TB:บทที่ 284 สำนักสุดยอดดาบ

 

“กลับไปหรือ” ฟางเจ่อเจี่ยมองเฉินหลงด้วยความไม่แน่ใจ

“เราเพิ่งมากันจากอเมริกา หลังจากที่เราลงจากเครื่องบินแล้ว เราก็มาที่นี่เลย พวกเรายังไม่ได้กลับบ้าน ไม่ใช่ว่าพวกเราควรกลับบ้านไปพักก่อนหรือ ผมไม่คิดนะ ว่าหัวหน้าทีมจะทิ้งให้เราทำงานอยู่ที่นี่ต่อ” เฉินหลงเหลือบมองอู๋ห่าว

 

“’เอาล่ะ ตอนนี้นายก็เห็นด้วยแล้ว จงกลับไปและจัดการธุระของนายเสีย” เขาจะถามอะไรอื่นจากเฉินหลงได้อีกเล่า เขาได้ทำสิ่งที่ควรทำไปแล้ว อีกอย่างหนึ่งคือเฉินหลงยังอยากจะแต่งงานด้วย ดังนั้นให้เฉินหลงไปเสียเถอะ

 

“จะว่าไป เสี่ยวฟาง พ่อแม่ของนายรออยู่ข้างนอกนะ นายไม่ได้เจอพวกเขามานานแล้วนี่ รีบไปสิ แล้วอย่าลืมว่าพรุ่งนี้ต้องรายงานด้วย”

เมื่อได้ยินที่อู๋ห่าวกล่าวกับเฉินหลงและตัวเขาแล้ว ฟางเจ่อเจี่ยจึงมองอย่างไม่มีหนทาง เขาเป็นสมาชิกขององค์กรเดียวกัน ทำไมช่องหว่างระหว่างกันจึงแคบนัก

 

“หัวหน้าทีม คุณจะต้องให้ลูกทีมรีบรายงานตอนพวกเขากลับบ้านหลังจากที่ทำสิ่งยิ่งใหญ่เช่นนั้นหรือ พวกเขาควรจะได้พักผ่อนดีๆสักสองสามวันแล้วค่อยทำต่อสิ” เฉินหลงมองอู๋ห่าวบ่นเรื่องนี้กับน้องชายเขา

“ก็ได้ ได้เลย เสี่ยวฟางนายค่อยมารายงานในอีกครึ่งเดือนก็ได้” อู๋ห่าวกล่าวไปแบบเสียไม่ได้

“คุณเป็นคนดีครับหัวหน้า” หลังจากที่ว่าไป เฉินหลงก็ออกไปพร้อมกับฟางเจ่อเจี่ย

 

เมื่อเขาเห็นว่าเฉินหลงไปแล้ว อู๋ห่าวทำได้เพียงส่ายหัว การมีคนแบบนั้นในองค์กร เขาไม่รู้เลยจริงๆว่าดีหรือไม่ดี

หลังจากที่ออกไปจากสำนักงานใหญ่แล้ว ฟางเจ่อเจี่ยก็วิ่งไปหาคู่รักในที่อายุประมาณวัยกลางคน พวกเขายืนอยู่ข้างๆรถฟอล์คสวาเก้น เอสยูวี

ดูเหมือนว่าจะเป็นพ่อแม่ของฟางเจ่อเจี่ย

เฉินหลงโบกมือให้ฟางเจ่อเจี่ยและจากไป

 

“เสี่ยวเจี่ย นั่นเพื่อนร่วมงานลูกหรือ” เธอเห็นว่าเฉินหลงโบกมือมาทางเขา แม่ของฟางเจ่อเจี่ยจึงถามออกไป

“ก็ เป็นเพื่อนร่วมงานครับ คนที่พาผมกลับมาจากอเมริกา” เขามองทางที่เฉินหลงออกไปแล้ว ฟางเจ่อเจี่ยพยักหน้า

“เสี่ยวเจี่ย ถ้าทำได้ เชิญเขามาแล้วให้พวกเราเลี้ยงมื้อเย็นเถอะนะ” พ่อของฟางเจ่อเจี่ยกล่าวด้วยความจริงจัง

 

“ไม่ได้หรอกพ่อ ตอนนี้เขายุ่งอยู่ครับ เขากำลังจะแต่งงาน” ฟางเจ่อเจี่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

“อ๊ะ ลืมไปเลย แต่ลูกต้องแน่ใจนะว่าจะไปงานแต่งของชายคนนี้ได้น่ะ” พ่อของฟางเจ่อเจี่ยสั่ง “จะว่าไปแล้ว ยังมีอีกอย่าง พ่อเจอว่าจู่ๆบัญชีลูกก็มีเงินเพิ่มขึ้นมาตั้งสองร้อยเจ็ดสิบกว่าล้านหยวน นี่ลูกโอนเงินนี้เข้ามาหรือ แล้วไปเอาเงินมากขนาดนี้มาจากไหนกัน”

