บทที่ 6 บทที่ 79 กลุ่มวัยรุ่นกับศพ

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

“นกหวีด นั่งลง! นกหวีด ยืนขึ้น! นกหวีด หมุนตัว!”

ภายในห้องเก็บของ นกหวีดเคลื่อนไหวตามคำสั่งของชีส ‘ตัวประหลาด’ ที่ดูน่ากลัวในสายตาของสมาชิกกลุ่มวัยรุ่นจุยเฟิงอีกสามคนขยับตัวเป็นท่าทางต่างๆ นานาตามคำสั่งเหมือนกับสัตว์เลี้ยง

…ที่แสนเชื่อง

“ดูสิ นกหวีดเชื่องมาก” ชีสโบกมือให้นกหวีดมาหมอบลงข้างกายตัวเอง

แม้นกหวีดจะหมอบลง แต่ก็สูงกว่าชีสมาก ตอนนี้มันก้มหัวลงมาถูตัวของชีส

“มัน…มันไม่กัดจริงๆ ใช่ไหม?” ปีศาจแมวน้อยนีนี่ลองขยับเข้าใกล้ คิดจะยื่นมือออกไปลูบดู

มนุษย์อาจจะหวาดกลัวเป็นพิเศษ แต่พวกเขาที่เป็นปีศาจเด็กก็พบเห็นรูปร่างของปีศาจมาไม่น้อยจึงทำให้ใจกล้ากว่ามนุษย์มาก

ในตอนที่อุ้งเท้าของนีนี่เกือบจะสัมผัสนกหวีดนั้น นกหวีดกลับอ้าปากกว้างจนเห็นฟันแหลมคมขึ้นเป็นวงกลมรอบปาก ดูน่ากลัวมาก

นีนี่ร้องตกใจและหลบออกไปไกลในพริบตา

“นกหวีด ทำแบบนี้ไม่ได้นะ!” ตอนนี้ชีสตะคอกเสียงดังขึ้นมา “พวกเขาเป็นเพื่อนสนิทของฉัน ห้ามทำให้พวกเขาตกใจ! รู้หรือเปล่า?”

นกหวีดหุบปากของตัวเองเหมือนจะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง จากนั้นก็เข้าไปหมอบที่ข้างกายของชีสอีกครั้ง

“ดูเหมือนมันจะยอมสนิทกับนายแค่คนเดียวนะ ชีส!” เสี่ยวเจียงขยับแว่นตา “มันมีที่มายังไง? ดูแล้วไม่เหมือนปีศาจอย่างพวกเราเลย?”

“ฉันก็ไม่รู้” ชีสส่ายหน้า แต่ก็พูดอย่างมั่นใจเป็นพิเศษว่า “แต่ไม่ว่าจะยังไง นกหวีดก็เป็นเพื่อนของฉัน นีนี่ เธอเข้ามาลองลูบดูอีกครั้งสิ!”

ปีศาจแมวน้อยนีนี่รวบรวมความกล้าขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนขยับเข้าไปข้างกายนกหวีดและก็พบว่านกหวีดไม่ได้ต่อต้านเช่นในครั้งแรก จึงยื่นอุ้งเท้าออกไปลูบบนตัวของนกหวีดเบาๆ ได้สำเร็จ

“ว้าว! มันยอมให้ฉันแตะตัวแล้ว!”

ปีศาจแมวน้อยนีนี่ร้องออกมาด้วยความดีใจ “เสี่ยวเจียง เสี่ยวเจียง นายมาลองดูบ้างสิ!”

“ได้…ว้าว สุดยอดเลย! ตรงนี้แข็งขนาดนี้…นี่เป็นเขางั้นเหรอ” เสี่ยวเจียงเริ่มศึกษาอย่างละเอียด “ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน! แม้แต่ในสารานุกรมสัตว์ก็ไม่ได้เขียนเอาไว้! หรือเป็นสิ่งมีชีวิตพันธุ์ใหม่? น่าแปลกจริงๆ!”

ปีศาจน้อยสองตนเริ่มโอบล้อมนกหวีดและพูดคุยกันคึกคัก

ตอนนี้จุยเฟิงกลับขมวดคิ้ว “พวกนาย! ตกลงกันแล้วว่าจะออกไปสั่งสอนพวกคนข้างนอกไม่ใช่เหรอ เลิกเล่นได้แล้ว!”

