ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ จอมมารสะท้านภพ (เรื่องใหม่)

สารบัญ ราชันเทพเก้าสุริยัน

••••••••••••••••••••

บทที่ 298: พบเจอนางสวรรค์อีกครั้ง (3)

ซ่งจงนั้นรู้ดีว่าสายพันธ์ของจักรพรรดินีนั้นคือมังกร การดื่มไวน์พวกนี้ไม่สามารถทำอะไรนางได้เลย ดังนั้นซ่งจงจึงไม่ได้คิดอะไร แต่ภายในห้องโถงนี้เต็มไปด้วยขวดไวน์มากมายจนแทบจะไม่มีทางเดินเหลือ ซ่งจงเตะขวดไวน์ให้พ้นทางพร้อมกับนั่งลงที่พื้น

จากนั้นซ่งจงยกไวน์ขึ้นดื่มพร้อมกล่าวอย่างเรียบเฉย “ท่านมีสิ่งใดที่สำคัญงั้นหรือ?”

จักรพรรดินีแอบชื่นชมความตรงไปตรงมาของซ่งจงอยู่ในใจ ก่อนจะพยักหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แท้จริงแล้วไม่มีอะไรมาก ข้าเพียงแค่ต้องการถามว่าเจ้านั้นเป็นมนุษย์หรือว่าอสูรกายกันแน่!”

ซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาตะลึกไปชั่วขณะ แต่ไม่ได้แสดงสีหน้าตื่นตระหนกออกไป เขาขยี้จมูกพร้อมกล่าวออกมาอย่างขื่นขม “ท่านพูดถึงอะไร?”

“หญิงชราผู้นี้ถ้ารู้แล้วจะมาถามเจ้าทำไม?” จักรพรรดินีกล่าวออกมา

“ฮี่ฮี่!” ซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาอดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มออกมา “ท่านเป็นทายาทของมังกรศักดิ์สิทธิ์ที่มองไม่เห็นว่าข้านั้นเป็นอสูรกายงั้นหรือ? นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน!”

“โอ้!” หลังจากจักรพรรดินีได้ยินเช่นนั้น นางช่วยไม่ได้นอกจากพ่นลมหายใจยาวออกมาพร้อมกล่าวต่อ “ข้ารู้ว่าเรื่องที่เรากำลังคุยกันมันไร้สาระ แต่ข้ารู้สึกไม่มั่นคงจริงๆ! พลังของเจ้านั้นเป็นสายเลือดเต่าดำศักดิ์สิทธิ์ที่บริสุทธิ์อย่างยิ่ง อีกทั้งเส้นสายธารโลหิตบนแผ่นหลังที่เจ้ามี ถ้าหากข้าไม่เชื่อก็ดูไม่ดีนัก แต่เมื่อเร็วๆนี้เจ้าทำสงครามกับเหล่ามนุษย์ หลายคนนั้นบอกว่าเจ้าเป็นมนุษย์ หลังจากที่ข้ามาถึง ข้าถามเหล่าเชลยถึงตัวตนของเจ้า ทั้งหมดบอกข้าว่าเจ้าเป็นศิษย์ของสำนักเสวียนเทียนนามว่าซ่งจง! ข้าต้องการรู้ว่ามันคือเรื่องจริงหรือไม่?”

ซ่งจงนั้นรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่อาจปกปิดได้ เขาไม่ได้แสดงสีหน้าตกใจอะไรพร้อมกับพยักหน้าและกล่าวต่อ “ถูกแล้ว ข้าเป็นผู้ฝึกตนมนุษย์นามว่าซ่งจง!”