 

“ผมรู้แล้ว เงินนั่นเป็นของผม ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นเรื่องดีมากๆนะ เฉินหลงกับผมชนะบางส่วนมาได้” กล่าวจบฟางเจ่อเจี่ยจึงพูดเรื่องเงินของเขาจากคาสิโน

พ่อแม่ของฟางเจ่อเจี่ยอึ้งไปเมื่อได้ยินเรื่องเฉินหลงชนะเงินมาแปดสิบล้านดอลลาร์จากการพนัน

อย่างไรแล้ว หลังจากที่ได้รู้ที่มาของเงินลูกชายพวกเขา พ่อแม่ของฟางเจ่อเจี่ยไม่อาจจะพูดอะไรได้

 

สุดท้าย หลังจากที่เขาอยู่จีนมาสักพักพวกเขาจึงรู้ว่าเงินสำคัญมากเพียงใด

ตอนนี้พวกเขามีเงินจำนวนมาก ครอบครัวของพวกเขาจะใช้ชีวิตดีๆได้ แน่ล่ะว่าคงจะหาลูกสะใภ้ดีๆได้

เมื่อเฉินหลงกลับไปยังวิลล่าของเขา  ในหุบเขาใหญ่ที่เมงหยินแห่งอาณาจักรจีน ดูเหมือนที่นั่นจะเป็นที่ธรรมดาๆ แต่กลับเป็นที่ตั้งของกลุ่มคน สำนักที่สืบทอดกันมาของคงหวันเต๋า

 

“สำนักสุดยอดดาบ” อย่างไรแล้วทั้งกลุ่มนี้ก็ซ่อนตัวใต้รัศมีใหญ่ที่ครอบคลุม ทำให้ภายนอกมองเห็นได้ไม่ชัดเจน แม้หากบางคนจะบุกเข้ามาได้ แต่พวกเขาก็จะกลับไปยังที่ที่พวกเขาจากมาอยู่ดี

ในห้องของอาจารย์แห่ง “สำนักสุดยอดดาบ” คนสามคนที่อายุราวหกสิบปีที่มีพลังระดับ “หลอมรวมธรรมชาติ” และมีระดับ “สละกายหยาบ” ทว่ากลับดูเหมือนมีแค่คนที่อายุราวสามสิบหรือสี่สิบปีที่พูดอะไรบางอย่างอยู่

 

คนทั้งสามที่มีพลัง “หลอมรวมธรรมชาติ” คือเล่ยหยุนเต๋าผู้เป็นผู้อาวุโสแห่งทางชวงกง มู่เฟิงเต๋าและมู่หยูเต๋า ผู้ที่มีพลังระดับ “สละกายหยาบ” คือหัวหน้าคนปัจจุบันของ “สำนักสุดยอดดาบ” ชินเทียนเต๋า

 

ในเวลานั้นพวกเขากำลังพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่ว่าคงหวันเต๋าได้โดนเฉินหลงทำลายแหล่งพลังไป

ตอนนั้นเองที่ความสัมพันธ์ระหว่างคงหวันเต๋าและพวกเขาทั้งสามจะสิ้นสุด ตอนนี้ที่พลังของคงหวันเต๋าที่สั่งสมมาได้ถูกละทิ้งไปแล้วเป็นธรรมดาที่พวกเขาทั้งสามจะขอให้หัวหน้ามาให้ความยุติธรรมกับพวกเขา

 

“ท่านหัวหน้า เฉินหลงช่างจองหองและน่ารังเกียจ เขาทำแม้กระทั่งให้คงหวั่นเต๋าละทิ้งพลังที่สั่งสมมาเพราะมีข้อโต้เถียงกันเพียงเล็กน้อย เราเกรงกลัวว่าเขาจะกลายมาเป็นปิศาจในอนาคต ดังนั้นเราควรจะฆ่าเขาก่อนที่เขาจะทำแบบนั้นได้” เล่ยหยูนเต๋าที่อยู่ในโถงการลงทัณฑ์ เขามีร่างใหญ่ และเพราะเขาสั่งการเรื่องการลงโทษเมื่อเขาพูดจาจึงมีความหมายที่ทรงพลัง

 

“หัวหน้าใหญ่ ศิษย์พี่เล่ยกล่าวถูกแล้ว เด็กคนนี้แปลกๆ และดูท่าว่าหากฆ่าทันทีที่ทำได้จะเป็นการดีที่สุด หากว่าคุณฆ่าพวกเขาไม่ได้แล้ว เขาก็ควรจะละทิ้งพลังที่สั่งสมมาเพื่อไม่ให้พวกมันเป็นปิศาจ” ผู้อาวุโสแห่งโถงชวงกงมู่เฟิงเต๋าว่าต่อ

 

