บทที่ 2411 วิธีสืบหาวิญญาณอันวิปริต 3 / บทที่ 2411 วิธีสืบหาวิญญาณอันวิปริต 4

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2411 วิธีสืบหาวิญญาณอันวิปริต 3

ในที่สุด เธอก็ถอดจนเขาเปลือยเปล่าได้แล้ว โล่งโจ้งไปหมด

ตี้ฝูอีมีร่างกายที่สามารถทำให้คนกรีดร้องออกมาได้ ถอดเสื้อผ้ามีเนื้อหนัง สวมเสื้อผ้าดูเพรียวบาง เส้นสายลายกล้ามทุกอย่างล้วนสมบูรณ์อย่างยิ่ง นักเพาะกายอันใดเหล่านั้นเมื่อเทียบกับเขาแล้วต่างด้อยกว่าทั้งสิ้น!

ถึงแม้จะเคยแนบชิดกันมาแล้ว แต่การถอดจนเขาเปล่าเปลือยเช่นนี้ ยังคงเป็นครั้งแรก

ต่อให้กู้ซีจิ่วหน้าหนาแค่ไหน ใบหน้าก็ยังร้อนผ่าวอยู่ดี เธอพยายามจะเมินเฉยต่อความรู้สึกประหลาดนั้น พยายามตั้งสติ พลางถอดเสื้อผ้าตัวเองไปด้วย ค่อยๆ มุดเข้าไปในอ้อมแขนเขา…

กู้ซีจิ่วร้องด่าหยกนภาว่าบัดซบอย่างขมขื่น จากนั้นก็จัดให้ร่างกายของตนแนบชิดสอดคล้องกับเขาอย่างสมบูรณ์ ไร้ซึ่งช่องว่าง

กลิ่นอายของเขาสำหรับเธอแล้วเป็นราวกับดอกฝิ่น ทราบชัดเจนว่าอันตรายทว่ายังคงโหยหา…

เธอพยายามสะกดจิตใจที่เตลิดเปิดเปิงไว้ ทำให้ตัวเองสงบลง แล้วทำตามวิธีที่หยกนภาบอกไปทีละขั้นๆ

เธอจดจำได้ชัดเจนยิ่ง ไม่ผิดพลาดเลยสักขั้น

เมื่อเธอเคลื่อนไหวร่ายอาคมทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว เธอก็แนบชิดกับเขาราวกับแฝดสยาม ขาสองคู่เกี่ยวพันกัน แขนสองคู่ไขว้คล้อง สี่ฝ่ามือสอดประสาน…

ท่าทางเช่นนี้หากว่ามีคนนอกบังเอิญมาเห็นเข้า ต้องคิดว่าเธอกับเขาบำเพ็ญร่วมคู่อยู่แน่ๆ ซ้ำเธอยังเป็นฝ่ายรุกก่อนด้วย…

ก่อนที่กู้ซีจิ่วจะทำพิธีเสาะวิญญาณ ได้ตัดสินใจเอาไว้แน่วแน่แล้ว พอตามเขากลับมาได้ ตนจะต้องเป็นฝ่ายตื่นก่อนให้ได้!

จากนั้นก็จะสวมเสื้อผ้าให้ทั้งสองฝ่ายอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าแลบ ไม่ยอมให้เขาได้เห็นสภาพในปัจจุบันของทั้งสอง มิเช่นนั้นเธอจะขายหน้าครั้งใหญ่!

….

กู้ซีจิ่วจินตนาการถึงสถานการณ์ที่เป็นไปได้ในการพบกับตี้ฝูอีเอาไว้มากมาย อย่างเช่นเขาถูกขังไว้ในบ่อเพลิงอันใด ถูกสัตว์มารอันใดพัวพันจนสลัดไม่หลุด

อย่างเช่นเขาบาดเจ็บจากสิ่งที่คาดเดาไม่ได้อันใด ประสบความทุกข์อันน่าเห็นใจอยู่กับอวิ๋นชิงหลัว ทั้งสองถูกขังไว้ที่ไหนสักแห่ง

หรืออย่างเช่นเขาติดกับของอวิ๋นเยียนหลีเข้า กำลังต่อสู้อย่างสุดชีวิตอยู่…

วรยุทธ์ของตี้ฝูอีน่าตะลึง ตอนนี้ถึงแม้เขาจะเทียบกับอวิ๋นเยียนหลีไม่ได้ แต่เขาฉลาดเลิศล้ำ เชี่ยวชาญด้านการวางแผน มีปัญญาอย่างยิ่ง สิ่งที่สามารถขังเขาไว้ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ประหลาด จะต้องร้ายกาจยิ่งนักเป็นแน่ ถึงขั้นที่ไม่อาจคาดคะเนได้เลย