หลังจากที่กล่าวเช่นนี้ออกไป ซ่งจงเปิดการป้องกันทั้งหมดอย่างลับๆ เขาคิดว่าร่างกายของเขานั้นเป็นมนุษย์และการปลอมตัวเป็นลูกหลานจักรพรรดินีเช่นนี้คงจะสร้างความขุ่นเคืองให้กับนางอย่างมากแน่นอน แม้ว่าเขาจะไม่เกรงกลัวต่อนาง แต่ทว่าพลังของนางนั้นก็ยังน่ากลัวสำหรับเขาอยู่ดี ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจอย่างมาก

อย่างไรก็ตามในตอนนี้มีบางสิ่งเกิดขึ้นกับซ่งจงอย่างไม่คาดคิด จักรพรรดินีไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจแต่อย่างใด นางถามออกมาด้วยความอยากรู้ “แปลกมาก ในเมื่อเจ้าเป็นมนุษย์แล้วเหตุใดจึงมีสายเลือดของอสูรกาย? โดยเฉพาะเส้นสายธารโลหิตที่อยู่บนหลังของเจ้า?”

“มันเป็นสมบัติวิเศษของข้าเองชื่อของมันคือเส้นสายธารโลหิต!” ซ่งจงกล่าวออกไปอย่างซื่อตรง

“เส้นสายธารโลหิตงั้นหรือ?” หลังจากที่จักรพรรดินีได้ยินเช่นนั้น นางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น “ไม่น่าใช่! เส้นสายธารโลหิตนั้นเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างยิ่ง เจ้าไม่สามารถผสานรวมกับมันได้โดยสมบูรณ์แบบเช่นนี้ ปราณจิตวิญญาณของอสูรกายไม่สามารถหลอมรวมกับมนุษย์ได้ดีเท่านี้ แต่สิ่งที่ข้าเห็นจากเจ้าในตอนนี้คือมันแตกต่างออกไป เจ้าไม่มีข้อบกพร่องเลยแม้แต่น้อย มันคืออะไรกัน?”

“มันเป็นเพียงความโชคดีของข้าเท่านั้นที่ค้นพบไฟต้นกำเนิด จากนั้นข้าใช้ไฟเหล่านั้นชำระล้างก่อนที่จะผสานมันเข้ากับร่างกายตนเอง” ซ่งจงกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ

“โอ้ ร่างกายของเจ้านั้นเต็มไปด้วยโชคชะตาที่ยอดเยี่ยม!” จักรพรรดินีกล่าวออกมาอย่างประหลาดใจ “แต่สมบัติที่เจ้าใช้นั้นเป็นสิ่งที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง ข้านั้นมีเพียงความฝันเท่านั้นจึงจะได้พบมัน เจ้าได้มันมาอย่างไร?”

“มีอาวุโสนำมันมาแลกเปลี่ยนกับชาวิถีเต๋าที่ข้ามี!” ซ่งจงกล่าวออกไปตรงๆ

“ชาวิถีเต่างั้นหรือ แล้วเจ้าครอบครองมันได้อย่างไร?” จักรพรรดินีถามออกไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของนางนั้นแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการมันอย่างมาก

ซ่งจงเห็นนางเช่นนั้น เขาเข้าใจทันที ในตอนนี้จักรพรรดินีนั้นอยู่ในขั้นเจ็ด หากได้รับชาวิถีเต๋าในครั้งนี้ แน่นอนว่านางจะต้องผ่านพ้นสภาวะตีบตันไปได้ ซึ่งสิ่งนี้สามารถช่วยเหลือนางได้อย่างมาก จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้นางตื่นเต้นอย่างมาก

เมื่อเห็นเช่นนี้ หัวใจของซ่งจงสั่นไหวพร้อมกล่าวออกไป “ในครั้งนั้นข้าสังหารผู้ฝึกตนหยวนหยินที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและปล้นมันมาจากเขาได้เล็กน้อย!”

“งั้นหรือ? ข้าต้องการมันจริงๆ” จักรพรรดินีรีบกล่าวออกมา นางนั่งจ้องซ่งจงอย่างอดทน

“เล็กน้อย!” ซ่งจงกล่าวพร้อมกับยกมือขึ้น พร้อมยื่นเหยือกเล็กๆให้กับจักรพรรดินี “นี่เป็นชาสำหรับสามถ้วยสุดท้ายที่ท่านต้องใช้ใช่หรือไม่?”

