ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
Facebook Fanpage กดเลย
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
สารบัญ ARK [จบแล้ว]
สารบัญ จอมมารสะท้านภพ (เรื่องใหม่)
สารบัญ ราชันเทพเก้าสุริยัน
••••••••••••••••••••
บทที่ 297: อัปราชัย (3)
อย่างไรก็ตามซ่งจงกล่าวเย้ยหยันต่อ “กลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออก มีแต่ชื่อเสียด้านเสื่อมๆ ไร้อารยะธรรม เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและเห็นแก่ตัว แต่ในตอนนี้ท่านกำลังทำตัวเป็นสุภาพบุรุษผู้ไร้มลทินงั้นเหรอ?” ผู้นำดงไห่ได้ยินเช่นนั้น เขาหมดคำจะเถียงโดยสมบูรณ์
แม้ว่าเขาจะทำความสะอาดร่างกายอย่างดีเยี่ยม
แต่ไม่สามารถกู้คืนชื่อเสียงที่เสียหายได้เลย ในตอนนี้เขากำลังถูกซ่งจงก่นด่าอย่างเจ็บแสบ ความคับแค้นเพิ่มพูดขึ้นภายในใจจนล้นเอ่อ อากาศรอบบริเวณเริ่มสั่นไหว ร่างกายของเขาสั่นเทาด้วยความโกรธที่ไม่สามารถเก็บไว้ได้
เอ๋าเทียนเห็นเช่นนั้น เขารีบกล่าวแทรกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “ดงไห่ เจ้าอย่าพยายามโต้แย้งกับฝ่าบาทเลย! กล่าวอย่างเลวร้ายมนุษย์นั้นหาได้มีความน่าเชื่อถือไม่! ที่ผ่านมาเรานั้นจับตาดูเจ้ามาเนิ่นนาน ภายในหัวใจของเจ้าคิดถึงแต่การทรยศ จริงหรือไม่? แต่อสูรกายนั้นหาได้มีเช่นนั้นไม่ เจ้าเข้าใจรึเปล่า?” เมื่อฟังเอ๋าเทียนอธิบาย ดงไห่หมดคำพูดในทันที
ก่อนหน้านี้สงครามของจักรพรรดิทะเลตะวันออกกับกลุ่มพันธมิตรนั้นได้เกิดขึ้นตลอดเวลา แต่ก็มีบางสิ่งที่ทั้งสองจะต้องหารือกันอยู่บ่อยครั้งอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
ตัวอย่างเช่นการแลกเปลี่ยนตัวของเชลย หรือการแลกเปลี่ยนซื้อขายวัสดุต่างๆที่จำเป็นและเรื่องส่วนตัว
แต่ในธุรกิจลับของทั้งคู่ ผู้ฝึกตนมนุษย์นั้นไม่ยอมเปิดเผยใบหน้าของตนเองอย่างชัดเจน ทั้งหมดเต็มไปด้วยกับดัก สิ่งต่างๆล้วนแต่ไร้ยางอายและไร้ความยุติธรรมในการซื้อตาย เป็นเช่นนี้ตลอดมา
เมื่อเทียบแล้ว เผ่าอสูรกายนั้นไม่เคยซับซ้อนเช่นนั้นเลย พวกเขาไม่เคยมีเล่ห์เหลี่ยม
หลังจากเปรียบเทียบกันแล้ว ผู้นำดงไห่ไม่สามารถยื้ดเยื้อได้อีกต่อไป เขาเผยรอยยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “มีแต่เราเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด เอาล่ะ ลืมเรื่องในอดีตเสียเถิด! ในครั้งนี้ข้าจะเชื่อใจเจ้าอีกครั้ง หวังว่าเจ้าชายของเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง!”
“เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว เต่าชราเช่นข้ากล่าวแล้วไม่เคยผิดคำพูด ชื่อเสียงของข้านั้นยาวนานกว่าพันปี!” เอ๋าเทียนกล่าวอย่างมั่นใจ
แต่แท้จริงแล้วซ่งจงนั้นรังเกียจพฤติกรรมของเขาอย่างมาก จึงกล่าวออกมาอย่างเย้ยหยัน “ข้าก็อยากจะลองทำอย่างเช่นที่เจ้าเคยทำกับพวกเราเมื่อครั้งก่อน แต่ทว่ามันไม่คุ้มที่จะเอาศักดิ์ศรีไปแลก!” แม้ว่าซ่งจงจะกล่าวออกมาเพื่อแซะดงไห่ แต่เมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น ทำให้ยิ่งรู้สึกโล่งใจมากขึ้นแทนที่จะโกรธ
เพราะว่าเขานั้นเข้าใจได้ดี ซ่งจงนั้นอยู่ในสถานะเจ้าชายแห่งทะเลตะวันออก มันไม่คุ้มค่าอย่างยิ่งที่จะทำในตนเองเสียชื่อเสียง
เมื่อคิดเรื่องนี้ ผู้นำดงไห่นั้นสบายใจมากขึ้นกว่าเดิมมากโข
เขาเผยยิ้มบางพร้อมกล่าวต่อ “ยอดเยี่ยม ถ้าเช่นนั้นนี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการ!” จากนั้นผู้นำดงไห่ยื่นมือซ้ายออกมา ปรากฏสัญลักษณ์หยกขึ้น
ซ่งจงใช้สัมผัสวิญญาณตรวจสอบมันทันทีและพบว่ามันเป็นสัญลักษณ์บางอย่างพร้อมกับมีเนื้อหาด้านใน
ภายในยันต์หยกนั้นไม่มีอะไรมาก ซึ่งซ่งจงได้อ่านทุกอย่างจบอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ใช้สัมผัสวิญญาณตรวจสอบมันแล้ว ซ่งจงยืนมองหน้าเขา เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายที่เกิดขึ้น บางครั้งก็สับสน บางครั้งก็แปลกใจ บางครั้งก็กังวล
เหลยซานเอ๋อเห็นเช่นนั้นและคิดว่าซ่งจงนั้นกำลังสับสนบางอย่าง
นางดึงแขนของซ่งจงออกมาพร้อมกล่าวอย่างห่วงใย “ฝ่าบาท เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ไม่มีอะไรหรอก แต่มีบางอย่างทำให้ข้ารู้สึกไม่มั่นคงน่ะ!” ซ่งจงตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม
“ฝ่าบาท ท่านกำลังคิดว่ายันต์หยกนั้นเป็นของปลอมงั้นหรือ?” เอ๋าเทียนถามตอบอย่างกังวล
“มันน่าจะเป็นของจริง!” ซ่งจงสรุปออกมาอย่างร่าเริง
“ยอดเยี่ยม!” เอ๋าเทียนกล่าวต่อ “ในตอนนี้เราควรจะเอาขวานออกมาก่อนเพื่อตรวจสอบมัน”
“ไม่จำเป็น!” ซ่งจงโบกมือพร้อมกล่าวต่อ “ในหยกนั้นมีรายละเอียดมากมาย อายุของมันยาวนานกว่าพันปี มันไม่สามารถปลอมแปลงได้อย่างรวดเร็ว ข้าคิดว่าผู้นำดงไห่คงจะไม่หลอกลวงเรา!” ผู้นำดงไห่ได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวขึ้นมา “พวกเราไปได้หรือยัง?” ระหว่างที่พูดเช่นนั้น เขาและศิษย์ต่างพากันจ้องมองไปที่ซ่งจงอย่างกดดัน เพราะกลัวว่าเขาจะผิดสัญญา
ซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาฉีกยิ้มกว้างพร้อมกล่าว “ผ่อนคลายเถอะ ข้าคือซ่งจง!” จากนั้นซ่งจงออกคำสั่งทันที “ปล่อยผู้นำดงไห่และคนที่เป็นศิษย์ของเขาทั้งหมด!” เมื่อซ่งจงออกคำสั่งเช่นนั้น อสูรกายรับคำสั่งและเริ่มเปิดทางให้กับดงไห่ทันที
ผู้นำดงไห่เห็นเช่นนั้น เขารู้สึกยินดีอย่างยิ่ง อิสระภาพครั้งนี้จะเป็นเรื่องที่เขาจะจดจำไปจนตาย!
