บทที่ 731 แนสเดล ณ เรนทาโต

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

ราตรีกาลมาเยือนค่อนข้างเร็วช่วงฤดูเหมันต์ เมืองทางตอนเหนือของเรนทาโตทั้งเมืองตกอยู่ภายใต้สายลมเย็นยะเยือก ผู้ที่เดินอยู่บนถนนทุกคนต่างดึงคอเสื้อคลุมขึ้นสูงและเร่งฝีเท้าเดินไป

สำหรับพวกเขาแล้ว ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนก็คือบนท้องถนนในตัวเมืองเรนทาโตมีเสาไฟเวทมนตร์ให้ความสว่างตั้งเรียงรายอยู่ทั่ว ในอดีต มีเพียงถนนที่ผู้คนพลุกพล่านเท่านั้นที่จะมีซุ้มตะเกียง ในยามนั้น ประชาชนส่วนใหญ่จะต้องเดินกลับบ้านท่ามกลางความมืดมิด โดยมีต้นกำเนิดแสงเพียงอย่างเดียว ซึ่งอาจเป็นพระจันทร์ ดวงดาว หรือตะเกียงริบหรี่

แนสเดลลงมาจากรถไฟขบวนสุดท้ายหลังจากที่ไอน้ำลอยกรุ่น และก้าวลงมายืนบนพื้นราบเรียบของสถานีรถไฟดาวหกฉก นครเรนทาโตยังคงมีประตูและกำแพงเมืองเพื่อป้องกันภัย

ด้วยเหตุนี้ รถไฟหัวจักรไอน้ำเวทมนตร์จึงไม่สามารถเข้าไปภายในตัวเมืองได้เมื่อยามราตรีมาเยือน หลังจากที่ประตูเมืองปิดลง รถไฟจะจอดเทียบได้เพียงที่ชานชาลาชั่วคราวทางด้านนอกเมือง

แนสเดลชื่นชอบการเดินทางครั้งนี้อย่างยิ่ง มันเป็นดั่งที่ตำราว่าไว้ รถไฟหัวจักรไอน้ำเวทมนตร์รวดเร็วและสะดวกสบายอย่างมาก เขาถอนหายใจ และก็ได้เห็นไอสีขาวสายหนึ่งพวยพุ่งออกมา

เขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว สเวตเตอร์สีน้ำตาล หมวกทรงสูงสีดำ และสูทแบบกระดุมสองแถว ในมือเขายังถือไม้เท้าเอาไว้อีกด้วย เป็นรูปลักษณ์ตามแบบฉบับของชาวโฮล์ม

กล้ามเนื้อบนตัวเขาโป่งพองดันเสื้อเชิ้ต แสดงชัดว่าเขาคือบุรุษผู้มีพละกำลังอย่างยิ่ง

แนสเดลมองไปรอบๆ สถานีขณะรู้สึกเสียดายที่รถไฟหัวจักรไอน้ำเวทมนตร์ไม่สามารถวิ่งผ่านเทือกเขาไร้แสงได้ แต่บางทีดินแดนรกร้างจันทราเงินอาจเป็นตัวเลือกที่ดีก็ได้

เทือกเขาไร้แสงนั้นเต็มไปด้วยช่องว่างมิติและสัตว์อสูรแสนอันตราย เป็นไปได้อย่างยิ่งว่ารถไฟเวทมนตร์อาจไม่กลับออกมาอีกเลยเมื่อมันเข้าไปในเทือกเขาแล้ว

ดินแดนรกร้างจันทราเงินคือมิติที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเหล่ามนุษย์หมาป่า แม้มันจะมีชื่อว่ารกร้าง แต่มันกลับเป็นดินแดนรกร้างที่อุดมสมบูรณ์และเจริญรุ่งเรือง เหล่ามนุษย์หมาป่ายืนกรานจะใช้ชื่อนี้เมื่อหลายพันปีก่อน ส่วนชื่อเดิมนั้นถูกลืมเลือนไปนานแล้ว

ตัวสถานีหาได้มีอะไรพิเศษ แนสเดลดึงเสื้อสูทให้กระชับแล้วเดินออกไปจากสถานี

แนสเดลรู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่เจ้าชายดูเบนอลเลือกเขาเพื่อมาทำภารกิจนี้ ซึ่งต้องใช้ทักษะการคิดที่ผ่านการไตร่ตรองมาอย่างชัดเจนและทักษะการสังเกตที่ดีมากๆ เขาเร่งฝีเท้าขึ้นเมื่อนึกได้เช่นนั้น

เจ้าชายดูเบนอลคือบุคคลต้นแบบของแนสเดลเพราะสติปัญญาอันเฉียบแหลมและความสามารถในการวางแผน แนสเดลจึงพยายามคิดและประพฤติตัวตามแบบเจ้าชาย แม้ว่าเจ้าชายองค์อื่นๆ และเหล่าแวมไพร์จะชอบหัวเราะเยาะดูเบนอลเพราะความประมาทเลินเล่อและการคิดตื้นๆ แนสเดลก็ไม่เคยเชื่อพวกนั้น พวกมันทำเช่นนั้นก็เพราะริษยา!

