GGS:บทที่ 763 ยกระดับ

 

นอกจากซูจิ้งแล้ว

ทุกคนต่างก็คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติในวงการบันเทิง

ใครที่เชื่อเรื่องฉาวนั่นก็เลิกติดตามมู่หรงเซียนเอ๋อไป

คนไหนไม่เชื่อต่างก็หาทางช่วยเหลือเธอในการแก้ข่าวไป

ถึงจะน่าแปลกไปบ้างที่พวกเขาเห็นว่ามีคนส่วนใหญ่เชื่อเรื่องนี้แต่ก็ไม่มีใครเข้าใจเหตุผลว่าทำไมพวกนั้นเชื่อ

มีแต่ซูจิ้งเท่านั้นที่รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติส่งผ่านมือถือและคอมพิวเตอร์ และเข้าใจวิธีการของคนที่อยู่เบื้องหลังว่าทำได้อย่างไร ซึ่งแน่นอนว่ามันไมง่ายเลยที่จะทำให้คนเชื่อวิธีการที่พวกเขาใช้ได้

 

“ตอนนี้คุณจะทำยังไงต่อคุณซู ครั้งก่อนที่คุณโดนใส่ร้ายคุณจัดการยังไงหรอ” มู่หรงจิงเทียนถามออกมา

 

“อาจิ้ง คุณต้องช่วยเซียนเอ๋อนะ” ฉินซิวขอร้างออกมา

 

“อาจิ้ง ถ้าคนแก่ๆแบบฉันโดนเรื่องแบบนี้ไปล่ะก็ฉันจะไม่สนใจอะไรเลย แต่นี่เซียนเอ๋อยังเยาว์นัก แถมยังต้องแต่งงานอีกในอนาคต” มู่หรงฉินได้พูดออกมาเชิงวิงวอน

 

“ท่านปู่ ท่านป้า อย่ากังวลไปเลย หนูจะพยายามจัดการเรื่องนี้ให้ดีที่สุด ข่าวสุดท้ายที่ออกมานี่บอกได้เลยว่าคนที่ป้ายสีหนูนั้นโง่มาก ตอนนี้หนูพอจะมีอกาสโต้แย้งได้บ้างแล้ว”

ซูจิ้งรู้ในทันทีว่าข้อแก้ต่างที่เซียนเอ๋อบอกว่ามีนั้นไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง เขาเองนั้นไม่มีทางอธิบายให้พวกเขาเข้าใจได้ว่าสาเหตุที่ทุกคนเชื่อเป็นเพราะคลื่นพลังที่ถูกปล่อยออกมาจากคอมพิวเตอร์และมือถือในระหว่างที่อ่านข่าวฉาวพวกนั้นกัน แม่แต่ซูฉือก็ยังอยากที่จะอธิบายได้

 

ในตอนนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ได้ดังขึ้น เป็นหวังซือหยาโทรหาเขา ทันทีที่เขารับสาย หวังซือยาได้พูดออกมาทันทีว่า “อาจิ้ง นายรู้จักกับมู่หรงเซียนเอ๋อดีใช่รึเปล่า”

 

“อืมใช่แล้ว” ซูจิ้งตอบออกไป

 

“งั้นฉันจะช่วยเธอเอง” ซือหยาพูดออกมาด้วยความกระตือรือล้น

 

“ไม่ได้ เธอห้ามเข้ามายุ่งเรื่องนี้เด็ดขาด” ซูจิ้งรีบห้ามเธอในทันที

เพราะซูจิ้งไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่าถ้าซือหยายื่นมือเข้ามาแล้วเธอจะไม่ได้ผลกระทบ

ก็จริงที่เธอมีขวัญ(แรงใจ)ที่แข็งกล้า และยังได้ดื่มชาจากใบชาของห้วงเวลาฯโลกเซียนอยู่บ่อยครั้ง

นั่นยิ่งทำให้จิตสำนึกของเธอค่อนข้างเสถียร

แต่ยังไงซะหากเธอเข้ามายุ่งในเรื่องเป็นไปได้คนที่สร้างข่าวฉาวนี้ขึ้นมาอาจเห็นว่าเธอเป็นศัตรูคนสำคัญจนเปลี่ยนเป้าหมายไปเป็นเธอได้ ซึ่งนั่นจะทำให้เธอตกอยู่ในอันตรายโดยใช่เหตุ

 

“ขนาดบริษัทในวงการบันเทิงของฉันโดนเจาะฉันยังจัดการได้เลย ให้ฉันจัดการเรื่องนี้ดีกว่า หากใช้วิธีของฉันรับรองได้ว่าไม่มีปัญหา ฉันรับประกันได้” หวังซือหยาพูดออกมาอย่างมั่นใจ

 

“คุณเจ้ซือหยาครับ ในกรณีของบริษัทของเจ้น่ะไม่มีปัญหา แต่กรณีนี้ผมขอจัดการเองนะขอร้องล่ะ ถ้าผมขอร้องแบบนี้คุณจะยอมฟังผมรึเปล่า” ซูจิ้งพูดออกไปด้วยน้ำเสียงห่วงใยมากๆ

 

“ถ้างั้นก็ได้ ถ้ามีอะไรให้ช่วยรีบบอกฉันทันทีนะ” หวังซือยายอมรับฟังซูจิ้งทันทีที่เธอได้ยินน้ำเสียงที่ซูจิ้งพูดออกมา แม้เธอเองจะรู้สึกแปลกใจแต่เธอก็ยอมฟังซูจิ้งอย่างไม่อาจปฏิเสธได้