ผู้นำดงไห่นั้นดีใจจนไม่สามารถควบคุมรอยยิ้มบนใบหน้าไม่ได้ แต่เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ เขาไม่ตายแต่กลับได้รับอิสระ แล้วใครจะสามารถใจกว้างได้เท่านี้กัน? ก่อนที่เขาจะเดินออกไป เขาไม่ลืมที่จะคำนับให้ซ่งจงด้วยความตื้นตัน พร้อมกล่าวว่า “เจ้านั้นอายุน้อยแต่ทว่ามีจิตวิญญาณที่ยอดเยี่ยม ข้าขอชื่นชมเจ้าจากใจจริง ด้วยเหตุการณ์นี้ข้าเชื่อแล้วว่าเจ้านั้นมีความสัตย์ซื่ออย่างแท้จริง! ในวันนี้เราจำเป็นต้องเดินคนละทาง แต่ยังไม่ถึงเวลาที่กล่าวคำลา เมื่อวันหน้าเราพบกัน หวังว่าเจ้าจะร่วมดื่มกับข้า!”
“ฮี่ฮี่ ขอบคุณอาวุโสมาก!” ซ่งจงกล่าวพร้อมหัวเราะ
“ข้าขอลาก่อน!” ผู้นำดงไห่กล่าวพร้อมเรียกดาบบินออกมา เขาและศิษย์ของตนเองบินออกไปทันที เส้นทางทั้งสองของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยเหล่าอสูรกาย แต่ทั้งหมดก็ระมัดระวังตัวอย่างมากเพราะเกรงกลัวว่าซ่งจงจะสั่งให้เหล่าอสูรกายโจมตี ถึงตอนนี้พวกเขาหลุดออกมาจากวงล้อมของเหล่าอสูรกายแล้ว จึงทำให้พวกเขาเชื่อจริงๆว่าซ่งจงนั้นรักษาคำพูด
หลังจากที่ดงไห่สามารถออกมาได้ เขาถอนหายใจยาวพร้อมกับพาศิษย์ออกไปอย่างรวดเร็ว
After the grid my heart indignant cut-off East Sea worthless person and the others walked, Old Steward Ao Tian access road: „Your highness, now the war had ended, what to do our next should?” „Naturally occupies here!” Song Zhong said: „ First gives all captives to suppose to ban that refusing them to run away, then leaves behind enough guard to deploy troops for defense. Other people go to the marine standby, simultaneously plunders the food! ” „Yes!” Old Steward Ao Tian stands complies with one unreliably, then hurries to issue the order.
เมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลงแล้ว เอ๋าเทียนหันไปถามซ่งจง “ฝ่าบาท ทุกอย่างจบแล้ว เราจะทำอะไรต่อไปงั้นหรือ?”