“ยอดเยี่ยม เท่านี้ก็เพียงพอ!” จักรพรรดินีตื่นเต้นมากพร้อมกับรับมันไว้ เมื่อเปิดดูมันเป็นชาวิถีเต๋าจริงๆ นางกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น “เด็กน้อย เจ้านั้นช่วยเหลือข้ามากมายจริงๆ ข้าพอจะทำอะไรเพื่อตอบแทนเจ้าได้บ้าง?”

“ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น” ซ่งจงโบกมืออย่างไม่สนใจ “ท่านมอบเรือมังกรทองคำให้กับข้าแล้ว ซึ่งมันมีประโยชน์กับข้ามาก เป็นข้าต่างหากที่ติดหนี้บุญคุณของท่าน!”

“ฮ่าฮ่า เจ้าช่างเป็นเด็กดีเหลือเกิน ข้ามีความสุขมาก!” จักรพรรดินีเก็บชาไว้ก่อนที่จะกล่าวต่อ “ยอดเยี่ยมมาก เจ้าชายที่ข้าเลือกนั้นเป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ในอนาคตเจ้าต้องทำมันได้มากแน่นอน! ข้าเชื่อว่าทะเลตะวันออกจะดีขึ้นเพราะเจ้า! ดื่ม!”

เมื่อกล่าวจบ จักรพรรดินียกไวน์ขึ้นดื่มรวดเดียวหมดขวด หลังจากที่ซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาจ้องมองนางทันทีพร้อมกล่าวออกมาอย่างขื่นขม “ท่านไม่คิดว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดงั้นหรือ? ข้าเป็นมนุษย์นะ? พวกท่านเรียกข้าว่ามนุษย์ แล้วเหตุใดจึงได้ยอมรับให้ข้าอยู่ในเผ่าพันธุ์ของอสูรกายล่ะ?”

“อืม มันมีสิ่งใดไม่ถูกต้องงั้นหรือ? หลังจากที่เจ้าชำระล้างกับไฟต้นกำเนิดแล้ว เจ้านั้นเป็นสายเลือดของเต่าดำศักดิ์สิทธิ์โดยสมบูรณ์ เจ้าเป็นลูกครึ่งอสูรกาย พวกเขาจะต้องยอมรับเจ้าอย่างแน่นอน!” จักรพรรดินีกล่าวออกมาอย่างสบายใจ

“ข้าน่ะหรือ ไม่ได้หรอก? มันจะดีเหรอ?” หลังจากซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เหมือนกับเขาฝันไป เขาไม่คิดว่าเขาจะผ่านการทดสอบนี้อย่างง่ายดาย

จักรพรรดินีเห็นเช่นนั้นอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “ข้ามองดูเจ้าตอนนี้และมีความเห็นว่าเจ้าไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย ในตอนนี้เหล่าอสูรกายไม่ได้เคลือบแคลงใจในตัวของเจ้าเลย จากที่ข้ามองมนุษย์นั้นก็เป็นอสูรกายเช่นกัน แต่เพียงพวกเขาเป็นประเภทอื่น!”

“มนุษย์กับอสูรกายงั้นหรือ?” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาหัวเราะออกมาอย่างขมขื่นพร้อมกล่าวต่อ “ข้านั้นเป็นลูกครึ่งมนุษย์กับอสูรกาย อีกทั้งยังไม่ใช่ลูกหลานจักรพรรดิ ไม่สมควรที่จะเป็นเจ้าชายแห่งทะเลตะวันออก!”

