ตอนที่ 171 โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 171 โชคชะตาฟ้าลิขิต (6)

             ลั่วจื่อหานกอดเธอไว้ในอ้อมแขน ปล่อยให้น้ำตาของเธอร่วงอยู่บนเสื้อของตัวเอง

            “ฉัน ฉันอยากไปเยี่ยมเขา”

            “ได้”

            “เขาจะไม่เป็นไรใช่ไหม” ดวงตาของอี้เป่ยซีแดงก่ำ ดวงตาที่มองลั่วจื่อหานเต็มไปด้วยความต้องการที่พึ่งพิงและรอคอย เขาอดไม่ได้ที่จะกลืนคำพูดก่อนหน้านี้ลงไป พยักหน้า

            “จะไม่เป็นไร”

            ขณะที่เยี่ยฉินลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตัวเองถูกมู่ลี่ไป๋ส่งมาที่โรงพยาบาลแล้ว ไฟที่อยู่ด้านบนค่อนข้างเยือกเย็นจนทำให้รู้สึกระคายเคืองตา เธอค่อยๆ ปรับตัวให้เข้ากับแสง หันไปก็เห็นคนที่นอนฟุบอยู่ข้างเตียง

            มู่ลี่ไป๋ราวกับว่าฝันไม่ดีนัก คิ้วขมวดกัน เยี่ยฉินอดไม่ไหวที่จะยื่นมืออกไป แต่หยุดชะงักวินาทีก่อนที่จะสัมผัสตัวเขา

            ดึงมือของตัวเองกลับมาด้วยความนุ่มนวลที่สุด

            เยี่ยฉินเอ๋ย ตอนนี้เธอกำลังคิดอะไรอยู่?

            เธอมองไปที่มู่ลี่ไป๋

            แล้วตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่?

            เมื่อก่อนบอกว่าจะไม่มีวันมาเจอเธออีกแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่กลัวว่าเธอจะเข้าใจผิดหรอกเหรอ ตอนนี้ทำไมถึงมาอยู่ข้างกายเธอได้ ทำไมถึงอยากให้เธอรับการรักษา

            เยี่ยฉินมองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้ามืดหม่นเล็กน้อย ไม่สามารถบอกเวลาตอนนี้ได้อย่างชัดเจน เธอหันไปมองคนที่อยู่ข้างเตียงอีกครั้ง ตอนนี้ผ่านไปแปดปีแล้ว ใบหน้าของมู่ลี่ไป๋โดยรวมไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก เพียงแค่มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เย็นชามากขึ้น

            พวกเขาทั้งสองคนเลือกที่จะแยกทางกันตั้งแต่เมื่อไรกันแน่นะ? เมื่อก่อนเยี่ยฉินมักจะนึกอยู่เสมอแต่ทำอย่างไรก็นึกไม่ออก เธอไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงกะทันหันแบบนี้ ไม่อยากจะเชื่อว่าพฤติกรรมทั้งหมดเป็นเพียงแค่การแสดง เธอไม่รู้ว่ามู่ลี่ไป๋ได้อะไรจากตัวเธอด้วยความเพียรพยายามอย่างนี้

            เธอหรี่ตาลง ซ่อนเร้นความรู้สึกของตัวเองที่กำลังจะท่วมท้นขึ้นมาอีกครั้ง มือของมู่ลี่ไป๋ขยับ เยี่ยฉินรีบหลับตาลง

            มู่ลี่ไป๋มองคนที่อยู่บนเตียง สีหน้าของเยี่ยฉินขาวซีดเนื่องจากอาการป่วย เธอซูบตอบลงมาก การหายใจก็แผ่วเบาราวกับว่ามันจะหายไปโดยสิ้นเชิงในวินาทีต่อมา ให้ความรู้สึกเหมือนใกล้จะโปร่งใส

            เขายื่นมือออกไปหยิบผมที่ติดมุมปากของเยี่ยฉินออก ริมฝีปากของเธอก็ไร้สีเลือดและแห้งผาก เมื่อลูบผ่านผิวหนังก็ให้สัมผัสหยาบกร้านเล็กน้อย แต่มันยังทำให้หัวใจของมู่ลี่ไป๋สั่นไหว

            ตอนนี้มีอะไรที่รั้งคุณได้บ้าง? ทำไมถึงไม่อยากลอง มันเป็นการดีกว่าที่จะจากไปมากกว่าที่จะเจอผมอีกครั้งจริงๆ เหรอ?