“แน่นอนว่าเราจะยึดครองสถานที่แห่งนี้!” ซ่งจงตอบกลับ “ก่อนอื่นเราจับกุมเชลยทุกคนไว้ไม่ให้เขาหลบหนีได้โดยเด็ดขาด วางกำลังเวรยามให้เพียงพอ จัดกองกำลังที่ริมทะเลเพื่อหาอาหาร”
“รับทราบ!” เอ๋าเทียนตอบกลับ
เหล่าอสูรกายแบ่งกองกำลังอย่างมีประสิทธิภาพ พวกเขาจัดตั้งเวรยามและแบ่งกันออกหาอาหารและค้นหาสมบัติต่างๆภายในเกาะ
อสูรกายประเภทน้ำนั้นเฝ้าระวังอยู่ตามแนวของทะเล พร้อมทั้งหาอาหารไปด้วย พวกมันกระจัดกระจายออกไปรอบๆทะเล
ในเวลานี้ข้อเสียของเหล่าอสูรกายที่เห็นก็คือ พวกมันมีจำนวนมาก เช่นนี้ความต้องการอาหารก็มีมากขึ้นเช่นกัน พวกเขาผ่านการสู้รบที่หนักหน่วง แน่นอนว่าความอยากอาหารย่อมเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ สถานการณ์จะเลวร้ายมากถ้าหากว่าอาหารไม่เพียงพอ
โชคดีที่เมื่อเหล่าอสูรกายอิ่มท้อง เขาจะไม่ต้องการอาหารอีกร่วมเดือน ซึ่งนับว่าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี
แต่หลังจากการต่อสู้ อย่างไรพวกเขาก็ต้องการอาหารอยู่ดี
สำหรับเหล่ามนุษย์ผู้ฝึกตน พวกเขายังไม่ได้รับการปลดปล่อยแต่อย่างใด อีกทั้งยังอยู่ในสถานะของเชลยอีกด้วย
เหตุผลที่ซ่งจงจับพวกเขาไว้ ไม่ใช่เหตุผลที่จะต้องแจกจ่ายอาหาร แต่พวกเขาก็ไม่ใช่อาหารสำหรับอสูรกายเช่นกัน
แต่อย่างที่รู้กันคือเหล่าอสูรกายนั้นมีความฉลาดน้อยมาก พวกมันเรียนรู้สิ่งต่างๆได้ช้ามาก
โดยปกติแล้วเหล่าอสูรกายนั้นจะเริ่มปรับแต่งอาวุธเองได้เมื่ออยู่ในขั้นที่ห้าหรือหกขึ้นไป ถ้าหากตนใดที่สนใจทางด้านนี้ พวกมันจะฝึกฝนจนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญได้
สำหรับยาอายุวัฒนะต่างๆ สำหรับเหล่าอสูรกายมันเป็นสมุนไพรชั้นดีที่สามารถกินได้ พวกมันส่วนใหญ่ไม่รู้วิธีใช้และปรับแต่งให้เป็นยาหรือคิดว่าคือสมบัติแต่อย่างใด
ซ่งจงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก เช่นนี้เขาจึงต้องการมนุษย์จำนวนมากเพื่อทำในสิ่งที่อสูรกายไม่อาจทำได้
วัสดุที่จักรพรรดิทะเลตะวันออกมอบให้และสมบัติต่างๆมากมายที่อยู่ในทะเลตะวันออกนั้นต้องการการปรับแต่ง ซึ่งพวกเขาจะเป็นตัวแปรสำคัญสำหรับงานนี้
ในส่วนของสมบัติต่างๆนั้น เขาจะค่อยฝึกฝนให้กับเหล่าอสูรกายในภายหลัง
ดังนั้นด้วยการพัฒนาของช่างฝีมือนับหมื่นคนตรงนี้ จะทำให้เหล่ากองทัพอสูรกายพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
ความจริงแล้ว ไม่จำเป็นต้องรอให้อนาคตมาถึง ช่วงเวลานี้เหมาะสมที่สุดที่จะพัฒนาระดับความแข็งแกร่งและความรู้ของเหล่าอสูรกาย
ก่อนอื่นที่เขาเข้ายึดเกาะของกลุ่มพันธมิตรเพราะสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยสมบัติและมีการติดต่อค้าขายที่หลากหลาย สินค้ามากมาย อีกทั้งสมุนไพรที่ยากเกินกว่าจะนับได้รวมอยู่ในสถานที่แห่งนี้