“ไม่ใช่ เจ้ามีสายเลือดบริสุทธิ์ของเต่าดำศักดิ์สิทธิ์ครึ่งหนึ่ง เจ้าสามารถเป็นเจ้าชายได้!” จักรพรรดินีกล่าวออกมาอย่างเรียบง่าย

“มันเป็นสิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามาในร่างกายของข้า!” ซ่งจงรีบกล่าว

“ข้ารู้และไม่สนใจมัน!” จักรพรรดินีกล่าวออกมาอย่างไม่สนใจ “เหล่าอสูรกายนั้นไม่สนใจมนุษย์อย่างแท้จริง แต่ทว่าเจ้านั้นแตกต่างออกไปเพราะเจ้ามีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์อยู่ในร่างกาย ไม่ว่าเจ้าจะได้รับเลือกด้วยวิธีใด แน่นอนว่าเจ้าคือผู้ถูกเลือกแล้ว!”“ท่านมองเพียงสายเลือดนี้ก็เพียงพองั้นหรือ?” ซ่งจงอดไม่ได้ที่จะถามออกไป

“มันสำคัญอะไรล่ะ?” จักรพรรดินีเหยียดปากเล็กน้อย “พวกเรานั้นให้ความสำคัญกับความแข็งแกร่ง ตราบใดที่เจ้ามีมันเพียงพอ แน่นอนว่าทุกอย่างจะดีเอง หากผู้ใดที่มีสายเลือดที่บริสุทธิ์แต่ทว่าอ่อนแอ ก็จะไม่มีอสูรตนใดสนใจเขา!”

“หืม?” หลังจากซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาตระหนักถึงอะไรบางอย่าง “ข้าเข้าใจว่าท่านให้ความสำคัญกับเส้นสายธารโลหิตบนหลังของข้าที่เป็นตัวแทนของพลังทั้งหมดในตอนนี้ ถูกต้องหรือไม่?”

“ถูกต้อง!” จักรพรรดินีกล่าวออกมาอย่างซื่อตรง “เด็กน้อยเอ๋ย อนาคตของเจ้านั้นยาวไกลยิ่งนัก เพียงแค่ระดับจินตันไม่อาจหยุดเจ้าไว้ได้อย่างแน่นอน เห็นได้ว่าอนาคตของเจ้านั้นไร้ขีดจำกัด ดังนั้นเจ้าจะได้รับการดูแลอย่างดีจากเรา แต่ถ้าหากเจ้ามีสายเลือดบริสุทธิ์แต่ว่าอ่อนแอ ไร้พละกำลัง แน่นอนว่าเจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นเจ้าชายแห่งทะเลตะวันออก!”

“อ่า ข้าเข้าใจแล้ว!” ซ่งจงกล่าวออกมาพร้อมเผยยิ้มกว้าง “กล่าวก็คือแม้ว่าข้าจะเป็นมนุษย์ แต่ก็สามารถที่จะเป็นผู้นำของกองกำลังอสูรกายได้ สามารถเดินทางและมีสิทธิ์ในทะเลตะวันออกเช่นเดิมใช่หรือไม่?”

“แน่นอน! มันไม่สำคัญว่าเจ้าจะเดินทางไปที่ไหน เพียงแต่อย่าหลอกลวงพวกเราดั่งเช่นคนโง่ ถ้าหากเจ้าทำให้พวกเราต้องเจ็บปวด แน่นอนว่าเจ้าจะกลายเป็นกบฏแห่งทะเลตะวันออกทันที!” จักรพรรดินีกล่าวออกมาอย่างเขร่งขรึม

“เป็นเช่นนั้นแน่นอน ข้าไม่ทำ!” ซ่งจงพยักหน้าพร้อมกล่าวต่อ “มีใครบอกท่านรึเปล่าว่าข้าถูกส่งมาเป็นสายลับ?”

“สายลับ?” จักรพรรดินีได้ยินเช่นนั้น นางรู้สึกขำขันทันที “ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน ข้าคงจะเชื่อพวกเขาทันที แต่ในตอนนี้เจ้านั้นทำลายหอเฉวียนจี้และทำลายสำนักพันปีศาจ อีกทั้งยังโจมตีกลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกและยึดครองพื้นที่สำเร็จ ถ้าหากเจ้าบอกว่าเจ้าเป็นสายลับให้กับมนุษย์ แน่นอนว่าข้าคงจะไม่อาจเชื่อได้ลง!”

