ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ จอมมารสะท้านภพ (เรื่องใหม่)

สารบัญ ราชันเทพเก้าสุริยัน

••••••••••••••••••••

บทที่ 299: โต้ตอบอสูรกาย (1)

“ฝ่าบาท การโจมตีทั้งหมดผ่านไปได้ด้วยดีด้วยแผนของท่านทำให้เราสามารถโจมตีสำเร็จ แผนของท่านนั้นยอดเยี่ยมจริงๆ!” เอ๋าเทียนกล่าวออกมาอย่างชื่นชม

“แผนของข้านั้นเล็กน้อยอย่างมาก มันไม่ใช่ความชอบของข้าทั้งหมดหรอก!” ซ่งจงกล่าวพร้อมโบกมืออย่างสบายๆ “อย่าลืมบอกเหล่าอสูรว่าเหล่าผู้ฝึกตนที่มีชีวิตรอดนั้นเป็นแรงงานของเรา จึงไม่อาจทำร้ายเขาได้ เมตตาต่อพวกเขาด้วยล่ะ!”

“ท่านวางใจได้เลย พวกเขารู้ดีว่าเหล่ามนุษย์กำลังทำงานเพื่อให้พวกเราแข็งแกร่งขึ้น ทุกคนนั้นมีความสุขมาก การคุมขังเป็นไปอย่างราบรื่นและพวกเขาอยู่ร่วมกันได้!” เอ๋าเทียนกล่าวออกมาอย่างรีบเร่ง

“เป็นเช่นนั้นก็ดีมาก” ซ่งจงกล่าวต่อ “ในตอนนี้เราควรจะอยู่เงียบๆ แต่ต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลาเพราะเราไม่รู้ว่าเหล่าผู้ฝึกตนมนุษย์นั้นจะวางมือจากเรื่องนี้หรือไม่ แม้ว่าพวกเขาไม่อาจกู้คืนสถานการณ์ทั้งหมดได้ แต่เขาอาจจะมีแผนเพื่อล่อลวงเรา!”

“ใช่ ข้าจะสั่งให้พวกเขาขยายขอบเขตการลาดตระเวน เพิ่มเวรยามเป็นสองเท่า การแจ้งเตือนต้องรวดเร็วที่สุด!” อาวุโสเอ๋าเทียนพยักหน้าพร้อมกล่าวออกมา

“ยอดเยี่ยม เจ้าไปได้ ข้าต้องการเข้าสู่การฝึกฝนแบบปิด!” ซ่งจงกล่าว

“รับทราบ!” เอ๋าเทียนไม่กล้ากล่าวอะไรยืดเยื้อ เขารีบออกไปทันทีเมื่อได้รับคำสั่ง

ช่วงเวลาผ่านไปสองถึงสามปี รวดเร็วราวกระพริบตา เหล่าอสูรกายนั้นเป็นอิสระ พวกเขาวิ่งไปมาในทะเลตะวันออกอย่างมีความสุข ในตอนนี้การยึดครองชายฝั่งของทะเลตะวันออกสมบูรณ์แบบ อีกทั้งพวกเขายังจัดเตรียมกองกำลังเพื่อจะบุกเข้าไปโจมตีในเทือกเขาใหญ่

ภายในเทือกเขาใหญ่นั้น มนุษย์ล้วนแต่เกรงกลัวจักรพรรดินีแห่งทะเลตะวันออก พวกเขาไม่กล้าที่จะเข้าใกล้ชายฝั่งแม้แต่น้อย ผู้ที่อาศัยอยู่ใกล้กับประตู ย้ายข้าวของเพื่อหลบเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว ใครจะสามารถอยู่ร่วมกับเหล่าอสูรกายนับล้านได้กันล่ะ?