“ไม่เป็นอะไรหรอก ไม่ทำวันนี้ก็เหมือนๆ กัน นกหวีดตัวนี้น่าสนุกดีออก!” นีนี่ตอบกลับมาโดยไม่หันหน้ามอง

“ใช่ๆ หัวหน้าลองมาลูบๆ ดูสิครับ!” เสี่ยวเจียงพูดต่อ

“นาย…ถ้าพวกนายไม่ไป งั้นฉันจะไปเอง!” คิดไม่ถึงว่าจุยเฟิงจะกระทืบเท้าออกไปด้วยความโมโห เขากระโดดขึ้นไปบนหน้าต่าง ก่อนพุ่งไปยังผนังด้านนอกและคลานจากไปอย่างรวดเร็ว

“วันนี้หัวหน้าเป็นอะไรไป? กินยาผิดมาเหรอ” นีนี่พึมพำออกมาอย่างไม่พอใจ

แต่ชีสกลับรีบพูดว่า “อย่าให้หัวหน้าออกไปแบบนี้เลย ฉันกลัวจะเกิดเรื่องขึ้นกับเขา พวกเราตามไปดูกันเถอะ…นกหวีด นายรออยู่ตรงนี้นะ อย่าไปไหน!”

นกหวีดกะพริบตาเกิดเสียงคลิกเหมือนว่าเข้าใจแล้ว

แล้วชีสกับเพื่อนๆ ก็รีบไล่ตามไปอย่างเร่งรีบ

ชื่อของจุยเฟิง*ไม่ได้ตั้งขึ้นมาเปล่าๆ เขาวิ่งได้เร็วเป็นพิเศษจริงๆ แม้จะเป็นบนกำแพง กรงเล็บที่แหลมคมก็ทำให้เขาสามารถจับผนังได้อย่างมั่นคง

“พวกมนุษย์เหล่านี้เชื่อมต่อสายไฟไว้ที่ไหนกัน?”

จุยเฟิงปีนมาถึงราวค้ำด้านบนเวทีอย่างรวดเร็ว จากที่นี่ทำให้เขามองเห็นเขตการก่อสร้างทั้งหมด แต่เขายังต้องคอยหลบแสงของเฮลิคอปเตอร์ที่ส่องมาเป็นระยะๆ

“เอ๋?”

จุยเฟิงมองเห็นตำแหน่งของสายไฟแล้ว แต่ขณะที่เขากำลังเข้าไปใกล้นั้นกลับมองเห็นอะไรบางอย่างวาบผ่านตรงราวค้ำด้านล่าง

จุยเฟิงกระโดดจากราวค้ำที่ตัวเองอยู่ลงไปราวค้ำด้านล่าง เพื่อไล่ตามเงาร่างประหลาดด้วยความสงสัย

อ๊ากกก!

ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวน ความรู้สึกไม่ดีเริ่มทำให้เขาระมัดระวังตัวขึ้นมา จุยเฟิงกระโดดขึ้นจากราวค้ำที่กระโดดลงมาพลาด…เสียงดังมาจากด้านบนของเขา!

ในตอนที่เขากระโดดขึ้นไปนั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นเงาร่างร่างหนึ่ง…เงาร่างมนุษย์! จุยเฟิงตกใจคิดจะถอยเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มนุษย์พบเห็นตัวเอง

แต่เขากลับพบว่ามนุษย์คนนี้มีท่าทางผิดปกติ…คนงานมนุษย์คนนี้ตกลงไปด้านล่าง!

เมื่อร่างกายของเขาตกลงบนราวค้ำก็เริ่มฉีกขาด!

ร่างกายที่ฉีกขาดตกลงทางด้านซ้ายและขวาของราวค้ำ เลือดเปื้อนอยู่ที่สองข้างราว…อวัยวะภายในร่างกายกระจายกลางอากาศ!

เป็นไปได้ยังไง!

สีหน้าของจุยเฟิงซีดขาวด้วยความหวาดกลัวในพริบตา สองขาของเขาสั่นอย่างฉับพลัน เดิมทีเขาคิดจะหนีออกจากสถานที่แห่งนี้ เพียงแต่ตอนที่เขาหันตัวกลับนั้นก็เผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่าเดิม

“จุยเฟิง นาย…”

ตอนนี้บรรดาสมาชิกกลุ่มวัยรุ่นจุยเฟิง ชีส นีนี่และเสี่ยวเจียงล้วนแต่มองมาที่จุยเฟิงด้วยสีหน้าตกใจกลัว

การมองเช่นนี้…ทำให้จุยเฟิงคิดถึงเรื่องราวต่างๆ มากมาย เขามีชีวิตมาตั้งหลายปีและในส่วนมากของชีวิตก็มักจะถูกมองด้วยสายตาแบบนี้

สงสัย ไม่เชื่อใจ…และหวาดกลัว

“ไม่…ไม่ใช่ฉัน…” ริมฝีปากของจุยเฟิงสั่น “ไม่ใช่ฉัน!”

“จุยเฟิง! มาก่อน!” ชีสตะโกนขึ้นในเวลานี้ เขามองเห็นแสงไฟด้านหน้าเฮลิคอปเตอร์กำลังเริ่มส่องหาด้านหลังจุยเฟิง

“ไม่…ไม่ใช่ฉันจริงๆ!”