ซ่งจงเผยรอยยิ้มขื่นขมพร้อมกล่าวต่อ “ที่จริงแล้วข้าไม่ได้เต็มใจที่จะเป็นเช่นนี้ สถานการณ์ต่างๆได้บีบบังคับให้ข้าทำ!”

“ฮ่า ข้านั้นขอบคุณสถานการณ์เหล่านั้นจริงๆที่ทำให้เจ้าเป็นเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นพวกเราก็คงจะไม่ได้พบเจ้าชายที่ยอดเยี่ยม กลับกันอาจจะต้องพบเจอกับศัตรูที่น่าเกรงกลัวแทน!” จักรพรรดินีหัวเราะออกมา “ในตอนนี้เหล่ามนุษย์ได้สูญเสียสมบัติล้ำค่ามาให้กับเราแล้ว สงครามครั้งนี้มอบอะไรให้กับข้ามากมายเหลือเกิน ดื่มเถิด!”

เมื่อนางกล่าวเช่นนั้น นางยกไวน์ดื่มอีกหนึ่งเหยือกหมดในรวดเดียว แต่ซ่งจงที่นั่งยิ้มอยู่ด้านข้างเกิดความรู้สึกอยู่ภายในจิตใจที่กำลังสั่นไหว มนุษย์นั้นเป็นเพื่อนของเขา แต่กลับสร้างความเจ็บปวดให้กับเขาอย่างมากมาย เผ่าพันธุ์อสูรกายเหล่านี้ที่เคยเป็นศัตรู ตอนนี้กลับเป็นมิตรที่พึ่งพาให้กับเขา จิตใจของเขารู้สึกอบอุ่นราวกับพบเจอครอบครัวอีกครั้ง

ในเวลานั้น จักรพรรดินีถามเขาว่า “เด็กน้อย เจ้านั้นทำลายกลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกเสียย่อยยับ แล้วแผนต่อไปของเจ้าคืออะไรล่ะ? เจ้าคิดที่จะเข้าไปทำลายสิ่งใดในเทือกเขาอีกงั้นหรือ?”

“ไม่ ไม่แล้ว!” ซ่งจงโบกมืออย่างรวดเร็ว “ความสามารถของข้านั้นยังไม่เพียงพอ เนื่องจากการกดดันที่หนักหนาสาหัสของเหล่ามนุษย์ทำให้กองทัพอสูรกายไม่สามารถขึ้นไปที่นั่นได้ ข้ายังไม่คิดจะแสดงท่าทีในตอนนี้!”

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” จักรพรรดินีกล่าวพร้อมขมวดคิ้ว

“ง่ายมาก ข้าจะใช้การลาก!” ซ่งจงกล่าว “สถานการณ์ในตอนนี้นั้นดีมากแล้ว หลังจากที่เราสามารถครอบครองทะเลตะวันออกได้ แล้วเมื่อนั้นเราจึงจะค่อยเดินทางอีกครั้ง เพื่อจะปกครองทั้งหมดให้ได้โดยง่าย ในตอนนี้พวกเขานั้นเหนื่อยมาก เราไม่ควรจะต่อสู้อีกครั้งในเร็วๆนี้ ข้าอยากให้กองกำลังได้พักผ่อน ในตอนนี้ไม่มีกลุ่มพันธมิตรที่คอยรุกรานเราแล้ว อสูรกายจะสามารถขยายเผ่าพันธุ์ได้เต็มที่ เมื่อถึงวันนั้นเราจะบุกเข้าไปในเทือกเขาเพื่อทำสงคราม!”