อาวุธที่ยอดเยี่ยมนับหมื่น น้ำหนักของพวกมันมากกว่าแปดหมื่นจินกองรวมอยู่เป็นภูเขาขนาดใหญ่ ใครก็ตามที่ได้เห็นสมบัติเหล่านี้ พวกเขาจะต้องร้องอุทานออกมาด้วยความตื้นตันอย่างแน่นอน ซ่งจงก็เช่นกัน! เหล่าอสูรกายขั้นสี่และห้าได้รับอาวุธวิเศษเป็นของรางวัลสำหรับสงครามในครั้งนี้
นอกจากนี้ยังมีการแจกจ่ายยาอายุวัฒนะจำนวนมากเพื่อให้พวกมันแข็งแกร่งมากขึ้นโดยใช้เวลาสั้นๆ
ถ้าหากนะเป็นในอดีต เหล่าอสูรกายจะต้องรอให้ถึงขั้นห้าก่อนที่จะปรับแต่งอุปกรณ์วิเศษต่างๆได้ แต่สำหรับชนเผ่าเล็กๆเขาไม่สามารถไปถึงจุดนั้นได้ แต่ถึงอย่างไรพวกมันก็ต่อสู้เพื่อซ่งจง ดังนั้นแน่นอนว่าพวกมันจะได้รับรางวัลด้วยเช่นกัน ในตอนที่พวกมันได้รับรางวัลเป็นอุปกรณ์วิเศษต่างๆ ความตื้นตันใจในน้ำใจของเจ้าชายของตนยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นอีกหลายเท่า ภายในหัวใจของพวกเขาเทิดทูนซ่งจงเหนือสิ่งอื่นใด
เหล่าอสูรกายที่มีความสุขที่สุดตอนนี้เป็นพวกอสูรกายระดับสูง ตาเฒ่าเอ๋าเทียน เหลยซานเอ๋อและผู้นำที่เหลือ พวกเขาได้รับสมบัติล้ำค่าอย่างมากมาย
อาวุธวิเศษขั้นเก้านั้นมีสามชิ้น ขั้นแปดมีทั้งหมดเจ็ดสิบแปดชิ้น ที่เหลือเป็นขั้นเจ็ดทั้งหมด
พวกเขาแบ่งกันอย่างเป็นธรรมชาติและไม่อิจฉากัน
อาวุโสเอ๋าเทียนมีบทบาทมากที่สุดในสงครามนี้ อีกทั้งเขายังเป็นองครักษ์ของซ่งจงอีกด้วย แน่นอนว่าสมบัติที่เขาได้รับจะต้องสมน้ำสมเนื้ออย่างแน่นอน รางวัลใหญ่ทั้งหมดตกเป็นของเขา ทั้งอุปกรณ์วิเศษขั้นเก้าหนึ่งชิ้น อุปกรณ์วิเศษขั้นแปดสองชิ้น ซึ่งทำให้เขาดีใจจนไม่สามารถหุบฟันของตัวเองลงได้
เหลยซานเอ๋อนั้นเป็นคนโปรดของซ่งจง นางได้รับอุปกรณ์วิเศษขั้นเก้า มันคือเสื้อคลุมขนนกสีรุ้งและดาบบินขั้นแปด ใบหน้าเล็กๆนั้นแดงเรื่อด้วยความดีใจ ปากของนางนั้นไม่สามารถปิดลงได้ดั่งเช่นเอ๋าเทียน
อุปกรณ์ขั้นเก้าชิ้นสุดท้ายนั้น ซ่งจงจะเก็บมันไว้เอง
เขาไม่สามารถตัดใจยอมให้มันกับผู้ใดได้เลย
ให้กล่าวความจริง อุปกรณ์ชิ้นนี้ถูกจริตของซ่งจงมาก ชื่อของมันคือกระจกลี้สวรรค์
เนื่องจากความสามารถของมันนั้นยอดเยี่ยมอย่างมาก มันสามารถใช้ส่องภูมิประเทศโดยรอบได้ อีกทั้งยังค้นหาศัตรูและเป็นอุปกรณ์ป้องกันได้ด้วย
แต่ความสามารถที่ซ่งจงชอบมากที่สุดนั้นคือ การล่องหน!
ด้วยพื้นฐานเดิมที่เขาเป็นคน… แน่นอนว่าความสามารถเช่นนี้ จะต้องทำให้เขามีความสุขอย่างมาก!
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
กดติดดาวไว้ด้วยน้า มันจะได้แจ้งเตือนค่ะ
ฝากกด like เพจด้วยนะคะ
*ผู้แปลขี้โรค