!”
“ฉินเทียนนั้นช่วยเหลือพวกเราตั้งมากมาย ยังไม่รีบมอบเห็ดหลินจือเลือดให้กับเขาอีก!” หวังตัวยวี่ตำหนิด้วยสีหน้าบึ้งตึง
ความรู้สึกของหวังเหมี่ยนที่มีต่อฉินเทียนค่อนข้างซับซ้อน แต่อย่างไรก็ตามเขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและเอ่ย “ราชาเปี้ยน อย่าได้หุนหันพลันแล่น”
“มีอะไรก็พูดมาเถอะ”
ราชาเปี้ยนจับจุดอ่อนของทุกคนได้ เขาภาคภูมิใจมาก เขาจ้องมองฉินเทียนพลางเอ่ยอย่างเยือกเย็น “ดูเหมือนว่าเห็ดหลินจือเลือดนี้ จะมีความสำคัญต่อนายมาก”
ฉินเทียนกัดฟันแน่นและเอ่ย “พูดมา คุณต้องการอะไร”
ราชาเปี้ยนพูดอย่างภูมิใจ “ฉันต้องการให้นายตาย นายยอมตายไหม?”
หวังตัวยวี่ดวงตาแดงก่ำทันใด “ถ้าคุณกล้าทำให้เขาตาย ฉันก็จะทำให้คุณตายเช่นกัน!”
“เจ้าเปี้ยนแก่ ฉันพูดจริงทำจริง!”
“สารเลว!” ราชาเปี้ยนก่นด่าด้วยความโกรธ “อีนังหนู ฉันคือปู่ของแก!”
“ฉันต้องการให้แกแต่งงานกับคุณชายเซี่ย มันผิดอะไรตรงไหน? หรือว่าคุณชายเซี่ยมีอะไรที่ไม่เหมาะสมกับแกงั้นเหรอ?”
“แต่งงานกับเขา แกจะได้มีสถานะที่สูงส่ง!”
“พวกเราตงไห่ก็จะสูงส่งไปด้วยเช่นกัน!”
อารมณ์ของเขานั้นทั้งประหม่าและตื่นเต้น หินที่อยู่ในมือของเขาราวกับว่าสามารถหล่นลงมาได้ทุกเมื่อ
หัวใจของฉินเทียนกระดอนขึ้นมายังลำคอ เขาประหม่ายิ่งกว่าตอนเผชิญหน้ากับเจ้านกแร้งเมื่อครู่เสียอีก
“คุณต้องการอะไร? พวกเราสามารถพูดคุยกันได้” เขาเอ่ยอีกครั้งอย่างอดทน
เขานั้นรู้ดี ราชาเปี้ยนจะกล่าวว่าต้องการให้เขาตาย นั่นคือคำพูดยามที่มีโทสะ ถ้าหากเขาตาย ราชาเปี้ยนก็จะไคว่ขว้าอะไรไม่ได้เลย
เห็นได้อย่างชัดเจนสำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน ราชาเปี้ยนต้องการเจรจาเงื่อนไข
ฉินเทียนรู้สึกว่าตราบใดที่มีเงื่อนไขให้พูดคุย นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา
ทุกคนคิดว่าราชาเปี้ยนนั้นต้องการเงินหรือไม่ก็อำนาจ ไม่ว่าใครก็คาดไม่ถึง คำพูดที่เขากล่าวออกมานั้นจะพิลึกพิลั่นขนาดนี้
“หวังตัวยวี่!”
“อีนังหนู ฟังฉันให้ดี แกในฐานะที่เป็นเด็กรุ่นหลัง ไม่จำเป็นต้องเคารพฉันในฐานะผู้อาวุโส แต่ฉันจะต้องพิจารณาถึงตงไห่กรุ๊ป!”
“แต่งงานกับตระกูลเซี่ยสำหรับพวกเราชาวตงไห่นั้นคือแผนการสำคัญในระยะยาว”
“ดังนั้น เห็ดหลินจือเลือดนี้ ฉันสามารถมอบให้แกได้ แต่ในฐานะสินสอดสำหรับการแต่งงานของแกและคุณชายเซี่ย”
“คุณพูดว่าอะไรนะ?” หวังตัวยวี่อุทานอย่างสิ้นหวัง
ราชาเปี้ยนยิ้มพลางกล่าว “ได้ยินไม่ชัดเจนงั้นหรือ? หมายความว่าตราบใดที่แกตกลงที่จะหมั้นหมายและแต่งงานกับคุณชายเซี่ย เห็ดหลินจือเลือดนี้ก็จะกลายเป็นของแก”
“ส่วนแกจะมอบมันให้กับใคร เรื่องนั้นฉันไม่สนใจ”
“เจ้าเปี้ยนแก่ คุณทำเกินไปหน่อยไหม!”
