ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
Facebook Fanpage กดเลย
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
สารบัญ ARK [จบแล้ว]
สารบัญ จอมมารสะท้านภพ (เรื่องใหม่)
สารบัญ ราชันเทพเก้าสุริยัน
••••••••••••••••••••
บทที่ 298: พบเจอนางสวรรค์อีกครั้ง (1)
หลังจากที่สงครามได้สิ้นสุดลง ทุกอย่างเสร็จสิ้นด้วยความสุข เหล่าอสูรกายทุกตนต่างร่าเริงและกำลังพักผ่อนอยู่กับรางวัลของตนเองอย่างชื่นอกชื่นใจ
หลังจากที่ซ่งจงได้ออกคำสั่ง พวกมันทำตามอย่างแข็งขันไม่อิดออด ทั้งการลาดตระเวนและออกหาอาหาร อีกทั้งยังไม่ลืมที่จะควบคุมเหล่ามนุษย์ผู้ฝึกตนให้ทำการปรับแต่งสมบัติให้สมบูรณ์
แต่ในเวลานี้ซ่งจงนั้นใช้เวลาของเขาในการค้นหาซูหยูและซูหยุน แต่เขานั้นไม่ได้รับข่าวอะไรเลย เขาจึงใช้ผู้ฝึกตนมนุษย์เพื่อเป็นสายลับให้ไปถามข่าวที่เทือกเขาใหญ่ โดยพุ่งเป้าหมายไปที่สำนักของพวกนางทั้งสองคน
หลังจากที่ทำทุกอย่างเสร็จแล้ว เขามีเวลามาพบกับฮัวจิงฉือ เห็นได้ชัดว่าปราณจิตวิญญาณของเขานั้นหมดสิ้น เขายอมจำนนอย่างง่ายดายและในตอนนีตำแหน่งของเขาคือการปรับแต่งใบเรือ
เอ๋าเทียนนั้นออกไปควบคุมเหล่ามนุษย์ให้ทำงาน ส่วนเหลยซานเอ๋อนั้นออกไปเที่ยวเล่นด้านนอก ซ่งจงจึงใช้เวลาส่วนตัวนี้พูดคุยกับฮัวจิงฉืออย่างอิสระ
เพราะว่าเหล่าอสูรกายนั้นต้องการให้มนุษย์สามารถทำงานได้ อสูรกายจึงไม่ทำสิ่งใดให้เสียหายและดื้อรั้นขัดคำสั่ง ดังนั้นสีหน้าของฮัวจิงฉือนั้นไม่ทำให้พวกมันโมโหแต่อย่างใด อีกทั้งเขายังทำงานโดยไม่ปริปาก ร่างกายของเขาไร้บาดแผนใดๆ นั้นแปลว่าเขายอมแพ้แต่โดยดีจึงไม่เกิดการต่อสู้
หลังจากที่เห็นซ่งจงเดินเข้ามา ใบหน้าของฮัวจิงฉือแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง เขาไม่อาจเทียบกับซ่งจงได้เลยในตอนนี้ อีกทั้งยังไร้คำพูดดีๆที่จะเอื้อนเอ่ยออกไป!
ซ่งจงนั้นมองฮัวจิงฉือด้วยสายตาที่เย็นชา ภายในใจของฮัวจิงฉือสั่นไหวราวกับเรื่องราวเพิ่งผ่านมาเพียงสิบวันที่เขาล่อลวงบุรุษผู้นี้ให้ติดกับดัก ซ่งจงนั้นเกือบจะตายตกไปในเหตุการณ์ครั้งนั้น เวลานี้ศัตรูวนกลับมาพบกันอีกครั้ง ซ่งจงนั้นคิดจะทำอะไรกับเขากันแน่?
“ฮ่า นี่ใช่อาวุโสฮัวจิงฉือผู้โด่งดังใช่หรือไม่?” ซ่งจงอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกไปก่อน “สีหน้าของท่านดูไม่ค่อยดีนะ?”
ฮัวจิงฉือเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ออกมา “จะดีมากถ้าหากเจ้าเลิกถากถางข้า! ในครั้งนี้ข้ายอมพ่ายแพ้ให้เจ้าก่อน นี่เจ้าคิดงั้นหรือว่าจะไม่มีการขอความช่วยเหลือจากสำนักใหญ่?”