แม้ว่าในตอนนี้กองทัพอสูรกายจะยังไม่โจมตีภายในเทือกเขาใหญ่ แต่ถ้ามันเกิดขึ้น แม้แต่สำนักเสวียนเทียนก็คงไม่อาจหยุดยั้งพวกมันไว้ได้ ดังนั้นผู้อาศัยอยู่โดยรอบเลือกที่จะล่าถอยออกไปก่อนรอให้สถานการณ์ชัดเจนมากกว่านี้

แต่ความกลัวของเหล่ามนุษย์นั้นทำให้อสูรกายได้ใจ พวกมันยึดครองพื้นที่มากกว่าพันลี้ในเทือกเขาใหญ่ ทั้งหมดยึดครองพื้นที่อาศัยของมนุษย์อย่างเหิมเกริม

ความเป็นจริงก็ไม่ถูกนักที่เหล่ามนุษย์จะร่ำไห้ในวันนี้ เพราะเมื่อในอดีต พวกเขาก็กระทำกับเหล่าอสูรกายเช่นนี้เหมือนกัน กาลก่อนเหล่าอสูรกายนั้นต่อสู้ด้วยร่างกายของตนเองเท่านั้น พวกมันได้เปรียบในเรื่องของจำนวนที่มากกว่า แต่ในตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป พวกมันมีอาวุธวิเศษครบมือ สามารถใช้งานได้อย่างคล่องแคล่ว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหล่าอสูรกายอาวุธครบมือเช่นนี้ เหล่าผู้ฝึกตนจะหยุดยั้งพวกเขาได้อย่างไร? และยิ่งจำนวนของพวกมัน ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถต่อกรได้เลย

อย่างไรก็ตามช่วงเวลาเช่นนี้ เหล่าอสูรกายอยู่ในจุดที่รุ่งเรืองอย่างมาก เหล่ามนุษย์กำลังท่ดถอยไปอย่างรวดเร็ว แต่พวกเขาก็ไม่อาจโต้ตอบได้เพราะผลลัพธ์ไม่คุ้มค่าพอ

สำหรับซ่งจงในตอนนี้แล้ว เขาหดหู่ใจเล็กน้อยในการตามหาซูหยุนและซูหยู่ เขาเดินออกมาด้านนอกแล้วพบว่าในวันนี้เขาเห็นว่าจักรพรรดินีกำลังเยี่ยมชมเรือมังกรทองคำที่กำลังซ่อมแซมอยู่

ในวันนี้ซ่งจงนั้นอยู่ในห้องฝึกฝนแบบปิด เขาได้รับรายงานว่ามีผู้ฝึกตนมนุษย์สามีภรรยาคู่หนึ่งมาเพื่อพบเขาโดยตรง

ซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาอดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มออกมา “พวกเขาเห็นฉันเป็นแมวหรือสุนัขกันล่ะ ถึงร้องขอเช่นนี้?” เมื่อกล่าวไปเช่นนั้น ซ่งจงยังอยู่ในท่าทีที่เรียบเฉย

เมื่อเอ๋าเทียนได้ยินเช่นนั้น เขาหดหู่พร้อมตอบกลับทันที “ฝ่าบาทผู้ฝึกตนสองคนนั้นอยู่ในระดับหยวนหยิน! ไม่ใช่หมูหมาที่ไหนเลย อีกอย่างเขาบอกว่าเป็นอาวุโสของท่านโดยตรง ซึ่งพวกเราก็ไม่กล้าที่จะปิดกั้น!”

“อืม!” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาพึมพำกับตนเอง “อาวุโสโดยตรงของข้า? ระดับหยวนหยิน? คู่สามีภรรยา? คนที่ข้าพอจะนึกออก ก็คงมีแค่ตระกูลหงเท่านั้น แต่พวกเขาไม่ได้อยู่ที่อื่นงั้นหรือ เหตุใดจึงวิ่งมาที่นี่ได้?”

แม้ว่าซ่งจงจะไม่แน่ใจ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะละเลยสิ่งนี้ เขารีบออกไปพร้อมกับเอ๋าเทียนทันที ซึ่งเขาพบกับผู้ฝึกตนมนุษย์สองคนกำลังบินอยู่ในอากาศด้านนอกและเผชิญหน้ากับจักรพรรดินี แม้ว่าจะมีอสูรกายนับหมื่นตนที่อยู่ในพื้นที่แต่พวกเขาก็อยู่ด้วยกันอย่างสันติ ซ่งจงนั้นมองเห็นสายตาที่อบอุ่นที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี ใบหน้าของพวกเขานั้นติดตรึงอยู่ภายในใจเสมอมา ทั้งสองคนคือสามีภรรยาแห่งตระกูลหง จ้าวสำนักคนก่อนของสำนักเสวียนเทียน

