ตอนที่ 170 โดย Ink Stone_Romance
ตอนที่ 170 โชคชะตาฟ้าลิขิต (5)
อี้เป่ยซีซุกอยู่ในอกของเขาอย่างสบายใจ มือวางอยู่บนมือของลั่วจื่อหาน รู้สึกได้ถึงความเงียบสงบที่เขามอบให้เธอ “อืม จริงสิ วันนี้มู่ลี่ไป๋โทรมาที่บ้าน เหมือนบอกว่าจะขอบคุณนายอะไรนี่แหละ”
ลั่วจื่อหานตอบว่า อืม ไม่ได้พูดอะไรต่อ
“พวกนายสองคนทำอะไรลับหลังฉัน?”
ลั่วจื่อหานวางมือลงบนท้องของอี้เป่ยซี น้ำเสียงมีความขี้เล่น “ฉันจะกล้าทำอะไรได้”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา อี้เป่ยซีกลับขึงขังทันที เธอลุกขึ้นมาจากเตียง “ฉันรู้สึกมาตลอดว่าช่วงนี้นายแปลกๆ ตอนแรกฉันนึกว่าพอท้องแล้วก็มีผลกระทบในด้านจิตใจ…นาย เจอเรื่องอะไรกวนใจหรือเปล่า?”
ลั่วจื่อหานก็ลุกขึ้นนั่งด้วย หยิกๆ แก้มของเธอด้วยความผ่อนคลายมาก เพราะว่าตั้งท้อง ระยะหลังนี้อี้เป่ยซีจึงเจริญอาหารเป็นพิเศษ แก้มที่มีเนื้ออยู่แล้วยิ่งอ้วนกลมกว่าเดิม ในเวลานี้ทำให้เขาไม่อยากจะปล่อยมือ เขากอดเธอไว้ในอ้อมแขนตัวเอง วางคางไว้บนศีรษะของอี้เป่ยซีเบาๆ
ช่วงนี้มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ? บางทีในสายตาของเธออาจจะใช่ แต่ว่าในสายตาของลั่วจื่อหาน นอกจากเรื่องของอี้เป่ยซีแล้วอย่างอื่นก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องอะไร แม้ว่าระยะหลังนี้จะเจอเรื่องที่ชวนให้ไม่มีความสุขเท่าไรนัก แต่เขาก็ซ่อนเร้นความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้แล้ว หรือว่ายังทิ้งร่องรอยอะไรต่อหน้าเธองั้นเหรอ? หรือว่าเพราะเธอแบกรับชีวิตน้อยๆ เอาไว้ ฉะนั้นจึงอ่อนไหวมากขึ้น
นี่ไม่ใช่เรื่องดีเลย
“ช่วงนี้ฉันรู้สึกแปลกๆ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจริงๆ ใช่ไหม?” อี้เป่ยซีมองดูมือของลั่วจื่อหาน ฝ่ามือนั้นกว้างใหญ่ ทุกลายเส้นที่อยู่ด้านบนนั้นชัดเจนมาก เธออดไม่ไหวที่จะเอื้อมมือจิ้มไปตามเส้นพวกนั้น แต่ในใจยังคงรู้สึกสับสนเล็กน้อยราวกับว่ามีบางอย่างขาดหายไป
มันเกี่ยวกับเธอหรือเปล่า? เหมือนกับที่คุณแม่พูดว่าผู้ใหญ่ที่บ้านของลั่วจื่อหานจะไม่ยอมรับเธอ มือของเธอหยุดนิ่ง คบกับลั่วจื่อหานไม่ทันไร เมื่อไรกันนะที่ตัดสินใจว่าจะเดินหน้าโดยไม่ลังเลแบบนี้และจะอยู่ด้วยกันโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น? เมื่อก่อนก็เตือนสติตัวเองอยู่เสมอไม่ใช่เหรอว่าต้องระวัง ต้องระวัง ทำไมถึงหักห้ามใจตัวเองไม่ได้ซะแล้ว
เธอกวาดสายตาไปที่ท้องของตัวเอง “มัน เกี่ยวกับฉันหรือเปล่า”
ลั่วจื่อหานนวดๆ หัวของเธอ “เป่ยซี เลิกคิดมากได้แล้ว”
“แต่ว่า”
เขาถอนหายใจ พูดแทรกอี้เป่ยซี “เป่ยซี เธอสบายดีก็พอแล้ว ถ้าเรื่องแค่นี้ยังจัดการไม่ได้ ต่อไปฉันจะดูแลพวกเธอสองแม่ลูกให้ดีได้ยังไง คิดซะว่าเป็นบททดสอบของฉันสักครั้งก็แล้วกัน? ไม่เชื่อว่าฉันจะแก้ปัญหาได้อย่างสวยงามเหรอ?”