“อืม มีเหตุผล! ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเจ้าจะสามารถคิดอะไรเช่นนี้ได้!” จักรพรรดินีกล่าวหยอกล้อ “ถ้าเป็นเช่นนั้น ทะเลตะวันออกนี้เป็นของเจ้า ข้าให้สิทธิ์ในการตัดสินใจ ถ้าหากเจ้าคิดจะสู้ ข้าจะคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง!”

หลังจากนั้นพวกเขาพูดคุยกันต่อพร้อมดื่มไวน์ไปด้วย เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังลั่นออกไปด้านนอก สุดท้ายแล้วจักรพรรดินีเมามากและต้องการพักผ่อน

แม้ว่าในตอนนี้จักรพรรดินีได้ฟุบหลับไปแล้ว แต่ซ่งจงในตอนนี้ได้รับความไว้วางใจจากนางมากขึ้น ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญสำหรับเขามาก ภายในหัวใจของเขาเกิดความรู้สึกใหม่ขึ้นมา เขาพึมพำกับตนเองว่า “พวกเจ้าจะไม่มีวันรังแกข้าได้อีกต่อไป ในตอนนี้ทะเลตะวันออกเป็นบ้านหลังที่สองของข้า!”

จากนั้นซ่งจงอุ้มจักรพรรดินีวางลงบนเตียงอย่างแผ่วเบาเพื่อให้นางได้พักผ่อนอย่างเต็มที่

ขณะที่ซ่งจงกำลังจะเดินออกไป จักรพรรดินีเปิดตาขึ้นมาพร้อมกล่าวอย่างไม่พอใจ “เจ้านี่มันเด็กโง่เสียจริง ความสามารถของหญิงชราผู้นี้ไม่จำเป็นต้องใช้ผ้าห่มเหล่านี้หรอก!”

แม้ว่านางจะแสดงสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก แต่ภายในหัวใจของนางรู้สึกถึงความอบอุ่นจากเขาอย่างชัดเจน จากนั้นนางค่อยๆหลับตาลงในเวลาต่อมา

หลังจากที่เดินออกมาจากห้องโถงใหญ่ เขาพบกับอาวุโสเอ๋าเทียนที่ยืนรออยู่ด้านนอก เอ๋าเทียนเห็นซ่งจงเดินออกมาเขารีบถามอย่างรวดเร็ว “ฝ่าบาท ท่านจักรพรรดินีกล่าวสิ่งใดบ้าง?”

“นางให้ข้ารับผิดชอบการทำสงครามภายในทะเลตะวันออกทั้งหมด!” ซ่งจงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“โอ้ ยอดเยี่ยม ไม่เคยมีผู้ใดได้รับสิทธิ์เช่นนี้มาก่อน!” เอ๋าเทียนกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น

อย่างไรก็ตามซ่งจงที่ได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวต่อ “และถ้าหากไม่มีคำพูดของนางรองรับ เหล่าอสูรกายจะไม่ยอมรับข้างั้นหรือ? เจ้าไปหามาสิว่าผู้ใดไม่พอใจข้าบ้าง แน่นอนว่าข้าจะไม่ทำร้ายเขา!”

เอ๋าเทียนได้ยินเช่นนั้น เขาเผยรอยยิ้มออกมา “ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน คงจะไม่มีผู้ใดเชื่อใจท่าน แต่ในตอนนี้ท่านได้อยู่ในกองทัพของอสูรกายแห่งทะเลตะวันออกแล้ว ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะไม่ยอมรับ! ท่านคือผู้นำของพวกเรา”

“ยอดเยี่ยม!” ซ่งจงเผยยิ้มกว้าง “แล้วเผ่าพันธุ์อื่นนอกเหนือจากเจ้าล่ะ พวกเขาคิดอย่างไรกับเรื่องนี้?”

 

ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

กดติดดาวไว้ด้วยน้า มันจะได้แจ้งเตือนค่ะ
ฝากกด like เพจด้วยนะคะ

*ผู้แปลขี้โรค