“ผมเห็นด้วยกับพี่ใหญ่ นักสู้ทั้งสองว่าเด็กคนนี้แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะสำหรับพี่ใหญ่นักสู้อาวุโสหวันเต๋า หรือสำหรับสกุลเราหรือใคร เราควรจะไปทำลายมันให้เร็วเท่าที่จะทำได้” นักเก็บกวาดอาวุโสดาบมู่หยูเต๋า มีรูปร่างผอม เสียงของเขาจึงเบามาก แต่จิตสังหารของเขาแข็งแกร่งที่สุดในหมู่คนทั้งสาม

 

“ผมรู้ว่าคุณพูดอะไรอยู่ และผมยังรู้เรื่องความซาบซึ้งและความบาดหมางระหว่างการต่อสู้ของพี่คงและเฉินหลง ในตอนนั้นเองที่เกิดความต้องการจะฆ่าเฉินหลงในศิษย์น้องคง อีกอย่างหนึ่งคือ เฉินหลงได้เอาชนะศฺษย์น้องคงในการต่อสู้ที่ยุติธรรม จากนั้นเขาจึงละทิ้งพลังที่มี ทำให้เราไม่มีข้ออ้างจะไปจัดการเขา

 

อีกประการหนึ่งคือพละกำลังของเฉินหลงนั้นไม่ใช่คู่แข่งของเขาเลย แม้ว่าพวกเรา “คนของสำนักสุดยอดดาบ” จะไม่ได้เผชิญหน้ากับเขาก็ตาม แต่พวกเรามีผู้อาวุโสที่ใช้ “พลังเวทย์มนต์” ได้ แม้หากผมจะต้องทำ พวกผู้อาวุโสพวกนั้นคงจะไม่ทำหรอก สิ่งสำคัญที่สุดก็คือถ้าเราจะทำอะไรจึงจะมีผลถึงเฉินหลงมากที่สุด

 

หากว่าผมทำไม่ได้แล้ว พวก “สำนักสุดยอดดาบ”ของเราจะต้องเจอกับความพ่ายแพ้จริงๆแน่ พวกคุณเคยคิดถึงเรื่องนี้ไหม” ชินเทียนเต๋ามองเล่ยหยุนเต๋าและกล่าวไป

“พวกผู้อาวุโสแห่งเชินตงจินทำอะไรเฉินหลงไม่ได้เลยหรือ” เล่ยหยุนเต๋าไม่เชื่อที่เขาพูด

 

“ศิษย์น้องมู่ ได้กล่าวไว้ว่าเรื่องนี้แปลกๆ ใครจะรู้ว่าเขามีกลเม็ดอะไรอยู่ อีกอย่างหนึ่งคือวิหารสุริยันจันทราและจานวู่จงได้ให้ความร่วมมือเตือนผมว่าผมไม่ควรไปยุ่งกับเฉินหลง ดังนั้นผมเลยจะไม่ทำอะไรเพื่อประโยชน์ของตระกูล” ชินเทียนเต๋าหายใจเข้าลึกๆและกล่าวไป

 

“เพราะเหตุใด “วิหารสุริยันและจันทรา” และ “จานวู่จง” จึงพูดแทนพวกลูกน้องกัน” เล่ยหยุนเต๋าถาม

 

“เฉินหลงในตอนนี้ทำงานภายใต้การคุมของ “วิหารสุริยันและจันทรา” ของอู๋ห่าว หวังหงและเฉินหลงเป็นมิตรกัน อีกอย่างหนึ่งคือเฉินหลงสร้าง “นิวเวิร์ล” ขึ้นมาและได้ประโยชน์จากคนทั้งหลายในอาณาจักรจีนแห่งนี้ เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่ปล่อยให้เฉินหลงมีปัญหา ดังนั้นการไปยุ่งกับเฉินหลงไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะ ผมคิดว่าเฉินหลงจะแต่งงานในวันที่หนึ่งตุลาคม ไปชวนผู้อาวุโสไทเต๋าไปดื่มที่บ้านเขาวันนั้นกัน” ชินเทียนเต๋ากล่าว ปากของเขายกยิ้มนิ่งเฉย

 

เมื่อได้ยินว่าชินเทียนเต๋าพูดเกี่ยวผู้อาวุโสไท่เต๋าแล้ว ใบหน้าของเล่ยหยุนเต๋าได้แสดงสีหน้าขอนคนที่เตรียมพร้อมจะได้ดูการสู้ดีๆหลากหลายแบบ

“สำนักสุดยอดดาบ” นั้นมีพลังในตัวชื่อเอง ลูกศิษย์ของพวกเขาได้โดนทอดทิ้งไปแล้ว พวกเขาจะกล้ำกลืนไปได้อย่างไร อย่างไรเสียเพราะว่ามีคนอื่นมองดูอยู่ พวกเขาจึงออกตัวชัดๆไม่ได้พวกเขาจึงต้องออกตัวในที่ลับ