ด้วยเหตุนี้ ในสมองเธอจึงมีฉากพายุฝนนองโลหิตสารพัดอยู่

กลับนึกไม่ถึงเลยว่าเมื่อเธอเหยียบย่างผ่านเส้นทางเมฆาขาวกระจ่างเส้นหนึ่ง ผ่านด่านไปชั้นแล้วชั้นเล่า เผชิญอุปสรรคยากลำบากมากมายจนในที่สุดก็หาเขาเจอ กลับพบว่าเขานั่งขัดสมาธิอยู่ริมทะเลสาบแห่งหนึ่ง คล้ายว่าเข้าฌานอยู่

เธออยู่ห่างจากเขาค่อนข้างไกล มองเห็นเพียงแผ่นหลังของเขาเท่านั้น

สายลมพิสุทธิ์โชยมา กลิ่นผกาอ่อนจาง ทิวทัศน์รอบข้างดุจป่าท้อในตำนาน งดงามเหลือคณา

เขานั่งอยู่ตรงนั้น สายลมพัดอาภรณ์เขาให้ปลิวขึ้นนิดๆ ดูงามสง่าสุขุมเยือกเย็น…

ทะเลสาบนั้น ต้นไม้นั้น บุปผานั้น ใบหญ้านั้น คนผู้นั้น ประกอบกันเป็นภาพนักพรตเข้าฌานที่งดงามเลิศล้ำ ทำให้คนแทบละสายตาไปไม่ได้เลย

สายตากู้ซีจิ่วก็ไม่ละไปจากเขาเช่นกัน จากนั้นมือน้อยๆ ก็กำแน่นจนเป็นหมัด พลางถลกแขนเสื้อขึ้น!

ที่แท้เขาก็ถอดจิตออกมาเข้าฌานฝึกฝน!

ดูเหมือนนี่จะเป็นแนวทางการฝึกฝนอย่างหนึ่งของเขา มิน่าเล่าองครักษ์มารทั้งสองถึงบอกว่าองค์ราชันย์ของพวกเขามักจะถอดจิตออกไปข้างนอกอยู่บ่อยครั้ง ที่แท้ก็หนีมาฝึกฝนวรยุทธ์นี่เอง ที่วรยุทธ์ของเขารุดหน้าขึ้นรวดเร็วปานนี้ น่าเกี่ยวข้องกับวิธีฝึกฝนแบบพิเศษนี้ด้วยกระมัง?!

เขาอยู่ที่นี่สบายใจเฉิบยิ่งนัก ทว่าทำให้เธอต้องเปลื้องผ้าตัวเองเหมือนคนโง่ เพื่อใช้วิธีอันวิปริตเช่นนี้แล่นเข้ามาช่วยเหลือเขา!

หยกนภา เจ้ามันนกสองหัว! เจ้าบอกว่าเขารอข้ามาช่วยอยู่ แถมยังบอกว่าเรื่องด่วนเร่งร้อนเสียเกิน ทำให้ข้าร้อนรนประหนึ่งไฟไหม้บ้าน ร้อนรนจนร้อนในแทบขึ้นแล้ว

ส่วนผลลัพธ์น่ะหรือ…

————————————————————————————-

บทที่ 2411 วิธีสืบหาวิญญาณอันวิปริต 4

จะว่าไป อวิ๋นชิงหลัวอยู่ไหนล่ะ?

ในเมื่อพวกเขาอยู่ในสภาพถอดจิตเหมือนกัน ก็น่าจะอยู่ด้วยกันสิ

หยกนภาเคยถามเธอ บอกว่าไม่ว่าจะเห็นเขากับอวิ๋นชิงหลัวกำลังทำอะไรกันอยู่ เธอก็พร้อมจะสละทุกสิ่งเพื่อช่วยเหลือใช่ไหม

ตอนนั้นเธอตอบไปอย่างไม่ลังเลเลย แต่ในใจยังคงพะวงอยู่บ้าง

เกรงว่าตี้ฝูอีกับอวิ๋นชิงหลัวจะกำลังเล่นพลิกผ้าห่มอันใดกันอยู่ หรือไม่ทั้งสองก็อาจจะกำลังจู๋จี๋หวานแหววกันอยู่อะไรทำนองนั้น ถึงขั้นที่เธอเตรียมพร้อมจะถูกสาดความหวานชื่นใส่หน้าแล้วด้วยซ้ำ

