ตอนที่ 258.1: สามีของเธอมีอำนาจมากเกินไป

Princess Medical Doctor องค์หญิงแพทย์ผู้เชียวชาญ

เสียงของเสี่ยวเทียนเหยา ไม่ดัง แต่เจ้าหน้าที่ต่างก็กลัวที่จะต่อต้านมัน พวกเขายืนอยู่กับทีในท่าทางที่น่าอึดอัดใจมาก พวกเขาไม่กล้ามองดูเสี่ยวเทียนเหยา อีกต่อไป พวกเขายืนได้แต่อยู่ตรงนั้นและรอให้เสี่ยวเทียนเหยาพูดขึ้นอีกครั้ง

       เสี่ยวเทียนเหยา ไม่ได้สนใจเจ้าหน้าที่ เขามองไปที่หลิน ชูจิ่ว และพูดด้วยความรังเกียจขึ้น“เจ้าเป็นถึงหวางเฟย แต่เจ้ากลับไม่สามารถควบคุมเจ้าหน้าที่สองสามคนได้ มันทำให้เปิ่นหวางเสียหน้ายิ่งนัก”

       หลิน ชูจิ่ว เองก็รู้สึกผิดมากเช่นกัน“พวกเขาไม่เชื่อในฐานะของข้า ข้า จะทำอย่างไรได้”

“หากพวกเขาไม่เชื่อเจ้า เจ้าก็สั่งสอนพวกเขา” เสี่ยวเทียนเหยายกมือขึ้นแล้วก็มีพลังบางอย่างพุ่งออกไป

“ อ่า ……” เจ้าหน้าที่ทุกคนร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวดและลอยออกไปนอกประตูเหมือนสุนัขและกลิ้งเหมือนลูกบอล

       หลิน ชูจิ่ว มองดูแล้วก็ส่ายหัว“ ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้” ถ้าเธอมีทักษะการต่อสู้ที่ทรงพลัง เธอก็คงจะหนีไปจากตำหนักเสี่ยวหวางฟู่แล้ว ทำไมเธอจะยังคงอยู่ในตำหนักเสี่ยวหวางฟู่อีกต่อไปและปล่อยให้ตัวเองถูกรังแกโดยเสี่ยวเทียนเหยาใช่ไหม?

“ถ้าเจ้าทำเช่นนั้นไม่ได้ เช่นนั้นก็ทำให้เกิดปัญหา ไม่ใช่ทุกครั้งที่เจ้าจะโชคดีเช่นนี้” เสี่ยวเทียนเหยา สะบัดแขนเสื้อของเขาแล้วเดินตรงมา ก่อนจะดึงเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลงอย่างสบายๆ

       ในทันที สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง ก็ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นสถานที่ที่แตกออกไป

       กลุ่มเจ้าหน้าที่ที่ม้วนตัวเหมือนลูกบอลอยู่บนพื้นพยายามลุกขึ้นมาด้วยความยากลำบากและรีบคุกเข่าลงไปทันที“ หวางเย่ โปรดยกโทษให้พวกเราด้วย พวกเราไม่มีตาและทำให้ท่านอ๋องต้องขุ่นเคือง พวกเราขอให้หวางเย่ ไว้ชีวิตพวกเราขอรับ”

       เสียงคำนับดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เด็ก ๆ ในห้องโถงร้องไห้ขึ้นด้วยความกลัว หลิน ชูจิ่ว รู้สึกราวกับว่าหัวของเธอกำลังพองใหญ่ขึ้นเท่ากับหัววัว เธอต้องการคุยกับเสี่ยวเทียนเหยาเพื่อหยุดเจ้าหน้าที่เหล่านี้ แต่แล้วเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น

       เสียงฝีเท้านั้นมั่นคงและทรงพลังและพวกเขาก็ดังอย่างพร้อมเพรียงกัน เมื่อเธอได้ยินเสียง เธอก็รู้ทันทีว่าเป็นทหารที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี หลิน ชูจิ่ว ขมวดคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ ใครกำลังจะมา?