“เป็นเช่นนี้แล้ว คุณยังบังคับให้เธอแต่งงานกับเซี่ยหมิง!” หวังเจี่ยนรู้สึกโกรธเคืองอย่างอดไม่ได้ ต่อหน้าสาธารณะยากนักที่จะตะโกนเรียก “เจ้าเปี้ยนแก่”
เซี่ยหมิงนั้นเดิมทีเขาเตรียมที่จะจากไป คาดไม่ถึงเลยว่าราชาเปี้ยนนั้นจะใช้เล่ห์เหลี่ยมกลอุบายเช่นนี้ ดวงตาของเขาเป็นประกาย โดยไม่พลาดโอกาส เขาเสี้ยมเขาควายให้ชนกัน[1]ในทันใด
“ขอบคุณที่ทำให้เรื่องราวเป็นเช่นนี้”
“หลังจากที่เรื่องราวเสร็จสิ้น ฉันจะต้องให้การตอบแทนอย่างแน่นอน!”
เขาจงใจกล่าวเสียงดัง “เหล่าพี่น้องชาวตงไห่จงฟังให้ดี ตระกูลเซี่ยของฉันนั้นเป็นผู้นำแห่งทางเหนือ มั่งคั่งและเต็มไปด้วยทรัพยากรมากมาย”
“ตราบใดที่พวกเรานั้นได้เชื่อมสัมพันธ์กัน ฉันจะระดมทรัพยากรทั้งหมดมาช่วยเหลือตงไห่!”
คำพูดเหล่านี้ ต้องบอกเลยว่าสามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมากได้
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของตระกูลเซี่ยนั้นก็ประจักษ์แก่สายตาของพวกเขาแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะการกระทำของฉินเทียน เพียงแค่เจ้านกแร้งก็สามารถสยบพวกเขาทั้งหมดได้
แม้ว่าฉินเทียนจะแข็งแกร่งมาก แต่ทว่าเขาก็ทำเพื่อเห็ดหลินจือเลือด เมื่อเขาได้รับเห็ดหลินจือเลือดแล้ว เขาจะยังคงช่วยเหลือพวกเขาอย่างกล้าหาญอีกหรือไม่?
หัวใจของคนบางส่วนเริ่มสั่นคลอน
หวังตัวยวี่ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความโกรธ เธอรู้ ราชาเปี้ยนนั้นไม่สนใจเหตุผล เธอทำได้เพียงแค่เข้าหาฉินเทียนเพื่อปรึกษา
เธอจ้องมองฉินเทียน กล่าวอย่างไม่พอใจ “คุณก็เหมือนกัน! ก็แค่เห็ดหลินจือเลือดเพียงชิ้นเดียว คุณต้องการมันไปเพื่ออะไร?”
“หากต้องการเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกาย พวกเราตงไห่มีสิ่งของที่ดีอีกมากมาย คุณต้องการอะไร ฉันจะมอบให้กับคุณเอง!”
“ฟังฉัน ไม่ต้องการมันแล้วจะได้หรือไม่?”
น้ำเสียงและการแสดงออกของเธอ ราวกับดอกไม้ผลิบานในสายลมฤดูใบไม้ผลิ จิตใต้สำนึกของเธอนั้นตระหนักไปเองงั้นหรือว่าฉินเทียนกลายเป็นคนของเธอ?
หรือสามารถกล่าวได้ว่าตัวเธอเองนั้นกลายเป็นคนของฉินเทียนไปแล้ว?
เขาต้องการสิ่งของที่ดีอย่างไร เธอจะมอบให้กับเขาทั้งหมด แม้กระทั่งตัวเธอ
เธอรู้สึกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับตัวเธอเอง สิ่งของทุกอย่างภายในตงไห่จะต้องหม่นหมองและไร้สีสัน
ฉินเทียนเงียบงันไปชั่วขณะ จากนั้นกล่าว “ภรรยาของฉันป่วย ภายในระยะเวลาหนึ่งเดือน ฉันจะต้องนำเห็ดหลินจือเลือดกลับไป”
“ไม่อย่างนั้นหล่อนอาจจะไม่มีชีวิตรอด”
“คุณพูดว่าอะไรนะ?” หวังตัวยวี่ชะงักงัน รอยยิ้มบนใบหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“คุณแต่งงานแล้วงั้นเหรอ?” เธอยังคงยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นดูเสแสร้งเป็นอย่างมาก
ฉินเทียนพยักหน้า “ไม่เพียงแค่ชีวิตของหล่อนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงลูกในท้องของหล่อนด้วย”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหวังตัวยวี่นั้นจางหายไป เมื่อครู่ดอกไม้ยังคงบานสะพรั่งในสายลมของฤดูใบไม้ผลิ เพียงเสี้ยววินาที ราวกับว่าฤดูกาลนั้นได้พัดผ่านไปแล้ว
เธอก็ยังคงเป็นคนเดิมคนนั้น แต่กลับทำให้รู้สึกถึงใบไม้เหี่ยวเฉาในสายลมของฤดูใบไม้ร่วง เมื่อสายลมพัดผ่าน เศษใบไม้ก็ถูกพัดพาไปได้ทุกเมื่อ
เธอพยายามฝืนยิ้มอย่างเต็มที่ แต่ร่างกายกลับสั่นสะท้านและทรุดตัวลงไปด้านหลัง
เสี้ยมเขาควายให้ชนกัน[1] หมายถึง การยุยงให้คนอื่นทะเลาะวิวาทกัน เกิดความบาดหมางผิดใจกัน