ทันทีที่เขาก้าวออกมาจากสถานี ดวงตาของแนสเดลก็พลันพร่าเลือนเพราะแสงจากตะเกียงบนท้องถนน ราวกับว่าพวกมันคือดวงดาราที่กำลังทอประกายแสงอยู่ในเมือง

แสงสว่างทั้งหมดเชื่อมต่อกัน ทั้งเสาไฟฟ้าข้างถนน ตะเกียงในบ้าน ไฟหน้ารถ และไฟบนนรถม้า ทั้งหมดทั้งมวลดูสว่างเจิดจ้าและให้ความอบอุ่น แสงไฟที่เชื่อมต่อกันนี้ยังสว่างเสียยิ่งกว่าดวงดาวบนท้องฟ้า

ทางด้านหนึ่ง มีหอคอยสูงตั้งตระหง่านจากพื้นและคอยสังเกตการณ์ทั่วทั้งนครเรนทาโต ทั้งสองหอคอยตกแต่งด้วยตะเกียงคริสตัลสีขาวบริสุทธิ์และสว่างเจิดจ้า แนสเดลประทับใจกับความงามนี้อย่างยิ่ง

แนสเดลยืนนิ่งอยู่กับที่ ความสว่างไสวเข้ากอบกุมจิตใจเขา หัวใจของเขาเต้นเร็วระรัว

“เจ้ามาที่เรนทาโตเป็นครั้งแรกเช่นนั้นรึ หอคอยที่สูงกว่าอีกตึกคือหอคอยเวทมนตร์แห่งราชสำนักโฮล์ม ส่วนหอคอยที่เตี้ยกว่าคือสถานีกระจายเสียงแห่งโฮล์มและสภาคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแห่งชาติ…” คนที่เดินผ่านมาเหลือบเห็นท่าทางของแนสเดลจึงช่วยอธิบาย

‘สภางั้นรึ นั่นไม่ใช่สิ่งที่มีแค่ในสภาเวทมนตร์หรอกหรือ นี่มันยังมีสภาอื่นที่สูงกว่าสภาแห่งชาติอีกรึ’ แนสเดลเกิดคำถามมากมายขึ้นในใจ แต่เขาก็ไม่ได้ถามออกไป เขารู้สึกเสียหน้าเพราะสีหน้าขบขันของผู้ที่เดินผ่านทางมา

นั่นมันสีหน้าที่ใช้มองคนบ้านนอก! แนสเดลต้องควบคุมโทสะของตนเพื่อให้ภารกิจนี้สำเร็จลุล่วง เขาจำต้องเรียนรู้เกี่ยวกับเมืองแห่งนี้ให้มากขึ้นเพื่อแสร้งทำว่านี่มิใช่ครั้งแรกที่เขามาเยือนนครเรนทาโต

เขามีความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นส่งที่พบหาได้ยากจากบรรดามนุษย์หมาป่า

หลังจากไปรับกระเป๋าเดินทาง แนสเดลก็จ้างรถม้าและมุ่งหน้าไปยังท้องถนนแสนพลุกพล่าน

ขณะที่รถม้าแล่นผ่านจัตุรัส แนสเดลก็มองเห็นผู้คนมายืนรวมตัวกัน เขาประหลาดใจอย่างยิ่งเพื่อข้งานอกนั้นอากาศหนาวมาก พวกเขาสามารถถอดทนอยู่ท่ามกลางสายลมเย็นเยียบได้อย่างไรกัน

แนสเดลบอกคนขับรถม้าให้จอด ก่อนที่เขาจะลงมา ขณะยืนอยู่รอบนอกจัตุรัสนั้น เขาก็เห็นลำโพงขนาดใหญ่ยักษ์อยู่ตรงกลางจัตุรัส โดยที่มีเสียงแว่วหวานดังออกมาจากลำโพง

“ช่วงถัดไปคือปริศนาแห่งร่างกาย ช่วงที่ทุกๆ ท่านชื่นชอบ! คืนนี้ เราได้รับเกียรติจากท่านไวเคานต์จอห์นนนน เวลเลสลีย์ มหาอัศวินผู้มากประสบการณ์ด้านการออกกำลังกาย ท่านจะมาแบ่งปันกับเราว่าวัยรุ่นควรจะออกกำลังกายอย่างไรในขณะที่ร่างกายเรายังเติบโตไม่เต็มที่และวิธีที่ดีที่สุดในการออกกำลังกายเจ้าค่ะ”

ดวงตาแนสเดลพลันสว่างไสว เขาหยิบเอาเอกสารปึกหนาออกมาแล้วเริ่มมองหาอะไรบางอย่าง

เขาเปิดแผ่นพับไปเรื่อยๆ ขณะเงี่ยหูฟังเสียงตามสายอย่างตั้งใจ และในที่สุดเขาก็แย้มยิ้มกว้าง

‘นั่นคือเสียงแห่งอาร์คานา! ข้อมูลลถูกต้อง!’

