ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ จอมมารสะท้านภพ (เรื่องใหม่)

สารบัญ ราชันเทพเก้าสุริยัน

••••••••••••••••••••

บทที่ 298: พบเจอนางสวรรค์อีกครั้ง (2)

เมื่อกล่าวเช่นนั้นจบ ซ่งจงคิดที่จะสังหารเขาทันที

ฮัวจิงฉือนั้นถูกคุมขังและในตอนนี้เขาเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ซ่งจงเพียงดีดนิ้วครั้งเดียวก็สามารถสังหารเขาได้แล้ว มนุษย์ธรรมดาเช่นเขาจะสามารถต่อกรได้อย่างไร? เขารีบอ้อนวอนขอชีวิตทันที “รอเดี๋ยว เดี๋ยวก่อน ได้โปรดเมตตา! พี่ชายเอ๋ยข้าสามารถสร้างผลประโยชน์ให้กับเจ้าได้อีกมากโข ข้าเป็นเพียงก้อนเนื้อเหม็นๆ อีกทั้งยังไม่ต้องจ่ายให้ข้าสักแดงเดียว!”

“หืม?” ซ่งจงสะดุดใจกับคำพูดหนึ่ง เขาจึงหยุดมือพร้อมถามออกไป “เจ้าน่ะทำอะไรได้บ้าง?”

“มากมาย!” ฮัวจิงฉือรีบตอบ “เจ้านั้นสร้างศัตรูคือหอเฉวียนจี้ สำนักเสวียนเทียนและสำนักพันปีศาจ แล้วเจ้าคิดว่าพวกเขาจะยอมพ่ายแพ้ไปง่ายๆงั้นหรือ? แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเขา แต่ว่ายังไงซะพวกนั้นก็จะดึงมือของเบื้องบนมายุ่งเพื่อจัดการกับเจ้าอยู่ดี ถ้าหากพวกเขาบุกมาและเจ้าไม่สามารถต้านทานได้ไหว ข้าจะบอกได้อย่างไรว่าพวกเขาคือตระกูลฮัว?”

“เจ้ากำลังจะบอกให้ข้าใช้เจ้าเป็นตัวประกันงั้นเหรอ? ทำให้พวกเขาเข้าใจว่าพวกเจ้าเป็นผู้บริสุทธิ์และไม่กล้าเข้ามาวุ่นวายน่ะเหรอ!?” ซ่งจงขมวดคิ้ว

“หลักแหลมยิ่งนัก ข้าหมายความเช่นนั้น!” ฮัวจิงฉือรีบตอบ

“อืม ดูเหมือนว่าจะสมเหตุสมผลนะ แต่ว่าข้านั้นมีนักโทษอยู่มากมายในพื้นที่แห่งนี้ ทุกคนคือผู้บริสุทธิ์ ข้าก็แค่ทำเป็นลืมเจ้าไปและสังหารเจ้าเพื่อระบายความโกรธที่มี!” เมื่อซ่งจงกล่าวจบ เขายกมือขึ้นเพื่อเริ่มสังหารมันอีกครั้ง

ฮัวจิงฉือหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบออกมา พร้อมกับร้องออกไปทันที “เดี๋ยวก่อน ได้โปรด อย่างน้อยข้าก็เป็นผู้ฝึกตนระดับจินตัน ให้ข้าช่วยเจ้าปรับแต่งอุปกรณ์วิเศษได้ไหม? ถ้าหากข้าตายไป เจ้าจะต้องสูญเสียทาสที่มีฝีมือ!”

ปรากฏว่าฮัวจิงฉือนั้นมองเห็นว่าซ่งจงคิดจะทำอะไรบ้าง เขาถือโอกาสนี้เสนอตัวอย่างแยบยล

เป็นเช่นนั้น เมื่อซ่งจงได้ยินคำพูดของฮัวจิงฉือ เขาลังเลทันทีว่าจะสังหารฮัวจิงฉือเพื่อกำจัดกลิ่นเหม็นเน่า แต่เช่นนั้นมันไร้สาระเกินไป แต่ถ้าเก็บเขาไว้ให้เขาทำงานทั้งวันทั้งคืนในทะเลตะวันออกที่เต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติ เช่นนี้จะทำให้เกิดประโยชน์มากกว่าไหม? อย่างไรก็ตามการลงโทษบุรุษเจ้าเล่ห์ผู้นี้ด้วยการทำงานหนัก นั้นคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว

เมื่อคิดเช่นนี้ ซ่งจงใจเย็นขึ้นพร้อมกล่าวออกไป “อืม อาจจะจริงอย่างที่เจ้าพูด!”