จากคำถามนี้ของหยกนภา ทำให้เธอรู้สึกว่าตี้ฝูอีกับอวิ๋นชิงหลัวต้องอยู่ด้วยกันแน่ๆ

เมื่อมองดูรอบข้าง รายล้อมด้วยบุปผาพืชพรรณ ป่าไม้ลึกทึบ ถึงขั้นที่บนเชิงเขาแห่งหนึ่งมีกระโจมขาวหลังหนึ่งตั้งอยู่ด้วย

กู้ซีจิ่วจำได้ว่ากระโจมหลังนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของตี้ฝูอี

สำราญอุราจนตั้งกระโจมได้ ซ้ำยังตั้งอย่างมั่นคงถึงเพียงนี้ด้วย เช่นนั้นน่าจะไม่มีอันตรายอันใดกระมัง?

ไม่แน่ว่าอวิ๋นชิงหลัวอาจจะพักอยู่ในกระโจมหลังนั้นก็ได้…

คงมิใช่ว่าตี้ฝูอีรู้สึกว่าอวิ๋นชิงหลัวได้รับความอยุติธรรมแล้ว จึงถอดจิตพานางมาตั้งแคมป์พักผ่อนหย่อนใจที่นี่กระมัง?! เช่นนั้นตนบุกทะเล่อทะล่าเข้ามาแบบนี้ จะไม่อุกอาจเกินไปหน่อยหรือ?!

กู้ซีจิ่วแทบอยากหันหลังวิ่งกลับไปแล้ว!

โชคดีที่เธอยังคงมีเหตุมีผลยิ่งนัก เธอทุ่มเทฝ่าฟันอุปสรรคกว่าจะบุกเข้ามาได้ ถ้าหันหลังวิ่งกลับไปเช่นนี้ จะค่อนข้างผิดต่อความลำบากทุ่มเทของเธอ อย่างไรก็ต้องรู้เรื่องราวทั้งหมดให้แจ่มแจ้งก่อนถึงจะถูก

ถึงอย่างไรทุกอย่างก็ยังคงเป็นแค่การคาดเดาไปเองของเธอ…

เธอยืนอยู่ตรงนั้น ขณะที่กำลังใคร่ครวญอยู่ว่าจะเคลื่อนย้ายเข้าไปดูในกระโจมก่อนดีไหม ดูว่าอวิ๋นชิงหลัวอยู่หรือเปล่า ถ้าหากอวิ๋นชิงหลังกำลังพักผ่อนอยู่ข้างในจริงๆ เช่นนั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องเสนอหน้าแล้ว ฉวยโอกาสหนีกลับไปเสียเลย ทำให้ทุกอย่างกลับสู่สภาพเดิม

ช่วยลดความลำบากใจตอนที่ต้องตื่นขึ้นมาพร้อมกันไป

หากว่าอวิ๋นชิงหลัวไม่อยู่ เธอค่อยคิดหาทางต่อไปก็ยังไม่สาย

ขณะที่เธอค่อนข้างใจลอยอยู่บ้าง ตี้ฝูอีที่นั่งอยู่ริมทะเลสาบกลับคล้ายจะสัมผัสอะไรได้แล้ว จู่ๆ ก็หันกลับมา

กู้ซีจิ่วยังไม่ได้คิดเลยว่าจะเอาอย่างไรดี สายตาก็สบเข้ากับเขาแล้ว!

กู้ซีจิ่วใจเต้นตึกตัก ยังไม่ได้มองสีหน้าเขาให้ชัดเจน ก็ชิงออกตัวก่อนแล้ว

“ท่านผู้สูงศักดิ์สำเริงสำราญ รื่นรมย์อยู่ที่นี่ดีนี่!”

ถึงแม้พอเห็นว่าเขาไม่เป็นไร กู้ซีจิ่วจะโล่งอกยิ่งนัก แต่ในใจยังคงมีโทสะอยู่เล็กน้อย ยามนี้จึงชิงยั่วยุก่อนเสียเลย

ในช่วงเวลานี้จะต้องแผ่อำนาจออกมา ถ้ามีอำนาจพอ ถึงจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ เลี่ยงไม่ให้เขาหัวเราะเยาะที่วิ่งตามเขามา…

สีหน้าของตี้ฝูอีมิสู้ดี สายตาที่มองเธอคมกริบ ถึงขั้นที่แฝงไอสังหารเอาไว้รางๆ ด้วย!