เมื่อเห็นทั้งคู่ ดวงตาของซ่งจงเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา สายตาของเขาโหยหาและคิดถึงอย่างมาก หลังจากที่เขาต้องทุกข์ทรมานอยู่ในความโศกเศร้าเป็นเวลายาวนานเพียงลำพัง ในตอนนี้เขาพบกับครอบครัวที่เขาวางใจแล้ว

“อืม!” ซ่งจงที่น้ำตาอาบแก้มบินเข้าหาทั้งสองทันที เขาคุกเข่าลงตรงหน้าของทั้งคู่ ความโศกเศร้าของซ่งจงที่หลายคนกำลังมองอยู่ตอนนี้ยากที่จะเข้าใจ แต่ทุกคนนั้นรับรู้ถึงความเจ็บปวดในหัวใจของเขาเป็นอย่างดี

ในคราวแรกฝ่ายสามีนั้นใบหน้าแข็งกระด้างเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง ดวงตาทั้งสองของเขาดุร้ายราวกับเหยี่ยว

เมื่อเขาพบว่าเด็กชายร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด สีหน้าของทั้งสองเบาบางลงเต็มไปด้วยความอ่อนโยน

มาดามหงที่หัวใจอ่อนยวบกล่าวออกมาด้วยน้ำตานองหน้า พร้อมรีบกองซ่งจงไว้ทันที “เด็กน้อยเอ๋ย เจ้าทำผิดในคราวนี้!”

“เฮ้อ!” มาดามหงได้แต่ถอนหายใจออกมาขณะกล่าวเช่นนั้น ซ่งจงสะอื้นพร้อมกับพยายามกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “อาวุโสข้าทำไปเพราะแก้แค้นให้กับครอบครัวข้าที่ต้องตายเพราะใครบางคนโง่เขลา!”

“ข้ารู้ พวกเรารู้ดีถึงความรู้สึกของเจ้า!” มาดามหงรีบกล่าวปลอบอย่างรวดเร็ว

เดิมทีนายหงก็เคร่งขรึม เมื่อเห็นภาพเช่นนั้นใบหน้าเขาหดหู่อย่างไม่อาจปกปิดได้ เขาสั่นศีรษะอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกล่าวออกมาอย่างอ่อนโยน “ร้องไห้ทำไมกัน? เราเป็นบุรุษ อย่าให้ผู้ใดเห็นความอ่อนแอนี้!”

“ขอรับ!” ซ่งจงเช็ดน้ำตาทันทีพร้อมกล่าวว่า “พวกท่านมาได้อย่างไร?”

“ข้ามาไม่ได้งั้นหรือ?” นายหงกล่าวออกมา “สามารถมาได้ มาได้อย่างแน่นอน ข้ายินดีต้อนรับเสมอ!” ซ่งจงรีบกล่าวตอบ

“สามี เจ้ากำลังทำให้เด็กกลัว!” มาดามหงดุนายหงพร้อมหันมากล่าวกับซ่งจงด้วยรอยยิ้ม “นี่เป็น….”

ก่อนที่มาดามหงจะกล่าวจบ นายหงแทรกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “อ้วนน้อย การที่เจ้าวิ่งไปมาหลายหมื่นลี้นั้นเป็นการเรียกให้พวกข้ามาพบ!” ซ่งจงตกใจพร้อมกล่าว “ข้าไม่ได้ตั้งใจทำเช่นนั้น เชิญท่านทั้งสองเข้ามาด้านในก่อนเถิด!”

เมื่อซ่งจงกล่าวเช่นนั้น เขาเชิญทั้งสองเข้าด้านใน แต่สองสามีภรรยานั้นก็ไม่สุภาพเช่นนั้น พวกเขารู้สึกว่าที่นี่คือรังของอสูรกายไม่ใช่บ้านและไม่สมควรที่จะเดินเข้าไปด้านใน

ซ่งจงเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ภายในหัวใจของเขาตีบตันทันที ความเชื่อใจทั้งหมดถูกเลือนหายไปแล้วงั้นหรือ? แต่ความจริงก็คือถ้าหากทั้งสองคนยังอยู่ที่ด้านนอก หากต้องเผชิญหน้ากับอสูรกายนับหมื่นแสนตรงนี้ พวกเขายังสามารถหนีได้ แต่ถ้าหากพวกเขาเข้าไปข้างใน มันจะไม่เป็นการปิดประตูตีแมวงั้นหรือ? การเดินเข้าไปด้านในเท่ากับเป็นการมอบชีวิตและความตายทั้งหมดให้ขึ้นอยู่กับซ่งจงแต่เพียงผู้เดียว ซ่งจงนั้นเปลี่ยนไปมากเพียงใด แล้วเขายังสามารถไว้ใจได้อยู่งั้นหรือ? แต่ถึงอย่างไร ทั้งหมดก็ทำได้เพียงคิดเท่านั้น