อี้เป่ยซีส่ายหน้า พบว่าตัวเองกังวลเกินความจำเป็นแล้ว เธอมีอะไรให้น่าคิดกัน เรื่องของเธอกับลั่วจื่อหานเกี่ยวอะไรกับคนอื่น เธอแค่เชื่อใจเขาก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ?
เธอปลอบประโลมตัวเองแต่ยังคงไม่สบายใจอยู่บ้าง พิงอยู่ในอ้อมอกของลั่วจื่อหาน ผ่านไปสักพักใหญ่จึงผล็อยหลับไป
จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น อี้เป่ยซีตื่นนอนตั้งแต่เช้าแล้ว และเนื่องจากลั่วจื่อหานมีประชุมกับหุ้นส่วนก็ออกไปตั้งแต่เช้าแล้วเหมือนกัน อี้เป่ยซีลงมาชั้นล่างอย่างเบื่อหน่าย พบว่าคุณน้ากำลังเก็บของอะไรบางอย่างอยู่ในห้องรับแขกที่ชั้นหนึ่ง
“มีอะไรเหรอคะ?” คุณน้าคนนั้นราวกับถูกทำให้ตกใจครั้งใหญ่ กล่องที่เพิ่งเก็บอย่างดีกระจัดกระจายเสียแล้ว อี้เป่ยซีมองดูท่าทีลับๆ ล่อๆ ด้วยความสงสัยเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ
“คุณน้าฉิน น้ากำลังทำอะไรคะ?”
คุณน้าท่านนั้นถูมืออย่างเก้ๆ กังๆ เล็กน้อย เมื่อคืนคุณหนูเยี่ยที่อยู่ที่นี่ไหว้วานให้เธอช่วยส่งกระเป๋าไปให้ ไม่รู้ว่าทำไมยังกำชับตลอดเวลาว่าห้ามให้คุณนายกับคุณหนูรู้ เธอรู้ว่าไม่อยากให้คุณนายรู้เพราะกลัวว่าคุณนายจะเสียใจ แต่กลับไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวอะไรกับคุณหนู เยี่ยฉินเป็นมิตรกับพวกเธอมาก และเธอก็ยินดีเป็นอย่างมากที่จะช่วย ในเมื่อเยี่ยฉินพูดแบบนี้แล้ว เธอก็กันคุณหนูไว้หน่อยก็คงจะพอ ใครจะรู้ว่าวันนี้คุณหนูตื่นเช้า เธอเหมือนกับเป็นหัวขโมย ไม่รู้ว่าจะต้องพูดอย่างไร
“ฉันกำลังช่วยคุณหนูก่อนหน้านี้เก็บของ”
“ฉันจำได้ว่าตอนที่กลับมา ข้าวของของเขาก็ถูกจัดเรียบร้อยแล้ว” อี้เป่ยซีมองดูคุณน้าที่ข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่ “เพราะเขาขอให้คุณน้าช่วยส่งกลับไป คุณน้ากลัวว่าแม่จะเห็นก็เลยแอบมาเก็บของตรงนี้?”
คุณน้าฉินพยักหน้าด้วยความซาบซึ้ง “ใช่ค่ะ คุณหนูอย่าบอกคุณนายนะคะ คุณนายชอบคุณหนูเยี่ยคนนี้มากจริงๆ”
เดิมทีอี้เป่ยซีไม่ได้คิดอะไร เธอช่วยจัดของเข้าไปในกระเป๋า เอ่ยถามตามอำเภอใจ “ผู้หญิงที่คุณแม่ชอบคนนั้นแซ่เยี่ยเหรอ?”