“เป็นเช่นนั้น เป็นเช่นนั้นแน่นอน!” ฮัวจิงฉือได้ยินเช่นนั้น เขาผ่อนคลายลงทันที แม้ว่างานจะหนักแต่อย่างน้อยมันก็สามารถยื้อชีวิตเขาต่อไปได้อีกสักพัก เมื่อข้าได้กลับไป แน่นอนว่าข้าจะต้องกลายเป็นวีรบุรุษ!

อย่างไรก็ตามซ่งจงนั้นทำลายอารมณ์ของฮัวจิงฉืออย่างรวดเร็ว “เจ้าจะต้องทำงานมากกว่าผู้ฝึกตนระดับจินตันคนอื่นสามเท่า ไม่อย่างนั้นข้าจะจับเจ้ายัดเข้าไปในก้นของม้า!”

“อะไรนะ? สามเท่าของผู้อื่นงั้นหรือ?” หลังจากฮัวจิงฉือได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวออกมาอย่างกังวล “มันจะไม่โหดร้ายกับข้าไปหน่อยหรือ?”

“ไร้สาระ นี่ไม่ใช่การลงโทษงั้นหรือ? ใครกันเล่าขอให้เจ้ามีน้องสาวที่สารเลวเช่นฮัวเฉียนหวู่?” ซ่งจงกล่าวอย่างเฉยชา “เจ้าไม่ผิดหรอกถ้าจะโทษนาง!”

คราวนี้ฮัวจิงฉือหมดคำพูดทันที แล้วใครขอร้องเขากันล่ะ? แต่เขายังไม่หยุดที่จะพยายาม “ข้าเข้าใจแล้วว่านี่คือบทลงโทษ! ข้าสมควรได้รับมันแล้ว!”

เมื่อเห็นว่าฮัวจิงฉือยอมรับความพ่ายแพ้ ซ่งจงพยักหน้าอย่างพอใจพร้อมกล่าวต่อ “อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเจ้ากล้าที่จะดื้อดึงกับข้า แน่นอนว่าข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่นอน เพราะถ้าไม่มีเจ้า ข้าก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร อย่าได้กล่าวโทษข้าถ้าหากข้าไร้ความสุภาพ!”

ซ่งจงจ้องหน้าฮัวจิงฉืออยู่ชั่วครู่ขณะที่กล่าวออกมา ฮัวจิงฉือรู้ได้ทันทีว่าซ่งจงหมายถึงอะไร เขากล่าวออกไปอย่างสุภาพ “มั่นใจได้เลยว่าข้านั้นไม่กล้าทำ!”

“เหอะ ขอให้เจ้าไม่กล้าจริงๆ!” ซ่งจงกล่าวเช่นนั้นพร้อมสะบัดหน้าออกไปทันที

หลังจากที่เล่นกับฮัวจิงฉือจนพอใจแล้ว ซ่งจงเดินออกมาจากห้องปิดตายนั้น เขาคิดถึงกองทัพของกลุ่มพันธมิตรพร้อมกับนึกถึงขวานยักษ์ลึกลับขึ้นมา เขากำลังเดินไปมาที่ฐานขนาดใหญ่ ก่อนหน้านี้เขาไม่มีเวลาที่จะทำความเข้าใจ แต่ในตอนนี้เขาว่างแล้ว เขาแทบจะรอไม่ไหวที่จะศึกษามันทันที เลวร้ายที่สุดก็คือขวานยักษ์ก็แค่ถูกทำลาย แต่นั่นเป็นสิ่งที่เขาคงรับมันไม่ไหว!