“เจ้าเพียงตกหลุมของข้าเพียงครั้ง แต่ตระกูลฮัวของเจ้านั้นขุดหลุมกลบข้าไม่รู้กี่ครั้ง! น้องสาวของเจ้าฮัวเฉียนหวู่ก็เป็นนังเพศยาอยู่ในสำนักพันปีศาจ อีกทั้งยังเป็นคนบงการสังหารครอบครัวของข้า บิดาของเจ้ากลับช่วยเหลือให้นางพ้นความผิดอย่างขาวสะอาด จนสุดท้ายทำลายชื่อเสียงของข้าจนปี้ป่น ให้ร้ายว่าข้านั้นเป็นสายลับให้กับอสูรกาย!” ซ่งจงพ่นถ้อยคำออกมาอย่างขื่นขม “ตระกูลฮัวนั้นสารเลวเกินกว่าจะอยู่บนโลกนี้ พวกเจ้าสะกดคำว่าคุณธรรมเป็นหรือไม่?”
ฮัวจิงฉือที่ถูกด่า ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเถือก เขามองหาช่องว่างที่จะใช้หลบเลี่ยงคำกล่าวหาเหล่านี้ เขาอายที่จะอธิบายสิ่งเหล่านี้เหลือเกิน แต่สุดท้ายจำเป็นต้องกล่าวออกไป “ฮัวเฉียนหวู่นั้นไร้เดียงสา อีกอย่างบิดาของข้านั้นถูกบังคับให้กระทำเช่นนั้น เพราะต้องรักษาชื่อเสียงของตระกูลเอาไว้!”
ซ่งจงที่ได้ยินเช่นนั้นโกรธจัดทันที “แล้วครอบครัวของข้าจำเป็นหรือไม่ที่ต้องเสียสละชีวิตของตนเองเพื่อรักษาเกียรติให้กับครอบครัวสวะของเจ้า?”
ฮัวจิงฉือได้ยินเช่นนั้น เขาเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมาพร้อมกล่าว “น้องชายซ่ง ข้ารู้ดีว่าครอบครัวของข้าทำกับเจ้าเกินกว่าจะให้อภัยได้ ดังนั้นภายในใจของเจ้าจึงเต็มไปด้วยความแค้น แต่ทว่านั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์! ข้าไม่เคยเกี่ยวข้องกับการตายของครอบครัวเจ้าแม้แต่นิดเดียว!”
“หืม?” ซ่งจงเผยใบหน้าปีศาจออกมาทันทีเมื่อได้ยิน “เจ้าน่ะเหรอบริสุทธิ์?”
ฮัวจิงฉือเผยรอยยิ้มอย่างขมขื่นพร้อมกล่าวออกมาว่า “เอาล่ะ ข้ายอมรับเรื่องที่ข้าส่งเจ้าเข้าไปในประตูเคลื่อนย้ายจริง แต่เรื่องอื่นนั้นข้าบริสุทธิ์!”
“เหอะ!” ซ่งจงพ่นลมหายใจออกมา “เจ้าและบิดาของเจ้านั้นเป็นคนเลว พวกเจ้ารวมหัวกันหลอกลวงข้าและยังใส่ร้ายข้า อีกทั้งคนที่ทำร้ายข้าในทะเลตะวันออกนั้นก็คือเจ้า! นี่เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้อย่างงั้นหรือ?”
ฮัวจิงฉือที่ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าอึดอัดทันที “มันเป็นคำสั่งของเบื้องบน! นอกจากนี้ยังมีคำสั่งมาว่าครอบครัวของเจ้านั้นเป็นสายลับให้กับอสูรกาย ซึ่งอาจจะเป็นเป็นเรื่องโกหก แต่ในตอนนี้เจ้านำพากองทัพอสูรกายมาเหยียบย่ำกลุ่มพันธมิตรจนแตกสลาย ราวกับว่าตนเองเป็นสายลับที่ไม่ได้รับความยุติธรรม!”
“บัดซบ ข้าถูกตาเฒ่าเฟิงไล่ล่าจนต้องหลุดเข้าไปในพื้นที่ของอสูรกาย ข้าหมดสติกลางทะเล เมื่อตื่นมาพบว่าพวกมันจับข้าไปเป็นเจ้าชาย นี่เจ้าคิดจริงๆงั้นหรือว่าข้ามีความสุขกับการเป็นเต่าดำศักดิ์สิทธิ์?” ซ่งจงตะโกนออกมาอย่างหัวเสีย
“เต่าดำศักดิ์สิทธิ์งั้นหรือ? เจ้าไม่ใช่เจ้าชาย? แล้วเจ้ามีสายเลือดของเต่าดำได้อย่างไร?” ฮัวจิงฉือถามออกมาด้วยใบหน้าที่สับสน
แน่นอนว่าซ่งจงไม่อาจบอกกล่าวเรื่องราวที่เกิดกับเขาได้ นอกจากนั้นเขาหลับตาลงพร้อมกล่าวต่อ “ถ้าข้าบอก เจ้าจะจัดการทุกอย่างได้งั้นหรือ?”