            เยี่ยฉิน เพียงแค่ เพียงแค่คุณยอมที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ผม ผมทำอะไรก็ได้ จะให้ผมไม่โผล่มาให้คุณเห็นหน้าอีกก็ได้ แต่ว่าทำไมต้องเด็ดขาดกับตัวเองแบบนี้ ผมต้องทำยังไงถึงจะทำให้คุณอยู่ต่อได้

            ดูเหมือนว่าเขาไม่เคยมีวิธีที่จะรั้งเธอไว้ได้เลย

            น้ำตาหยดหนึ่งร่วงแหมะอยู่บนใบหน้าของเยี่ยฉิน ขนตาของเธออดไม่ได้ที่จะสั่นไหว ดวงตาของมู่ลี่ไป๋มีความลนลานทำตัวไม่ถูกอยู่ชั่วขณะ เขากลั้นหายใจ ลืมการเคลื่อนไหวของตัวเอง เมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ด้านล่างไม่ตื่น จึงถอนหายใจเบาๆ

            เยี่ยฉิน คุณต้องการอะไรกันแน่ จะให้ผมทำยังไงกันแน่?

            มู่ลี่ไป๋หลับตา ภาพในอดีตประดังเข้ามาในสมองของเขาชั่วขณะหนึ่ง วันเวลาที่ฟังเพลงอยู่บนรถ รอยยิ้มของเยี่ยฉิน เวลาที่เขาสารภาพรัก ท่าทางน่ารักของเยี่ยฉินที่ทำตัวไม่ถูก เมื่อนึกถึงความทรงจำแสนหวานในอดีต มุมปากของมู่ลี่ไป๋ก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้ม รอยยิ้มค่อยๆ แข็งทื่ออยู่บนใบหน้า คิ้วก็ขมวดกันแน่นกว่าเดิม

            “แม่ ผมไปไม่ได้นะครับ”

            “แม่คุยกับมหา’ลัยของลูกแล้ว พวกเขาก็อนุมัติแล้ว มหา’ลัยที่ประเทศ U ก็ส่ง offer มาแล้ว มู่ลี่ไป๋ ลูกจะทำให้ความพยายามทั้งหมดของแม่หลายปีนี้สูญเปล่าเพื่อประโยชน์ของตัวเองไม่ได้หรอกนะ”

            “นั่นเป็นความคิดของแม่ มันไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากทำตั้งแต่แรก แม่ก็แค่อยากใช้ผมไปทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ทั้งๆ ที่แม่เองก็ไปสอนต่อได้ นั่งอยู่ในตำแหน่งที่สูงที่สุดได้ แต่ว่าทำไมต้องทำลายทุกอย่างของผมด้วย” ดวงตาของมู่ลี่ไป๋แดงก่ำเนื่องด้วยความตื่นเต้น แม่ของเขาตัวสั่น เสียง ‘เพี๊ยะ’ ดังขึ้น ทั้งสองคนต่างยืนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น

            คุณแม่มองมือของตัวเองด้วยความตื่นตกใจเล็กน้อย ยังคงมองลูกชายของตัวเองด้วยความหนักแน่น “แม่จะไม่ปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นทำลายอนาคตของลูกอย่างเด็ดขาด”

            “ที่แม่ทำต่างหากคือการทำลายชีวิตของผมจริงๆ”

            เธอยิ้มอย่างเย็นชา เดินออกไปจากห้องทีละก้าว ปิดประตูแล้วล็อค การกระทำนั้นง่ายดายราวกับว่าได้ซ้อมอยู่ในหัวนับครั้งไม่ถ้วน

            “แม่ แม่จะทำไม่ได้นะ”

            “ลูกคิดดูให้ดี แม่ต้องไปคุยกับแฟนสาวตัวน้อยของลูกคนนั้น”

            เธอสาวเท้าจากไป ไม่สนใจเสียงร้องตีโพยตีพายที่อยู่ด้านหลังตัวเอง เมื่อลงบันไดขั้นสุดท้ายแล้ว เธอมองขึ้นไปที่ราวบันไดบนชั้นสอง ดวงตาที่ขุ่นมัวอยู่แล้วมีความผิดหวังอันหนักอึ้ง