ในที่สุดซ่งจงค้นพบกับสถานที่หลบภัยของขวานยักษ์ลึกลับแล้ว ปรากฏว่าขวานนี้เป็นอาวุธที่ยอดเยี่ยมจริงๆ เพียงแต่รูปร่างของมันยังไม่สมบูรณ์และในตอนนี้สภาพของมันได้รับการเสียหายอย่างหนัก มันคือสมบัติวิญญาณอย่างแท้จริง เพียงแค่มันบาดเจ็บมาก พลังของมันหายไปสองในสาม ซึ่งถือว่ามากเกินไป

พลังของมันล้นเหลือจนเกินกว่าจะคาดคิด เพียงเท่านี้สามารถตัดขาดน้ำทะเลทั้งหมดได้นับว่าเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มาก มันสามารถทำให้ระฆังทองแดงของซ่งจงบาดเจ็บเช่นกัน อีกทั้งร่างกายของเขายังบาดเจ็บหนักจากการปะทะกับพลังที่ไม่เต็มที่ของมัน เห็นได้ชัดว่ามันแข็งแกร่งมาก ว่ากันว่าพลังเหล่านี้ทำให้เกิดการแย่งชิงฆ่าฟันเพื่อครอบครองมัน ในเวลานั้นซ่งจงสูญเสียกองทัพอสูรกายประเภทน้ำไปมากมายจากพลังนี้ สมบัติชิ้นนี้ถูกวางไว้ที่นี่มาเนิ่นนานและผู้นำของเกาะเท่านั้นที่มีสิทธิ์จะใช้มัน

ในความเป็นจริงมีอีกผลหนึ่งที่สำคัญว่าทำไมผู้คนอื่นในกลุ่มไม่คิดจะไขว่ขว้าสมบัติชิ้นนี้ เพราะมันเป็นขวานสวรรค์ ซึ่งมนุษย์ธรรมดาไม่อาจจะควบคุมมันได้ ผู้ที่ถูกเลือกเท่านั้นจึงจะสามารถใช้มันได้ พวกเขาจะต้องมอบเลือดและวิญญาณเพื่อที่จะควบคุมมัน แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนที่มันจะยอมรับ ระดับขั้นของผู้ที่ใช้มันจำเป็นจะอยู่ในระดับต้าเชิ่ง เช่นนี้การใช้ขวานยักษ์เล่มนี้จะต้องใช้ค่ายกลป้องกันของเกาะร่วมด้วย เพราะมันต้องการปราณจิตวิญญาณขนาดใหญ่และอีกวิธีหนึ่งที่ผู้นำดงไห่ใช้ก็คือการสังเวยโลหิตเพื่อที่จะควบคุมมันเพียงชั่วครั้งชั่วคราว

ทั้งสองวิธีนั้นมีข้อดีและเสียในตัวเอง สำหรับการใช้ค่ายกลป้องกันเป็นขุมพลัง มันสามารถโจมตีได้ไกลหลายร้อยลี้ แต่ไม่อาจเทียบกับเรือมังกรอัคคีที่โจมตีระยะพันลี้ได้ ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นต้องใช้กองทัพด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งนับว่าเป็นวิธีที่แย่มากสำหรับผู้นำดงไห่ในตอนนั้น

ผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินจะต้องทำการสังเวยโลหิตของตนเองเพื่อที่จะใช้ดาบในการโจมตีแต่ละครั้ง แล้วผู้อื่นสามารถทำมันได้ไหม?

อย่างไรก็ตาม การสังเวยโลหิตสำหรับผู้ฝึกตนเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ผู้นำดงไห่จะไม่สามารถฟื้นฟูโลหิตบริสุทธิ์ที่เขาใช้ไปได้ในเวลาสิบปีนี้แน่นอน อีกทั้งปราณจิตวิญญาณของเขายังเสียหายอย่างหนักจากการใช้มัน

หลังจากที่ชั่งใจอยู่ชั่วครู่ถึงข้อดีและข้อเสียของมัน สุดท้ายเขาเลือกวิธีแรกที่จะใช้ควบคุมขวาน เพราะเขาไม่ต้องการเสียโลหิตบริสุทธิ์เพียงแค่เล่นกับมัน วิธีแรกคือสิ่งที่ดีที่สุด

ในตอนนี้เรือมังกรทองคำของซ่งจงได้พัฒนามาเป็นขั้นที่สอง ความใหญ่ของมันนั้นเพิ่มขึ้นมาก แน่นอนว่าพลังของมันก็จะมากตามไปด้วย และมันจะเป็นแหล่งพลังงานให้กับขวานยักษ์ลึกลับได้ เมื่อเวลานั้นมาถึงขวานยักษ์และเรือมังกรทองคำจะต้องเผาผลาญทรัพยากรจำนวนมากอย่างแน่นอน

แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงความคิดของซ่งจงเท่านั้น จากนั้นนางจึงคิดถึงแม่มดเทวะทั้งเก้า พวกนางนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญ เขาต้องคุยกับพวกนางถึงปัญหาเหล่านี้ แน่นอนว่าเมื่อคุยกันแล้ว ในที่สุดเขาก็ได้รับคำยืนยันว่าความคิดของซ่งจงนั้นสามารถเป็นไปได้อย่างแน่นอน

แน่นอนว่าในตอนนี้ซ่งจงมีความสุขมาก ทำให้เขาเริ่มคิดที่จะลงมือทำเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ทันที ซ่งจงล้วงกระเป๋าของตนเองเพื่อหยิบของจากมิติออกมา

ซ่งจงใช้เวลาอยู่หลายวันในการจัดการเรื่องของขวานยักษ์ เขายังไม่รู้ว่าเขาจะต้องเจอกับอะไร จึงไม่รีบที่จะทำอะไรหุนหันพลันแล่น

เมื่อเขาออกมาจากห้อง เขาเห็นอาวุโสเอ๋าเทียนกำลังยืนรอเขาอยู่ เมื่อเห็นว่าซ่งจงออกมาแล้ว เอ๋าเทียนดีใจมากพร้อมกับวิ่งเข้ามาหาอย่างรีบเร่ง “ฝ่าบาท ข้านึกว่าท่านจะไม่ออกมาเสียแล้ว รีบออกไปด้านนอกเถอะ เกิดเรื่องแล้ว!”

ซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขากังวลทันที ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมพร้อมกล่าวอย่างรวดเร็ว “เกิดอะไรขึ้น? มีอะไรผิดพลาดงั้นหรือ?”

“มีบางอย่างกำลังมา!” อาวุโสเอ๋าเทียนกล่าวอย่างร้อนรน “มีกองทัพเล็กๆกำลังมา เราอาจจะสูญสิ้นได้! ฝ่าบาทท่านควรจะหาหน่วยข่าวกรองที่สามารถไว้ใจได้เพื่อที่จะได้รับข่าวล่วงหน้าๆ! แน่นอนว่าเช่นนี้เรารอดพ้นได้แน่นอน!”

ซ่งจงได้ยินเช่นนั้น รู้สึกผ่อนคลายลงพร้อมกล่าวอย่างสบายใจ “เราชนะแล้ว เราจะต้องกังวลอะไรอีกล่ะ?”

“เพราะว่าท่านกำลังมา!” เอ๋าเทียนรีบกล่าว

“หืม ท่าน?” ซ่งจงงุนงงพร้อมถามต่อ “พูดอะไรของเจ้า?”

“โอ้ จักรพรรดินีกำลังมา นางคือจักรพรรดินี!” เอ๋าเทียนกล่าวอย่างกังวล “นางเพิ่งออกจากการฝึกฝนและได้ยินว่ามีสงครามเกิดขึ้น ท่านจงรีบมาเถิด ปัจจุบันนี้การรบได้ยุติลงแล้ว! นางมีคำถามมากมายที่ต้องการถามท่าน เช่นนี้ท่านจะไม่ให้ข้ากังวลได้อย่างไร?”

ซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาขมวดคิ้วทันที เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้เขาได้พบเจอกับหญิงสาวที่รูปร่างเหมือนกับไดโนเสาร์ ภายในใจของเขาสั่นไหวทันที แต่เขาก็ฝืนที่จะเผยรอยยิ้มบนใบหน้าและกล่าวว่า “แล้วนางทำอะไร? นางตื่นขึ้นมาเพื่อที่จะชกข้าอีกงั้นเหรอ?”