คุณน้าพยักหน้า ยังคงจัดของอย่างคล่องแคล่ว
“เยี่ยอะไร?”
“เยี่ยฉิน”
มือของอี้เป่ยซีสั่นครู่หนึ่ง ทำไมถึงมีเรื่องบังเอิญแบบนี้ได้ เสื้อผ้าในมือของอี้เป่ยสั่น วินาทีต่อมาสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นซีดขาวอย่างไร้ที่เปรียบ เสียงของเธอก็สั่นเครือเช่นกัน “ใช่ ใช่ที่มาจากประเทศ C หรือเปล่า? ผอมๆ สูงๆ คุณหนูเยี่ยที่มีดวงตาใสสะอาดมากๆ?”
คุณน้าฉินไม่ได้คิดมาก รับเสื้อผ้ามากจากมือของอี้เป่ยซี “ใช่ค่ะ มาจากประเทศ C ดวงตาลึกซึ้งมากๆ แต่ว่าเทียบกับคุณหนูของพวกเราแล้ว ยังต่างกันมาก”
“น้า น้ามีรูปของเขาหรือเปล่า?” คุณน้าฉินแปลกใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ คุณหนูของตัวเองถึงได้สนใจเด็กผู้หญิงที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนมากขนาดนี้ บางทีอาจจะอยากรู้ว่าทำไมแม่ของตัวเองถึงชอบเขามากล่ะมั้ง คุณน้าฉินไม่ได้คิดอะไรมาก หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาแล้วค้นหารูปรูปหนึ่ง เห็นว่าสีหน้าของคุณหนูของตัวเองแย่ลงเรื่อยๆ โทรศัพท์เลื่อนหลุดจากมือของเธอและร่วงลงบนตักของเธออย่างจัง แต่เธอไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลย
“คุณหนูคะ คุณหนู”
อี้เป่ยซีเก็บโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจากพื้นอย่างเหม่อลอยเล็กน้อย ส่งให้คุณน้าฉิน “อ๋อ ไม่มีอะไรค่ะ น้า น้าเก็บของเถอะ ฉัน ฉันขอกลับไปก่อน” พูดจบก็เดินจากไปด้วยความว่องไว
อี้เป่ยซีไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาที่ห้องของตัวเองได้อย่างไร แม้แต่เสียงที่ลั่วจื่อหานกลับมาก็ไม่ได้ยิน
“เป่ยซี?”
เธอดึงสติกลับมา พูดไม่ถูกว่าในใจรู้สึกอย่างไร
คุณแม่บอกเธอว่าอะไรนะ บอกว่า ว่าเวลาเหลือไม่มากแล้ว? เป็นไปไม่ได้ เยี่ยฉินเป็นเด็กดีขนาดนั้น ทำไมถึงจะต้องจากไปทั้งแบบนี้ ทำไมถึงไม่ยุติธรรมแบบนี้ เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นเธอแน่นอน
เธอส่ายหัวช้าๆ สองสามที ลั่วจื่อหานเห็นท่าทางที่เหม่อลอยของเธอ ขมวดคิ้ว เดินเข้าไปหาเธอ เมื่ออี้เป่ยซีได้กลิ่นที่หอมคุ้นเคยจึงค่อยๆ สงบสติลง
“เป็นอะไรไป?”
“จื่อหาน” เธอรู้สึกว่าลิ้นของตัวเองแข็งไปแล้ว เกือบจะลืมวิธีพูดไปแล้ว “นายรู้ไหมที่แม่ ที่แม่พูดหลายวันก่อน…” ลั่วจื่อหานได้ยินประโยคหลังของเธอไม่ค่อยถนัด แต่กลับรู้สึกว่าหลังมือของตัวเองเปียกชื้น
“เป่ยซี”
“ฉันไม่เข้าใจ เพราะอะไร เยี่ยฉินเป็นคนดีแบบนั้น…เขาดีแบบนั้น…”
————