“เรื่องนั้น… ข้าคงไม่อาจจัดการ แต่ข้าถามไม่ได้งั้นหรือ?” ฮัวจิงฉือกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ “ข้าจะเรียกเจ้าว่าน้องชายได้อยู่หรือไม่ จงแนะนำเถิดว่าควรทำเช่นไร?”
“เจ้าไม่สามารถเรียกข้าว่าน้องชาย ข้านั้นตายไปจากโลกของมนุษย์แล้ว! เลิกพูดจาน่าขยะแขยงเถอะ!” เมื่อกล่าวจบ ซ่งจงพยายามใจเย็นและสงบอารมณ์
“ถ้าเช่นนั้น ข้าไม่เรียก แต่เจ้าก็บอกมาเถิดว่าจะให้ข้าชดใช้อย่างไร?” ฮัวจิงฉือถามออกไป
“เจ้าสามารถทำอะไรได้งั้นเหรอ? ความจริงแล้วข้าควรจะสังหารเจ้าด้วยซ้ำเพื่อแก้แค้นให้กับครอบครัว!” ซ่งจงสะบัดหน้าหนี
“โอ้ ข้าขอโทษ!” ฮัวจิงฉือได้ยินเช่นนั้น ร่างกายของเขาสั่นเทาพร้อมกับร้องขอชีวิตทันที “ฆาตกรตัวจริงนั้นถูกเจ้าสังหารจนตายตกไปแล้ว ด้วยเปลวไฟที่เผาไหม้ร่างกายของนาง อีกทั้งผู้ที่ดำเนินการให้นางก็คือสำนักพันปีศาจ ความตายของพวกเขาไม่อาจชดใช้ความผิดให้กับข้าได้งั้นหรือ?”
“เหอะ ทำไมเจ้าจะไม่รู้เรื่อง ก็เพราะฮัวเฉียนหวู่นั้นเป็นน้องสาวของเจ้าไม่ใช่หรือ?” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างเย้ยหยัน “ความผิดของเจ้าก็คือการไม่สั่งสอนน้องสาวของตนเองให้ดี! เจ้าก็สมควรตายเช่นกัน!”
ในโลกนี้มีเพียงคำพูดที่ว่า พ่อแม่ไม่ได้สั่งสอน แต่ในตอนนี้ซ่งจงกลับกล่าวว่า พี่ชายที่ไม่สั่งสอนน้องสาว? เขารู้สึกขมขื่นอย่างมากพร้อมกล่าวต่อ “ฮัวเฉียนหวู่นั้นไม่ใช่น้องสาวของข้า นางเป็นบุตรสาวของอาวุโสป้าฮัวชิงหยุน ซึ่งนับว่าข้ากับนางนั้นเป็นเพียงลูกพี่ลูกน้องเท่านั้นไม่ใช่หรือ?”
“เท่านั้นก็เพียงพอ!” ในตอนนี้ซ่งจงเต็มไปด้วยความแค้นที่ชอบธรรม “ข้าต้องการกำจัดตระกูลของเจ้า เข้าใจหรือยัง?!”
ฮัวจิงฉือหัวเราะออกมา “น้องชายเอ๋ย บางทีเจ้าอาจจะยังไม่รู้ว่าตระกูลของข้าตอนนี้กำลังลุกเป็นไฟใช่หรือไม่? ข้าจะบอกอะไรให้เจ้าหนึ่งอย่าง ตระกูลข้านั้นเก่าแก่และยิ่งใหญ่เกินกว่าเจ้าจะกำจัดทั้งหมดได้!”