จากนั้นแนสเดลก็ต้องตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งกับเรื่องที่ไวเคานต์แบ่งปัน เพราะสิ่งที่ไวเคานต์กำลังพูดอยู่นั้นคือวิธีการออกกำลังกายของอัศวิน ‘นั่นควรจะเป็นความลับมิใช่รึ!’

เขาตกตะลึงก็เพราะเรื่องเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นแม้แต่กับเมืองอัลโต้ที่แสนเปิดกว้าง คนทั่วไปจะต้องได้เป็นอัศวินฝึกหัดก่อนที่จะเข้าถึงความลับเหล่านี้ได้

แนสเดลนึกสงสัยอยู่ในใจว่าพวกชนชั้นสูงไม่เคยทักท้วงการเผยแพร่เรื่องประเภทเลยหรือ หรือว่าพวกเขายินยอมให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นเพื่อจะเผชิญหน้ากับศาสนจักรกันแน่ แต่ไม่นาน เขาก็หมกมุ่นกับเสียงแห่งอาร์คานาจนหลงลืมทุกอย่าง เขาไม่เคยพบเจอกับสิ่งบันเทิงใจเช่นนี้มาก่อนเลย!

ในเทือกเขาไร้แสง เพราะสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ที่โหดร้าย มันจึงเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งในการรับสัญญาณจากเสียงแห่งอาร์คานา

แนสเดลนิ่งฟังวิทยุอย่างตั้งอกตั้งใจ เขาดีใจเหลือเกินที่ได้มีโอกาสมาฟังเสียงแห่งอาร์คานาอยู่ที่นี่ เห็นได้ชัดว่ารายการวิทยุนั้นน่าสนใจมากสำหรับเขา

หลังจากที่ฝูงชนจากไป แนสเดลก็ลอบเข้าไปใกล้ลำโพงขนาดใหญ่นั้น แต่กลับไม่พบอะไรเป็นพิเศษนอกเหนือจากสายไฟและอุปกรณ์หน้าตาเรียบง่าย

เมื่อตามสายไฟไป แนสเดลก็เดินอ้อมหัวมุมหนึ่งและมาถึงกำแพงอีกฝั่งหนึ่ง เขาเห็นว่าบนกำแพงนั้นมีรูอยู่มากกว่าสิบรู จัดเป็นกลุ่มละสามรู หนึ่งกลุ่มอยู่ด้านบนและอีกสองอยู่ด้านล่าง

แนสเดลเข้าไปดูใกล้ๆ แต่ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่ารูพวกนี้มีไว้เพื่ออะไร เขาอยากจะถามใครสักคน แต่เขาไม่อยากถูกมองด้วยสายตาดูถูก จึงตัดสินใจหาคำตอบด้วยตัวเอง

ด้วยเติบโตมาในเทือกเขาไร้แสง แนสเดลรู้ดีว่าเขาจะต้องระมัดระวังตัวในทุกๆ เรื่องที่เขาไม่รู้ แม้ว่าเรื่องนั้นจะดูธรรมดามากเพียงใดก็ตาม ด้วยเหตุนี้ เขาจึงตื่นตัวระแวงระไวขณะหยิบเอาไม้เหล็กออกมาจากกระเป๋าเดินทางเพื่อใช้มันแทนนิ้วมือตนเอง

รูเหล่านั้นมีอยู่บนกำแพงโดยไร้ซึ่งฝาครอบหรือการป้องกันใดๆ ดังนั้น แนสเดลจึงเชื่อว่ามันคงไม่น่าจะอันตรายจนเกินไป

หลังจากเหลียวมองไปรอบๆ ให้แน่ใจว่าบริเวณนั้นไม่มีใคร แนสเดลก็ใช้ไม้เหล็กนั้นจิ้มเข้าไปในรู

ซี่!