ไอสังหารนั้นหนาวยะเยือก ดุจมีรูปลักษณ์จับต้องได้ ทำให้หนังหัวกู้ซีจิ่วชาหนึบตามไปด้วย!

หัวใจกู้ซีจิ่วพลันหนาวสะท้าน นี่ตนมารบกวนเขาหรือ?

แววตาที่อวลด้วยไอสังหารเช่นนี้…

มองเธอเหมือนมองแมลงสาบ!

ปรารถนาจะฟาดเธอให้ตายอย่างยิ่ง…

ไม่ใช่แล้วกระมัง?!

กู้ซีจิ่วก็โกรธแล้วเหมือนกัน ยักคิ้วแล้วยิ้มแวบหนึ่ง จากนั้นเธอก็สาดคำพูดที่ราวกับกระสุนปืนใหญ่ออกมา

“ท่านผู้สูงศักดิ์คิดจะฝึกฝนวิชายุทธ์อันใดเล่า หรือคิดจะพาคนรักมาเที่ยวเล่น? แต่ท่านถอดจิตมาโดยไม่บอกกล่าวกันเลยเช่นนี้ ร่างกายที่อยู่ด้านนอกราวกับตายแล้วก็มิปาน ปลุกอย่างไรก็ไม่ตื่น ทำให้ลูกน้องทั้งสองของท่านร้อนรนกังวลอย่างยิ่ง หลงนึกว่าท่านประสบเภทภัยอันใด หลังจากผู้ทรงศักดิ์อย่างข้าเสร็จสิ้นจากการหลอมโอสถ พวกเขาก็มาขอร้องให้ข้าช่วยเหลือเจ้า ผู้ทรงศักดิ์อย่างข้าเห็นแก่หนี้น้ำใจที่ติดค้างเจ้าเอาไว้หลายหน จึงรับปากพวกเขาเข้ามาช่วยเจ้า ในเมื่อท่านผู้สูงศักดิ์สบายดี เช่นนั้นข้าก็ไม่รบกวนแล้ว เชิญเจ้าฝึกฝนต่อเถิด ลาก่อน”

เธอรู้สึกว่าวันนี้ตนขายหน้าไปมากเหลือเกิน!

หลังจากทิ้งประโยคสร้างภาพที่งดงามอลังการเช่นนี้ออกไปแล้ว เธอก็เตรียมจะเคลื่อนย้ายจากไป

เวรเอ้ย ถ้าออกไปแล้วจะต้องเอาเจ้าหยกนภามาเดาะเล่นแทนลูกบอลสักสองสามทีแล้ว!

“กู้ซีจิ่ว?!”

จู่ๆ ตี้ฝูอีที่อยู่ด้านหลังเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เสียงนั้นแหบแห้งยิ่งนัก เสมือนถูกสิ่งใดแผดเผามา แต่ยังคงดึงดูดอยู่ สุ้มเสียงเจือความเหลื่อเชื่อเอาไว้…

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว

“หือ?”

เธอก็ไม่แปลงโฉมนี่ อยู่ที่นี่ด้วยรูปโฉมเดิม เขาคงไม่ถึงขั้นที่จดจำเธอไม่ได้กระมัง

สีหน้าไม่อยากจะเชื่อเช่นนี้…

เป็นเพราะคาดไม่ถึงว่าเธอจะเข้ามาในมิติแห่งนี้ได้หรือ?

ในเมื่อเผชิญหน้ากันอย่างซึ่งหน้าแล้ว กู้ซีจิ่วก็ใจกว้างยิ่งนัก! เชิดคางเล็กน้อย สายตาร่อนลงบนดวงหน้าเขา วางอำนาจเต็มที่

“ท่านผู้สูงศักดิ์มีอันใดจะเอ่ยกับข้าหรือ?”

ตี้ฝูอีสาวเท้าก้าวเข้ามาทางเธอ ถูกเธอยั่วยุเช่นนี้ ไอสังหารอันไร้รูปลักษณ์ของเขากลับเลือนหายไปแล้ว แต่ดวงตายังคงจ้องเขม็งอยู่ที่เธอ

“ใช่เจ้าจริงๆ หรือ?!”

กู้ซีจิ่งุนงง

สถานการณ์อะไรกันเนี่ย?!