“เหอะ บิดาผู้นี้มีกำลังรบมากกว่าหนึ่งล้าน แล้วเหตุใดจะไม่สามารถกำจัดเศษคนเล็กน้อยได้ล่ะ?” ซ่งจงกล่าวเย้ยหยันออกมา
“เฮ้!” ฮัวจิงฉือได้ยินเช่นนั้น เขาเผยรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าพร้อมกล่าวต่อ “ตระกูลฮัวของข้า เป็นตระกูลเก่าแก่หนึ่งในสี่ของสำนักเสวียนเทียน ศิษย์ของตระกูลนั้นมีมากมายหลายแสนคน อีกทั้งยังมีผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินมากมาย รวมถึงผู้ฝึกตนระดับต้าเชิ่งถึงสามคนที่ยังสุขภาพแข็งแรง เจ้าตั้งมั่นแล้วงั้นหรือว่าจะล่มสลายตระกูลของข้า?” ซ่งจงในตอนนี้ใบหน้าแสดงสีหน้าไม่สู้ดีนัก เขาตกอยู่ในสภาวะโง่งมเมื่อได้ยินถึงความแข็งแกร่งที่ศัตรูของเขามี แน่นอนว่าการฆ่าล้างตระกูลฮัวนั้นเป็นเรื่องงี่เง่าอย่างมาก!
ฮัวจิงฉือเห็นว่าซ่งจงกำลังหดหู่ เขาเผยรอยยิ้มเล็กๆพร้อมกล่าวต่อ “เด็กชายเอ๋ย เจ้าไม่ควรมีปัญหากับสำนักที่ให้กำเนิดเจ้ามา เจ้านั้นอยู่ในลัทธิเต๋า พฤติกรรมเช่นนี้จะทำให้เจ้าไม่สามารถวิ่งออกไปด้านนอกได้!”
“เจ้าสังหารครอบครัวของข้าและข้าต้องการให้เจ้ามีจุดจบอย่างที่ข้าพบเจอ!” ซ่งจงยังคงปากแข็งและดื้อรั้น
“ตระกูลของข้านั้นใหญ่มาก แน่นอนว่าพวกเรารับรู้ความเจ็บปวดของเจ้า แม้แต่บิดาของข้ายังไม่อาจออกความเห็นในเรื่องเหล่านี้ได้ สถานการณ์ในตอนนี้ทุกสิ่งนั้นเป็นเรื่องที่เกินกว่าจะคุยกันได้อีกต่อไป ข้าไม่คิดว่าเขาจะสามารถจัดการได้และข้าก็มีส่วนที่จะต้องรับผิดชอบ! ถ้าหากเจ้าอยู่ในระดับที่ยิ่งใหญ่กว่าบิดาของข้า แน่นอนว่าเจ้าจะกลายเป็นบุคคลสำคัญ!” ฮัวจิงฉือพยายามโน้มน้าวซ่งจงอย่างสุดความสามารถ “ถ้าหากเจ้าเชื่อข้า จงให้ข้ากลับไป ข้ายินดีที่จะออกหน้าให้กับเจ้า ให้พวกเขาลืมความเจ็บแค้นในครั้งนี้ เปลี่ยนดาบเป็นการจับมือเพื่อดึงชื่อของเจ้าคืนสู่สำนักเสวียนเทียนอีกครั้ง อย่างไรก็ตามได้มีการรายงานเรื่องของเจ้าขึ้นไปสำนักใหญ่แล้ว ทุกคนในเวลานี้จำเป็นจะต้องมีเวลาเพื่อพูดคุยกันท่ามกลางไวน์ชั้นดีสักหน่อย ให้โอกาสสหายเก่าสักหน่อย มันจะไม่สวยงามกว่างั้นหรือ?”