ตอนนี้เรือมังกรทองคำได้เคลื่อนไหว มันบินขึ้นมาในอากาศอย่างน่าเกรงขาม

หลังจากที่ทั้งสามเดินเข้ามาภายในห้องโถงหลัก ซ่งจงจัดหาที่นั่งให้กับคู่สามีภรรยา ในสถานการณ์สำคัญเช่นนี้ไวน์และผลไม้วิญญาณคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

ซ่งจงนั้นหลังจากที่เขากลายเป็นเจ้าชายแห่งทะเลตะวันออก ผลไม้วิญญาณนั้นสามารถได้รับจากเหล่าอสูรกายที่นำมามอบให้เป็นของกำนัล อาวุโสหงทั้งสองเข้าใจสิ่งนี้ได้อย่างรวดเร็ว

ตระกูลหงนั้นเบื้องหลังเป็นตระกูลที่ร่ำรวยอย่างมาก แต่ว่าทุกอย่างนั้นมีข้อจำกัด นายหงเมื่อเห็นเช่นนั้น เขายิ้มด้วยความยินดีพร้อมกินมันอย่างรวดเร็ว จากนั้นกล่าวออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ “เฮ้ ข้าไม่ได้คาดหวังว่าเจ้าจะสุขสบายเช่นนี้! เจ้านั้นเป็นอสูรกายจริงๆแล้วงั้นหรือ?”

ซ่งจงที่ได้ยินเช่นนั้นเกือบจะหงุดหงิดทันที มาดามหงรีบกล่าวแทรกอย่างรวดเร็วเพราะสิ่งที่สามีของนางพูดนั้นราวกับไม่ได้ผ่านการกลั่นกรองจากสมองมาก่อน “อย่าไปฟังตาแก่นั่นเลย เขาก็พูดจางี่เง่าเช่นนี้แหละ! ปากของเขานั้นเลวร้ายเกินกว่าจะพูดสิ่งใดที่มันดีๆได้ ถ้าหากเขาควบคุมปากและอารมณ์ได้ดีกว่านี้ นักบวชฮัวอวิ๋นก็คงจะไม่พิกลพิการ!”

“หืม?” ซ่งจงประหลาดใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น “เหตุใดนักบวชฮัวอวิ๋นจึงพิการ?”

“ไร้สาระ!” นายหงทุบโต๊ะทันทีพร้อมตะโกนออกมา “ไอ้สารเลวนั่น มันให้บุตรสาวนอกสมรสของมันสังหารบุตรชายคนโปรดของข้าเพียงเพราแค่บุตรข้าไม่ยอมแต่งงานด้วย สารเลว อีกทั้งยังจ่ายส่วยมากมายเพื่อปกปิดเรื่องนี้ สมควรแล้วที่มันจะต้องพิกลพิการเช่นนั้นด้วยน้ำมือศิษย์คนโปรดของข้าและอีกอย่างข้าก็ไม่อยากจะพลั้งมือสังหารให้มันตายหนีความทรมาน มันจะต้องมีชีวิตอยู่เป็นผักปลาเช่นนั้นถูกแล้ว!”

ในขณะที่นายหงกล่าวเช่นนั้นออกมา ผลก็คือบรรยากาศโดยรอบถูกอัดแน่นไปด้วยปราณจิตวิญญาณที่พลุ่งพล่านของเขา ใบหน้าเขากลายเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธที่แท้จริง ซ่งจงเห็นเช่นนั้นรีบกล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว “ขอบคุณอาวุโสมากที่จัดการให้กับครอบครัวของข้า!”

“ทุกคนต้องได้รับความยุติธรรม!” นายหงกล่าวอย่างหงุดหงิด “ข้านั้นมีดวงตาแต่กลับมองไม่เห็นสิ่งใด ไอ้สารเลวนั่นโกหกปิดบังข้ามาหลายทศวรรษ แม้ว่าข้าจะไว้วางใจมันมากขนาดไหน ก็ไม่อาจทำให้คนอย่างมันซื่อสัตย์ได้เลยงั้นหรือ? ดังนั้นข้าจึงกลายเป็นคนที่ไม่มีความยุติธรรมให้กับครอบครัวเจ้าและทุกสิ่งมันไม่ยุติธรรมกับเจ้าด้วยเช่นกัน!”

ขณะกล่าวเช่นนั้นฝ่ามือที่ทุบโต๊ะเมื่อครู่นี้อันตรายเกินกว่าจะคาดคิด เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกโกรธและเสียใจกับเหตุการณ์เหล่านี้อย่างมาก มาดามหงรีบดึงแขนของสามีไว้อย่างรวดเร็วเพื่อให้เขาใจเย็นลง จากนั้นนางหันมาหาเจ้าอ้วนด้วยรอยยิ้มพร้อมกล่าวว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าหลังจากอาวุโสของเรารู้ความจริงทั้งหมด พวกเขาโกรธจัดเป็นฟืนไฟ ทุกคนรีบไปที่สำนักงานใหญ่โดยตรงและเข้าเจรจากับอาวุโส ทั้งหมดตัดแขนของนักบวชฮัวอวิ๋นออกทั้งสองข้าง แม้ว่านี่จะเป็นความผิดครั้งแรกแต่เขาก็ไม่ได้รับความปราณีใดเลย!”

“ขอขอบคุณทุกท่านที่เมตตาครอบครัวของข้า!” ซ่งจงรีบคำนับอย่างรวดเร็วด้วยความซาบซึ้งอีกครั้ง

“ยอดเยี่ยม เจ้าเพียงขอบคุณข้าครั้งเดียวก็พอ ข้านั้นละอายใจเกินกว่าจะเผชิญหน้ากับเจ้าได้ อีกครั้งเมื่อข้าตายไป ข้าจะสามารถพบหน้ากับบุตรที่รักได้หรือไม่ยังไม่รู้!” นางหงกล่าวออกมาเงียบๆ

“เรื่องนั้น…” ซ่งจงเงียบสงัดพร้อมกับเงียบปากในทันที เขาไม่กล้าที่จะกล่าวคำขอบคุณอีกครั้ง แต่ภายในหัวใจของเขาซาบซึ้งแล้วกับสิ่งที่ทั้งคู่ได้กระทำ

“เจ้าอ้วน!” นายหงกล่าวออกมาพร้อมหันมามองซ่งจงอย่างเขร่งขรึม “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเวลานี้พวกเรามาทำอะไร?”

“ข้าไม่รู้เลย ได้โปรดชี้นำ!” ซ่งจงรีบกล่าวอย่างรวดเร็ว

“ง่ายมาก เราต้องการให้เจ้าถอนกองทัพออกจากประตูและกลับไปกับเราอีกครั้ง!” นายหงกล่าวอย่างเขร่งขรึม

“ถอนกองกำลังและกลับไปงั้นหรือ?” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขารีบถามต่อทันที “ข้าไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากประตูไม่ใช่หรือ?”

“เจ้าพูดอะไร!” นายหงตบโต๊ะอีกครั้งพร้อมกล่าวต่อ “เรื่องสาระนั่นข้าไม่สนใจ แต่ทว่าในตอนนี้ข้าต้องการสิ่งนี้! และก็ต้องทำตามที่ข้าต้องการ เจ้าต้องกลับไปยังที่ๆเจ้าจากมา ข้าจะทวงความยุติธรรมทั้งหมดคืนให้เจ้าเอง”

ซ่งจงหยุดคิดเล็กน้อยพร้อมกล่าวออกมาอย่างขมขื่น “ข้านั้นทุบตีสำนักเสวียนเทียน หอเฉวียนจี้และทำลายสำนักพันปีศาจ อีกทั้งยังยึดครองกลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกแล้ว ข้าสร้างปัญหามากมาย ถ้าหากข้ากลับไป แน่นอนว่าคงจะสร้างปัญหาให้ท่านมากมายใช่หรือไม่?”

ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

กดติดดาวไว้ด้วยน้า มันจะได้แจ้งเตือนค่ะ
วันนี้จะลงให้ได้ถึงสามตอนนะคะ เมื่อวานหลับค่ะ ภูมิแพ้ขึ้นตา
ฝากกด like เพจด้วยนะคะ

*ผู้แปลขี้โรค