“ไม่ใช่เพียงเท่านั้น ไม่ใช่แน่!” เอ๋าเทียนกระวนกระวาย “แน่นอนว่านางมีเรื่องอยากจะคุยกับท่าน! ท่านจงไปพบนางเถิด!”

“ข้าคิดว่าคงไม่มีอะไรหรอก จริงไหม?” ซ่งจงเปิดเผยรอยยิ้ม “มันคือความโชคดี ข้าไม่คิดว่ามันคือหายนะหรอก ไปเถอะ!”

ซ่งจงกล่าวเช่นนั้นพร้อมเดินไปกับอาวุโสเอ๋าเทียนเพื่อไปพบกับจักรพรรดินี

เวลาเพียงไม่นาน ซ่งจงเดินตามเอ๋าเทียนมาจนพบว่าจักรพรรดินีกำลังพูดคุยกับเหล่าอสูรกายอยู่

พวกเขานั้นมองจักรพรรดินีของตนสวยสง่าและมีน้ำใจอยู่เสมอมา

แต่ภาพที่ซ่งจงมองเห็นว่าจักรพรรดินีนั่งอยู่บนเก้าอี้ เท้าทั้งสองของนางอยู่บนโต๊ะ ซึ่งมันเป็นกริยาที่น่าเกลียดอย่างยิ่ง นี่คือหญิงสาวที่หยาบกร้านอย่างแท้จริง

ควบคู่ไปกับชุดของนางที่ราวกับผ้าขี้ริ้ว ถ้าหากซ่งจงไม่รู้มาก่อนคงคิดว่านางเป็นเพียงยาจกทั่วไป แต่ก็ตามเรื่องราวคือความจริงนางคือจักรพรรดินี!

เมื่อซ่งจงและเอ๋าเทียนเดินเข้ามา นางไม่ได้รอให้พวกเขาแสดงความเคารพ ทั้งสองได้ยินเสียงดังสองครั้ง จากนั้นทั้งสองรีบเหยียดมืออกไปทันทีเพื่อจับสิ่งเหยือกไวน์ที่พุ่งมา!

จากนั้นจักรพรรดินีกล่าวออกมาอย่างเกียจคร้าน “ไวน์นี้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ไวน์ชั้นดี ข้านั้นไม่ได้ดื่มนานแล้ว ในตอนนี้ข้าอยากจะดื่มกับเจ้า!”

ซ่งจงที่ได้ยินเช่นนั้น เขาไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ออกมา เห็นได้ชัดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นของรางวัลที่ได้รับหลังจบสงคราม นางทำเช่นนี้ได้อย่างไร?

แน่นอนว่าสิ่งเหล่านั้นซ่งจงเพียงแค่คิดในใจเท่านั้น เขาเผยรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าพร้อมกล่าวว่า “ขอบคุณท่านมาก!” จากนั้นเขาคำนับหนึ่งครั้งพร้อมกับยกไวน์ดื่มอึกใหญ่ อาวุโสเอ๋าเทียนเห็นเช่นนั้นรีบทำตามทันที

ในตอนนี้ทุกคนดื่มไวน์กันอยู่ นางกล่าวขึ้นมาว่า “เอ๋าเทียน เจ้าออกไปดื่มด้านนอก ข้ามีเรื่องจะคุยกับเด็กคนนี้!”

แน่นอนว่าเอ๋าเทียนไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งของจักรพรรดินี เขารีบพยักหน้าพร้อมกล่าวว่า “เป็นเช่นนั้น ข้าจะยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู!” จากนั้นเขารีบหมุนตัวออกไปทันที

“นั่งลงสิ!” จักรพรรดินีกล่าวออกมาอีกครั้ง จากนั้นนางหยิบไวน์ขึ้นดื่มอีกครั้งอย่างเกียจคร้านและบรรยากาศโดยรอบเงียบสงัด…

ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

กดติดดาวไว้ด้วยน้า มันจะได้แจ้งเตือนค่ะ
ฝากกด like เพจด้วยนะคะ

*ผู้แปลขี้โรค