            มู่ลี่ไป๋อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา ตอนนี้ตัวเองเป็นแบบนี้แล้ว คุณแม่ก็คงจะพอใจมากแล้วสินะ ทำทุกสิ่งที่เธอต้องการให้เขาทำแล้ว ได้นั่งอยู่ในตำแหน่งที่เธอต้องการมากที่สุดแล้ว…

            “เยี่ยฉิน…คุณอยู่ที่ไหน ทำไมเสียงดังจังเลย” เขาหยิบโทรศัพท์มือถือที่หลอกมาจากคุณน้าในบ้าน รีบกดหมายเลขที่คุ้นเคยอย่างรวดเร็ว

            “คุณชายผู้สูงส่ง? หาฉันมีอะไรคะ รู้สึกว่าชีวิตน่าเบื่อเหรอ อยากได้อะไรจากตัวฉันอีก?”

            “คุณอยู่ที่ไหน?”

            “ฉันจะอยู่ที่ไหนได้ล่ะ คนยากจนธรรมดาที่ไม่มีความสามารถอย่างพวกเราจะไปอยู่ที่ไหนได้ ก็ต้องอยู่ในสถานที่สวยหรู แอบซ่อนความพ่ายแพ้ของตัวเอง เพื่อไปหลอกล่อเจ้าชายผู้สูงส่งแบบคุณยังไงล่ะ”

            เขาได้ยินเสียงหัวเราะไม่เกรงใจของเยี่ยฉิน เขาก็พอจะจินตนาการได้ว่าตอนนี้เธออยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหน เมื่อได้ยินเสียงผู้ชายที่พูดคุยกับเธออยู่ข้างๆ มู่ลี่ไป๋แทบอดไม่ไหวที่จะปรากฏตัวต่อหน้าเธอในตอนนี้ แล้วผลักไสคนที่อยู่รอบข้างเธอทั้งหมดไปซะ

            “กลับบ้าน” เขาข่มความโกรธไว้ในใจ พยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบที่สุด

            “อ๋อ กลับบ้าน พวกคุณอยากกลับบ้านกับฉันไหม?”

            การยั่วยุที่อาจหาญและโจ๋งครึ่ม ทำให้ข้อนิ้วของมู่ลี่ไป๋ซีดขาวเล็กน้อย “เยี่ยฉิน อย่าให้ผมพูดเป็นรอบที่สอง ตอนนี้รีบออกไปจากที่นั่นเดี๋ยวนี้ กลับบ้านไปซะ”

            “ฮ่าๆๆ ทำไมล่ะ แค่อนุญาตให้คุณเล่นสนุกกับคนอื่นได้ ฉันมีโอกาสก็เล่นสนุกบ้างไม่ได้เหรอ? มู่ลี่ไป๋ คุณคิดว่าคุณเป็นใคร ฉันเยี่ยฉินทำไมต้องสนใจคุณขนาดนั้นด้วย”

            “ฉันเหนื่อยกับคุณมานานแล้ว คุณก็เป็นเพียงเจ้าชายหน้าโง่ที่คิดว่าตัวเองเก่งนักเก่งหนา คุณไม่รู้อะไรสักอย่าง คุณไม่รู้ว่าคนคนนึงก็เสียใจเป็น คุณไม่รู้ว่าต้องปฏิบัติต่อความรู้สึกด้วยความจริงใจ ตอนนี้ฉันจะบอกคุณให้นะ ระหว่างพวกเราสองคนมันจบแล้ว”

            ยังไม่ทันรอให้มู่ลี่ไป๋พูด ทางนั้นก็วางสายไปแล้ว มู่ลี่ไป๋ขว้างโทรศัพท์มือถือลงบนเตียงอย่างแรง มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ตัวเองลงทุนไปมากขนาดนั้น ไม่ลังเลที่จะต่อสู้กับครอบครัวของตัวเองเพื่อเธอ เพราะอะไรเธอถึงตัดความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาแบบนี้ เพราะอะไร

        แม้คนที่บอกลาก็ควรจะเป็นเขา

————