กระแสไฟฟ้าพลันพุ่งมาตามไม้ขนาดเท่าเข็มแล้วปะทะกับร่างของแนสเดลในทันที ไม่มีโอกาสให้เขาหลบเลี่ยงได้เลย

ร่างของแนสเดลถูกกระแสไฟฟ้าเข้าปกคลุมทั่วตัวจนสั่นสะท้านรุนแรง พร้อมกับกลิ่นไหม้ของอะไรสักอย่าง เขาพยายามดึงไม้นั้นออก แต่กลับทำเช่นนั้นมิได้เลย

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง แนสเดลก็กลายร่างกลับเป็นมนุษย์หมาป่ากึ่งหนึ่ง กล้ามเนื้อของเขาโป่งพอง ขณะที่ควันดำแผ่รายล้อมรอบตัว จู่ๆ เขาก็ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดและดึงไม้เหล็กออกมาได้ในที่สุด

‘สายไฟ…วงแหวนเวท…’

‘นี่พวกขุนนางกับนักเวทในเรนทาโตยินยอมให้มีของอันตรายอยู่บนกำแพงกลางจัตุรัสนี้ได้อย่างไรกัน!’ แนสเดลทำไม่ได้แม้แต่จะเอ่ยปาก และเขาก็รู้สึกหัวเสียอย่างที่สุด หากว่าเขาไม่ใช่มนุษย์หมาป่าที่โตเต็มวัยแล้วล่ะก็ เขาคงจะตกตายไปแล้ว!

ในตอนที่เขาเพิ่งจะกลับสู่รูปลักษณ์มนุษย์นั้นเอง ชายหนุ่มในชุดหรูหราก็เดินมาทางเขาพอดี ฝ่ายนั้นหยิบเอาบางอย่างที่เชื่อมกับสายไฟที่โผล่ออกมาจากกระเป๋าถือของเขาแล้วเสียบมันเข้าไปในรู จากนั้นเขาก็เสียบอีกฝั่งหนึ่งกับอุปกรณ์แปรธาตุรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ดูประณีต

เมื่อเขาหันมาเห็นชายผู้หนึ่งนอนอยู่บนพื้นและกำลังมองมาทางตนเองด้วยความสับสนมึนงงเป็นที่ยิ่ง ชายหนุ่มก็แย้มยิ้มและอธิบาย “นี่คืออุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่รุ่นล่าสุดขอรับ มันไม่จำเป็นต้องมีวงแหวนเวทถาวรเพื่อให้เกิดกระแสไฟฟ้าแล้ว เพราะว่าตอนนี้มันสามารถเก็บตุนพลังงานได้ ราคาก็ลดลงมากเพราะเหตุนี้ ข้าไม่ใช่คนร่ำรวยอะไร แต่ตอนนี้ข้ากลับหาซื้อมันมาได้”

แต่ในตอนนั้นเอง เขาก็ได้กลิ่นเหม็นไหม้ที่ลอยกรุ่นอยู่ในอากาศ เขาเหลือบมองไปทางชายซึ่งนอนอยู่บนพื้น โดยที่ใบหน้ายังดูดำเมี่ยมเพราะถูกเผาไหม้อีกด้วย

“สหาย ท่านดูท่าไม่ดีเลย ท่านเพิ่งจะแตะวงแหวนเวทไฟฟ้าใช่หรือไม่”

“ไม่ เปล่า…” แนสเดลพยายามปฏิเสธ

ชายหนุ่มแย้มยิ้ม “ดีแล้วขอรับ ที่ผ่านมา ทางเสียงแห่งอาร์คานาและสภาได้โฆษณาสนับสนุนให้ผู้คนตระหนักถึงการใช้ไฟฟ้าอย่างปลอดภัยมาตลอด แม้แต่เด็กเล็กๆ ในเรนทาโตยามนี้ยังเข้าใจดีถึงความสำคัญของเรื่องนี้ จะเว้นก็แต่คนที่ไม่เคยใช้ไฟฟ้ามาก่อนก็เท่านั้น”

‘แม้แต่เด็กเล็กก็รู้เช่นนั้นรึ’ แนสเดลดีใจนักที่เมื่อครู่ตนปฏิเสธไปทันที

ด้วยความอับอาย แนสเดลจึงตัดสินใจออกไปจากจัตุรัสทันทีที่เป็นไปได้ เขาลากสารร่างกึ่งชาหนึบให้เดินช้าๆ ไปตามถนนที่เงียบสงัด

ในขณะที่เดินอยู่นั้น ไม่ทราบอย่างไร จู่ๆ เขาก็ก้าวพลาดและตกลงไปในหลุม!

ตุ้บ!

ณ จัตุรัสทางด้านบน ชายหนุ่มได้ยินเสียงบางอย่าง แต่เมื่อเขาหันไปกลับไม่เห็นอะไร

หลังจากที่เขาชาร์จไฟเสร็จ เขาก็นึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ ทางวิทยุได้ประกาศเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงใช้ถนนที่อยู่ห่างไกลและไร้ผู้คน และระมัดระวังตัวเป็นพิเศษขณะเดินเท้า เพราะช่วงนี้มีโจรที่มักมาขโมยฝาท่อน้ำเสียอยู่

………………………………….