       ในไม่ช้า หลิน ชูจิ่วก็ได้รู้

“ หวางเย่ หวางเฟย ผู้ใต้บังคับบัญชามาช้าในการให้ความช่วยเหลือ หวางเย่ หวางเฟย โปรดยกโทษให้ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นี้ด้วยขอรับ”ทหารที่แข็งแกร่งเหล่านี้ก็คือผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเสี่ยวเทียนเหยา

“ นำคนเหล่านั้นออกไป” เมื่อเสี่ยวเทียนเหยาพูดแล้ว เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างก็ต้องการร้องขอความเมตตา แต่พวกเขาก็ถูกลากออกไปอย่างรวดเร็ว

       เมื่อหลิน ชูจิ่วเห็นการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วของทหารของตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ ปากของเธอก็เบิกกว้างขึ้น “ ท่านจำเป็นต้องให้คนลากพวกเขาออกไปแบบนั้นด้วยหรือ”

“หรือเจ้าต้องการให้เปิ่นหวางทำด้วยตัวเอง?” เสี่ยวเทียนเหยาลุกขึ้นแล้วเดินออกไป แต่เมื่อเขาเดินผ่านหลิน ชูจิ่ว เขาก็หยุดและพูด“ ทุกครั้งที่เจ้าสร้างปัญหา เปิ่นหวางจะต้องมาคอยทำความสะอาดความยุ่งเหยิงของเจ้า พูด .. …กี่ครั้งแล้วที่เปิ่นหวางช่วยเจ้าไว้?”

       เมื่อคำพูดของเขาหลุดออกมา เสี่ยวเทียนเหยาก็ไม่ได้ให้โอกาสหลิน ชูจิ่วได้พูด ก่อนที่เขาจะเดินออกไปข้างนอก

“นี่……” หลิน ชูจิ่วอยากจะหยุดเสี่ยวเทียนเหยาและถามว่าเขาหมายถึงอะไร แต่เธอก็ได้ยินคำสั่งของเขาดังขึ้น “พาเด็กๆ ทุกคนไปโรงหมอ”

“ขอรับ” ไม่ว่าเด็กๆ จะสกปรกหรือไม่ ทหารต่างก็ก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ลังเลและอุ้มเด็กทีละคนๆ ขึ้นมาในอ้อมแขน

       เด็ก ๆ มีความประพฤติดี พวกเขาไม่ได้ร้องไห้เมื่อถูกพาออกไปข้างนอก มีเพียงเด็กทารกที่เป็นโรคปอดบวมเท่านั้นที่ร้องไห้ไม่หยุด แขนเล็ก ๆ ของเขาโบกอยู่ตลอดเวลาราวกับว่าเขากำลังมองหาบางอย่าง

       ทหารที่อุ้มเด็กน้อยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ดังนั้นหลิน ชูจิ่วจึงเดินเข้าไป “ให้ข้าลองดู”

       มันแปลกเกินไปที่จะพูด แต่เด็กทารกก็หยุดร้องไห้เมื่อหลิน ชูจิ่วอุ้มเขา

       ทหารรับเด็กมาอีกครั้ง แต่ทารกก็ร้องไห้ทันทีที่เขาออกจากอ้อมกอดของหลิน ชูจิ่ว ในท้ายที่สุดหลิน ชูจิ่วก็ต้องอุ้มทารกไว้ในอ้อมแขนของเธอ

“ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำ” เสี่ยวเทียนเหยา เหลียวหลังแล้วมองไปที่หลิน ชูจิ่วอย่างเย็นชา

       หลิน ชูจิ่วกอดเด็กทารกแน่นขึ้นอย่างเงียบ ๆ และเดินออกห่างจากเสี่ยว เทียนเหยา …

       ทหารกลุ่มหนึ่งที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีเดินออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง แต่พวกเขาไม่ได้ถือดาบไว้ในมือ แต่พวกเขากำลังอุ้มเด็ก ภาพนี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ไม่ต้องพูดถึงคนข้างหน้าที่มีกลิ่นอายที่สง่างามมาก