ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล


แม้ว่าบางครั้งโถวปาหู่จะเห็นแก่ตัว แต่เขาก็ยังมีมโนธรรมรู้ผิดชอบชั่วดี นี่ทำให้สุดท้ายเขาเลือกสยบต่อโถวปาหง ในงานเลี้ยง ทุกคนเริ่มหารือเกี่ยวกับแผนการโจมตีพวกเซิก หาวิธีที่ไร้จุดบกพร่องมากที่สุด ในเวลานั้นเอง โถวปาหงพลันถอนหายใจก่อนกล่าวว่า “ตอนนี้ทัพม้าของโถวปากุ้ยอยู่ที่ตอนล่างของแม่น้ำ หากพวกเราไม่ระมัดระวังไว้ก่อน เมื่อถึงตอนที่พวกเราจัดการพวกเซิกได้ ข้าเกรงว่าแนวหลังของพวกเราคงถูกกวาดล้างทั้งหมด และพวกเราจะไม่เหลือเส้นทางถอยใดอีก” ได้ยินโถวปาหงกล่าวเช่นนั้น โถวปาหู่ก็รู้สึกโกรธแค้นขึ้นมา “โถวปากุ้ยผู้นี้ช่างต่ำช้าจริงๆ ในเวลาเช่นนี้ยังจะส่งกองทัพมาตัดทางถอยพวกเราอีก ฝ่าบาท โปรดอนุญาตให้ข้านำกำลังไปจัดการพวกมัน ข้าจะตัดศรษะโจรเฒ่านี้เพื่อเซ่นสังเวยเหล่าผู้กล้าที่พลีชีพในสงคราม” โถวปาหงเพียงยิ้มบาง “อ๋องหู่ไม่ต้องรีบร้อนไป ตอนนี้การโต้กลับใกล้เข้ามาแล้ว พวกเราไม่อาจขาดคนมากฝีมือเช่นท่าน การดำรงอยู่ของท่านสามารถสร้างขวัญกำลังใจต่อไพร่พลทั้งหมด” สิ่งที่โถวปาหงกล่าวมา โถวปาหู่ทราบว่าเป็นเช่นนั้น หากว่าโถวปาหู่ยังคงอยู่ที่นี่ ขวัญกำลังใจของชาวเมฆาทั้งหมดก็จะเพิ่มขึ้นอักโข เพราะในสายตาของชาวเมฆา ตัวเขาเป็นดั่งเทพเจ้าแห่งสงครามผู้ไร้พ่าย ที่ใดมีเขาที่นั่นมีชัย “แล้วทางด้านโถวปากุ้ยล่ะพะย่ะค่ะ? หากปล่อยพวกมันไว้จะเป็นอันตรายต่อพวกเรามากนะพะย่ะค่ะ” โถวปาหู่ไตร่ถามเมื่อเห็นว่าโถวปาหงมีสีหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อน เขาพอเดาได้ว่าโถวปาหงคงมีวิธีการรับมือในใจแล้ว เป็นดังคาด โถวปาหงชี้มือไปยังชายหนุ่มที่อายุราวสิบเจ็ดสิบแปดผู้หนึ่งพลางกล่าวว่า “ข้าและเซียวอวี๋หารือกันแล้วว่าจะส่งฉินเช่อนำทัพบางส่วนไปรับมือโถวปากุ้ย” “ฉินเช่อ?” ได้ยินดังนั้น โถวปาหู่ก็เลิกคิ้วขึ้น แน่นอนว่าเขาย่อมเคยได้ยินชื่อฉินเช่อมาก่อน ระยะนี้ ไม่มีผู้ใดในทุ่งหญ้าไม่รู้จักนามฉินเช่อ อย่างไรก็ตาม โถวปาหู่คาดไม่ถึงเลยว่าชายหนุ่มที่ดูเหมือนมาจากครอบครัวชาวนาผู้นี้จะเป็นฉินเช่อผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือผู้นั้น นอกจากนั้น เมื่อครั้งที่ฉินเช่อนำกำลังโจมตีโถวปากุ้ย เขายังมีนิสัยที่ค่อนข้างน่ารำคาญ ทำให้โถวปาหู่ไม่รู้สึกดีต่อฉินเช่อสักเท่าใด ฉินเช่อมักใช้วิธีการรบแบบกองโจร บางครั้งเขายังต้องจัดหาเสบียงให้กองทัพฝ่ายตน และส่วนใหญ่แล้วพื้นที่ของโถวปากุ้ยก็มักถูกใช้เป็นแหล่งเติมเสบียง หมู่บ้านหลายแห่งของเขามักถูกปล้นชิงอาหารไป อย่างไรก็ตาม ในฐานะเทพสงครามแล้ว โถวปาหู่ย่อมเข้าใจการรบเช่นนี้ ยามเมื่อต่อสู้กองทัพต้องมุ่งเน้นชัยชนะเป็นสำคัญ และบางครั้งก็จำต้องใช้วิธีที่ไร้ยางอาย ในฐานะชาวเมฆาแล้ว โถวปาหู่ควรจะรังเกลียดพฤติกรรมของฉินเช่อ แต่ในฐานะเทพสงครามแล้ว เขากลับชื่นชมคนหนุ่มมากความสามารถเช่นนี้ สิ่งที่ควรทำย่อมลงมือทำ ไม่ต้องสนว่าชนชาวโลกจะกล่าวเช่นไร นี่จึงจะเป็นผู้บัญชาการที่ดี เพราะอย่างไรเสีย ประวัติศาสตร์ก็ถูกเขียนโดยผู้ชนะ “ใช่ ความสามารถของฉินเช่อย่อมไม่ต้องพูดถึง แต่ตอนนี้อาจมีปัญหาที่ต้องขอความช่วยเหลือจากท่านอ๋องหู่ ข้อเรียกร้องนี้อาจเกินเลยไปบ้าง หากท่านอ๋องจะปฏิเสธก็เป็นที่เข้าใจได้ ข้าจะขอกล่าวและหวังว่าท่านอ๋องจะไม่รังเกลียด” วาจาของโถวปาหงเต็มไปด้วยการให้เกียรติ ได้ยินโถวปาหงกล่าวเช่นนั้น โถวปาหู่ก็รีบยืนขึ้นก่อนกล่าวทันทีว่า “ฝ่าบาททรงเป็นนาย กระหม่อมเป็นเพียงขุนนางใต้ฝ่าพระบาท เมื่อฝ่าบาทมีรับสั่ง กระหม่อมย่อมปฏิบัติตาม” โถวปาหู่ทราบว่าเวลานี้เป็นเวลาที่จะแสดงความภักดีแล้ว ในเมื่อเขาตัดสินใจเข้าร่วมกับโถวปาหง หากว่าเขาไม่ปฏิบัติตามก็เท่ากับเป็นการกระด้างกระเดื่องแล้ว ทั้งโถวปาหงยังกล่าวกับเขาด้วยความสุภาพ โถวปาหงผงกศีรษะก่อนกล่าวว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะกล่าวเลยก็แล้วกัน ฉินเช่อถนัดการรบระยะทางไกล เขาช่ำชองการใช้ทัพม้า ตอนนี้ในมือของเขามีทัพม้ามือดีอยู่ หากแต่จำนวนกลับมีไม่มาก ครั้งนี้โถวปากุ้ยได้ลงทุนลงแรงอย่างหนักรวบรวมกำลังมามากมาย หากว่ากองทัพที่เราส่งไปมีจำนวนน้อยเกินไป ข้าเกรงว่าการจะจัดการกองทัพของโถวปากุ้ยคงเป็นไปได้ยาก ความสามารถในด้านการรบของฉินเช่อนั้นหาตัวจับยาก ข้าเชื่อว่าด้วยกองทัพพยัคฆ์ห้าพันนายและทหารอื่นๆ เขาจะสามารถจัดการโถวปากุ้ยได้ในครั้งเดียว” ได้ยินเช่นนั้น โถวปาหู่ก็เข้าใจได้ทันที กล่าวตามตรง ทัพพยัคฆ์ทั้งหมดล้วนถูกเขาอบรมมากับมือ ทั้งหมดเปรียบเสมือนลูกๆของเขา หากผู้อื่นจะนำไปใช้เขาก็ยังรู้สึกอึดอัดใจอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม ไม่นาน ในใจของโถวปาหู่ก็คิดขึ้นว่า หากเขาส่งมอบกองทัพพยัคฆ์ออกไปในเวลานี้ เขาก็จะสามารถได้รับความไว้วางใจจากโถวปาหงมากขึ้น ในตอนแรก ความเย่อหยิ่งของเขาทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและโถวปาหงเกิดการสั่นคลอน ตอนนี้นับเป็นโอกาสอันดีแล้วที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์กลับมา แม้ว่าโถวปาหงจะยังคงให้ความเคารพต่อเขาอยู่ แต่ผู้ใดจะทราบเล่าว่าหลายปีให้หลังจะเป็นอย่างไร? เมื่อจักรวรรดิถูกรวมเข้าเป็นหนึ่งแล้ว ถึงตอนนั้นตัวเขาจะถูกคิดบัญชีหรือไม่? ทัพพยัคฆ์เป็นกองทัพที่แทบจะไม่อยู่ภายใต้อำนาจของจักรวรรดิ นั่นถือเป็นสัญญาณอันตรายอย่างหนึ่ง หากว่าไม่ได้รับความไว้วางใจจากจักรพรรดิ พวกเขาก็จะถือว่าเป็นภัยร้ายที่แฝงเร้นสำหรับจักรพรรดิ ชัดเจนว่าโถวปาหงย่อมตระหนักได้ถึงข้อนี้ โถวปาหู่พลันกล่าวอย่างฉะฉาน “ทัพพยัคฆ์เป็นกองทัพของฝ่าบาท ที่ฝ่าบาทต้องกระทำมีเพียงออกคำสั่ง ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตกระหม่อมก่อน” ได้ยินดังนั้น โถวปาหงก็ยินดี “ประเสริฐ เช่นนั้นขอให้ท่านอ๋องจัดสรรกำลังทัพพยัคฆ์ห้าพันนายต่อฉินเช่อ หลังจากนั้นไม่เกินสามวัน พวกเราจะเริ่มปฏิบัติการโต้กลับ ให้ท่านอ๋องเป็นทัพหลักนำกำลังจู่โจมเต็มกำลัง หน้าที่นี้มีเพียงท่านอ๋องและทัพพยัคฆ์เท่านั้นที่กระทำได้” ที่โถวปาหงกล่าวมาเป็นความจริง การโต้กลับเช่นนี้ การลงมือรวดเร็วถือเป็นกุญแจสำคัญ “ได้ต่อสู้เพื่อจักรวรรดิในฐานะทัพหน้าเช่นนี้ถือเป็นเกียรติต่อกระหม่อมและไพร่พลทัพพยัคฆ์ทัั้งหมด!” โถวปาหู่กล่าวอย่างภาคภูมิใจ นี่ก็คือทัพพยัคฆ์ ในปัจจุบันเขายังถือเป็นหัวใจสำคัญของกองทัพ ครั้งนี้ เขาจะให้ทุกคนได้ประจักษ์ว่าทัพพยัคฆ์เป็นเช่นไร และเหตุใดทัพพยัคฆ์จึงเป็นทัพอันดับหนึ่งของจักรวรรดิ โถวปาหงยิ้มรับพลางกล่าวว่า “ทั้งหมดต้องพึ่งท่านอ๋องแล้ว” ในงานเลี้ยง ทุกคนต่างสนุกสนานยินดี เป็นเพราะการหารือในวันนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายจึงแน่นแฟ้นขึ้น นี่ถือเป็นเรื่องดีต่อคนทั้งหมด คืนนั้น โถวปาหู่จัดสรรกำลังห้าพันนายให้กับฉินเช่อ ทั้งยังบอกคุณสมบัติพิเศษบางส่วนของทัพพยัคฆ์เพื่อให้ฉินเช่อดึงความสามารถของไพร่พลพยัคฆ์ออกมาใช้ได้ ฉินเช่อคล้ายเป็นเด็กดีที่เชื่อฟัง เขาพยักหน้ารับฟังอย่างตั้งใจ ทำให้โถวปาหู่รู้สึกประทับใจมาก โถวปาหู่คิดว่าฉินเช่อเป็นคนที่มีความสามารถมากจริงๆ ก่อนรุ่งสาง ฉินเช่อนำกำลังจากไป เพราะการศึกเป็นเรื่องเร่งด่วน ยิ่งเขาออกเดินทางได้เร็ว เขาก็ยิ่งมีเวลาเตรียมรับมือกับโถวปากุ้ย เซียวอวี๋ยังกำชับฉินเช่ออีกหลายครั้ง จากนั้นก็มอบคัมภีร์จำนวนมากไว้ให้ฉินเช่อใช้ป้องกันตัว หากว่าเผชิญหน้ากับยอดฝีมือของฝ่ายตรงข้าม สิ่งเหล่านี้จะมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด นอกจากนั้น ครั้งนี้เซียวอวี๋ยังส่งทิรันด้าและเมอีฟไปคอยช่วยฉินเช่อ ครั้งนี้โถวปากุ้ยทุ่มกำลังออกมา ฉินเช่อย่อมไม่อาจใช้วิธีการรบแบบกองโจรได้ดังเดิม และมีแนวโน้มว่าจะเป็นการรบซึ่งหน้า ดังนั้นการมอบฮีโร่ทั้งสองไปช่วยย่อมสามารถเพิ่มกำลังรบให้ฉินเช่อได้อีกมาก ทิรันด้ามีพยัคฆ์ขาวเป็นพาหนะ ซึ่งมันวิ่งได้รวดเร็วยิ่ง นั่นย่อมไม่ส่งผลกระทบต่อการเดินทัพ ส่วนเมอีฟได้ขี่อสูรเขาไปตัวหนึ่ง เซียวอวี๋เชื่อว่าด้วยความสามารถฉินเช่อ รวมกับการมีทิรันด้าและเมอีฟคอยช่วย โถวปากุ้ยย่อมไม่อาจกระทำการได้สำเร็จ ขั้นต่อไปคือการวางแผนและเตรียมตัวบุกไปยังอัลคีราฟ…..