“จุยเฟิง!”

ชีสไม่สนใจอะไรแล้ว เขากลัวว่าจุยเฟิงจะถูกคนพบเห็น จึงพยายามพุ่งเข้าไปหาจุยเฟิงอย่างรวดเร็ว

“นายไม่เชื่อฉัน!”

จุยเฟิงแยกเขี้ยวขึ้นมา สะบัดกรงเล็บ ฟาดเข้าใส่ชีสอย่างรุนแรง!

แควก!

กรงเล็บอันแหลมคมตัดผ่านแขนของชีสในพริบตาจนเกิดเป็นรอยแผล ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นชีสที่ได้รับบาดเจ็บหรือจุยเฟิงที่โจมตีต่างก็ตกตะลึง

พริบตาเดียวที่มีแสงสว่างจ้าส่องมาจากด้านหลัง จุยเฟิงก็รับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง

เขาส่ายหน้าอย่างไม่รู้ตัว ในสถานการณ์ที่เร่งด่วนนี้ จุยเฟิงเลือกกระโดดลงไปยังราวค้ำด้านล่าง หันกายหนีไปในพริบตา

“จุยเฟิง!” ชีสร้องเรียก แต่ขณะเดียวกันก็ถูกปีศาจแมวน้อยนีนี่กระโดดลอยตัวเข้ามาโอบกอดและพากระโดดขึ้นไปบนราวค้ำอีกราว

ปีศาจแมวน้อยว่องไวมาก รีบใช้อีกทางหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้

“เป็นอย่างนี้ได้ยังไง…อยู่ดีๆ ทำไมถึงทำให้คนตายได้?”

ชีส นีนี่และเสี่ยวเจียงกลับไปถึง ‘ฐาน’ เหล่าปีศาจน้อยที่ไม่เคยฆ่าคนมาก่อนต่างก็ไม่รู้จะทำอย่างไรขึ้นมาในทันที

เมืองนี้มีกฎที่เข้มงวดสำหรับปีศาจ ซึ่งก็คือห้ามลงมือฆ่ามนุษย์…

“ชีส นายว่าทำไมหัวหน้าเขาถึง…ฆ่า…ฆ่า…” นีนี่ตัวสั่นขึ้นมา

“ฉันไม่รู้…” ชีสส่ายหน้า มองดูแผลบนแขนของตัวเอง

“เมื่อกี้นี้หัวหน้าพูดว่าจะสั่งสอนพวกมนุษย์ พวกนายว่า คงไม่ใช่…” เสี่ยวเจียงพูดขึ้นมาอย่างลังเล

ต่อมาพวกเขาก็ลอบดูซากศพที่ตกลงพื้นแวบหนึ่ง…ซากศพครึ่งหนึ่ง ร่างของคนงานคนนี้เหมือนถูกของมีคมตัด

บาดแผลที่เฉียบคมเช่นนี้ คล้ายเกิดจากกรงเล็บของจุยเฟิงตอนตวัดกรงเล็บ…แต่สภาพแวดล้อมนั้นยุ่งเหยิงวุ่นวายและมืดเกินไป ชีสจึงไม่กล้ามั่นใจ

แต่ในตอนนั้นพวกเขากลับเห็นจุยเฟิงปรากฏตัวในที่เกิดเหตุด้วยความตื่นกลัว

“เสี่ยวเจียง อย่าเพิ่งรีบสรุปแบบนั้น!” ชีสส่ายหน้า จิตใจสับสนวุ่นวาย “ใช่แล้ว นกหวีด นกหวีดล่ะ?”

พวกเขากลับมายังห้องเก็บของอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่พบจุยเฟิง ทั้งยังเพิ่งค้นพบในตอนนี้ว่าไม่พบนกหวีดเช่นกัน

ชีสเอานกหวีดออกมาเป่าเบาๆ จากนั้นก็ได้ยินเสียง ‘พับๆ’ เมื่อบรรดาปีศาจน้อยเงยหน้าขึ้นถึงเห็นนกหวีด

ที่แท้มันก็ห้อยตัวอยู่บนเพดานเหนือศีรษะ

“ที่แท้ก็อยู่นี่…”

ชีสถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัว

“ชีส ฉันมองเห็นรถตำรวจแล้ว!” ตอนนี้เสี่ยวเจียงส่องกล้องโทรทรรศน์และชี้ไปยังถนนด้านหน้า “เลี้ยวอีกครั้งก็จะถึงหน้าประตูสนามกีฬาแล้ว!”

“พวกเรา…พวกเราออกไปจากที่นี่กันก่อน!” ในตอนนี้ชีสได้เพียงแค่เสนอแบบนี้เท่านั้น

*จุยเฟิงแปลว่าไล่ตามลม