ฮัวจิงฉือนั้นราวกับรับรู้เสียงที่อยู่ภายในใจของซ่งจงว่าเขานั้นไม่ยินยอมที่จะออกจากสำนักเสวียนเทียน เพราะความทรงจำมากมายที่อยู่ภายในหัวใจของซ่งจงนั้นมีมากเกินกว่าจะลบล้างได้ ไม่ว่าจะเป็นสหายหรือภรรยาของเขาที่อยู่ในเทือกเขาใหญ่นั้น เจ้าลิงและหานหลิงเฟิง รวมถึงหงหยิงซึ่งเป็นคู่หมั้นของเขาและฉุยจิ้งผู้งดงามดั่งนางสวรรค์ ความสัมพันธ์ที่ลึกลับเหล่านี้ทำให้ซ่งจงไม่อาจตัดใจ ยิ่งไปกว่านั้นฮัวจิงฉือกล่าวอีกว่าฆาตรกรนั้นถูกสังหาร หนึ่งคนถูกสังหาร หนึ่งคนกลายเป็นคนวิกลจริต ตระกูลฮัวได้รับบทเรียนมากมายกับเรื่องนี้ ในสิ่งที่เขาพูดมาเป็นสิ่งที่ซ่งจงนั้นได้รับไปทั้งหมดสิ้น
เมื่อคิดเช่นนั้น ซ่งจงเกือบที่จะคล้อยตามคำพูดสวยหรูเหล่านั้น แต่เมื่อนึกถึงวันที่เขาโดนจิ้งจอกตนนี้หลอกลวง เขาถูกกระตุ้นขึ้นมาอีกครั้งทันที ก่อนหน้านี้เขาคิดจะสังหารฮัวจิงฉือ แต่เมื่อพูดคุยกันไม่กี่คำ เขากลับอยากจะปล่อยให้เขาออกไปอีกครั้งงั้นหรือ? เขาโกรธจัดพร้อมทุบโต๊ะและคำรามออกมาว่า “เจ้ากล้าที่จะโกหกข้างั้นหรือ? ยอดเยี่ยม ในหัวของข้าตอนนี้เกรงว่าถ้าหากปล่อยเจ้าไป ก็คงจะเป็นข้าที่ต้องตาย!”
ฮัวจิงฉือได้ยินเช่นนั้น เกือบจะเผยอารมณ์หงุดหงิดออกมาทันที หัวใจของเขารู้สึกว่าเด็กน้อยผู้นี้ช่างโง่เขลาจริงๆ ช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ เขาคิดจะล้อเล่นอะไรอีก? มันคงไม่ดีแน่ถ้าหากว่าเกลี้ยกล่อมเขาไม่ได้ เวลาของเขาเหลือน้อยลงไปทุกทีแล้ว!
เมื่อคิดเช่นนั้น ฮัวจิงฉือรีบกล่าวออกไปอย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลึก “คำพูดของเจ้านั้นไม่ค่อยดีนะ ข้ากล่าวทุกคำออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ถ้าหากข้าโกหกเจ้า วิธีที่เจ้าควรทำก็คือเรียกสายฟ้าออกมาสังหารข้าซะ!”
“เหอะ!” ซ่งจงกล่าวอย่างรังเกียจ “จิ้งจอกเช่นเจ้าเคยหลอกลวงให้ข้าเข้าสู่สมรภูมิรบมาแล้ว โชคดีที่ข้ามีเรือมังกรทองคำ ไม่เช่นนั้นข้าก็คงตายในแบบที่เจ้าต้องการ!”
ฮัวจิงฉือที่ได้ยินซ่งจงกล่าวเรื่องเก่า เขาอึดอัดใจทันที พร้อมกับบ่นความลำบากใจของตนออกมา “โอ้ นั่นคือแผนของบิดาข้า ถ้าหากว่าข้าไม่ได้อยู่ใกล้เขา แน่นอนว่าข้าจะไม่โกหกเจ้าอย่างแน่นอน แต่ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไรในเมื่อข้าเป็นบุตรของเขา? ถ้าหากข้าไม่หลอกลวงเจ้า ถ้าหากข้ารู้มาก่อนว่าการโกหกของข้าจะทำลายความเชื่อใจทั้งหมดที่เจ้ามีต่อข้า แน่นอนว่าข้าจะไม่ทำมันหรือไม่ก็คงเก็บมันไว้เพื่อโกหกเจ้าในวันนี้!”
“เหอะ!” ซ่งจงฟังที่ฮัวจิงฉือคร่ำครวญ ซึ่งทำให้เขารู้สึกรำคาญใจทันที เขารู้ได้ทันทีว่าแปดในสิบของคำพูดชายผู้นี้กำลังหลอกลวงเขา โชคดีที่ในครั้งนี้เขาไหวตัวทัน เขาพ่นลมหายใจออกมาพร้อมกล่าวอย่างเย็นชา “สหายเอ๋ย น่าเสียดายที่เจ้านั้นหลอกลวงข้าจนหมดสิ้นความเชื่อใจ ข้าไม่ยอมกลายเป็นไอ้โง่อีกครั้งแน่นอน ข้ากำลังพยายามส่งข้าไปสู่ความตาย! วันนี้ข้าขอตัดสินให้มันเป็นวันตายของเจ้า!”
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
กดติดดาวไว้ด้วยน้า มันจะได้แจ้งเตือนค่ะ
ฝากกด like เพจด้วยนะคะ
*ผู้แปลขี้โรค