 

หลังจากวางสาย ซูจิ้งเริ่มคิดหาวิธีจัดการข่าวฉาวนี้ในทันที แต่ในตอนนี้เขาเองก็ยังไม่เข้าใจเป้าหมายของคนกลุ่มนี้ และไม่มีหลักฐานให้สาวไปต่อได้

ตอนแรกเขาเองก็ค่อนข้างมั่นใจว่าจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้เพราะคนที่น่าจะก่อปัญหาแบบนี้ในวงการบันเทิงค่อนข้างจะอยู่ในวงแคบๆเท่านั้น

ไม่คิดว่าตอนเที่ยงในวันนั้นก็มีข่าวฉาวออกมาอีกครั้ง

แต่ครั้งนี้คนที่ตกเป็นเป้าหมายคือผู้ว่าการเมืองที่ชื่อกงหลิงหมิง

 

เขาถูกกล่าวหาว่านอกใจภรรยา และถูกใส่ความเรื่องคอรัปชั่น

ถึงแม้ว่าตามปกตินั้นหากเรื่องแบบนี้ออกมาล่ะก็สามารถจัดการได้ง่ายมากๆ

นั่นก็เพราะเรื่องนี้หากไม่มีหลักฐานอย่างแน่หนาล่ะก็จะไม่มีคนเชื่อได้เลย

แต่นี่ทันทีที่มีคนเห็นข่าวพวกเขากับเชื่อในทันที

เรื่องนี้ทำให้การเมืองในเมืองจงหยุนเกิดความระส่ำระสาย ถ้าจะพูดให้ถูกคือทั้งประเทศเลยก็ว่าได้

ซูจิ้งสามารถบอกได้ในทันทีว่าในช่วงสิบนาทีแรกที่ข่าวออกมานั้นได้มีคลื่นพลังส่งออกมาตามโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ของคนที่ดูข่าวนี้

 

เรื่องนี้ทำให้แม้แต่ผู้ว่าการมณฑลยังไม่อาจนิ่งนอนใจได้จนต้องเรียกสอบกงหลิงหมิงในทันที

ต่อให้ไม่มีการสอบสวนนี้ก็เชื่อได้เลยว่าพลังจากมวลชนจะทำให้ผู้ว่าการเมืองปลดออกจากตำแหน่งอยู่ดี

 

ซูจิ้งรู้ในทันทีว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ของจริงแน่นอน เมื่อเทียบกับเรื่องของมู่หรงเซียนเอ๋อและดาราคนอื่นที่ถูกใส่ร้ายแล้วเทียบกันไม่ติดเลย

 

ซูจิ้งยังรู้สึกว่าเป็นไปได้ที่เรื่องนี้อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกในเงามืด หรือไม่ก็คนกลุ่มอื่นที่กำลังทดลองศึกษาการใช้งานเทคนิคการเปลี่ยนอารมณ์ผู้คนนี้ ก่อนที่จะมั่นใจและใช้กับเป้าหมายที่แท้จริงของพวกมัน

แน่นอนว่าไม่ใครรับรู้เบื้องหลังที่เกิดขึ้นและไม่มีใครจะมองเห็นว่าเรื่องพวกนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกันได้เลย

 

ซูจิ้งนั้นรู้จักกงหลิงหมิงผ่านตระกูลหวัง เขานั้นรับรู้ถึงอันตรายที่อาจเกิดกับตระกูลหวังในทันที เขาจึงรีบโทรไปหาหวังซวนจี้ในทันที เมื่อหวังซวนจี้รับสายเขารีบถามไปทันทีว่า “ลุงจี้ ลุงรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับกงหลิงหมิงรึเปล่าครับ”

หวังซวนจี้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า “รู้แล้ว เรื่องแค่นี้เล็กน้อยน่า เสี่ยวจ้าวได้โทรไปที่ที่ว่าการเมืองและได้จัดการเรื่องนี้แล้ว มันก็แค่เรื่องง่ายๆ เดี๋ยวมันก็จบแล้วน่า”

 

ซูจิ้งนิ่งนึกไปซักพักนึงก่อนจะพูดต่อว่า “ผมก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องนี้ยังไงดี แต่บอกได้เลยว่าเรื่องนี้ไม่ได้เล็กอย่างที่ลุงคิดหรอกนะ ทางที่ดีระวังตัวไว้ แล้วก็เป็นไปได้ก็ให้ทุกคนในตระกูลหวังระวังตัวไว้ด้วย โดยเฉพาะช่วงนี้”

 

หวังซวนจี้เมื่อได้ยินดังนั้นถึงกับพูดไม่ออก ถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็เขาจะไม่มีทางเชื่อเลยซักนิด แต่นี้คือคำพูดของซูจิ้งทำให้เขาไม่อาจละเลยเรื่องนี้ได้เลย เขารีบถามกลับไปว่า “อาจิ้ง เกิดอะไรขึ้นงั้นรึ”

 

ซูจิ้งจึงตอบกลับไปว่า “ผมยังบอกไม่ได้ในตอนนี้ เอาเป็นระวังตัวไว้แล้วกันครับ”

 

หวังซวนจี้พยักหน้าพร้อมตอบกลับไปว่า “ตกลง ฉันยอมฟังคำพูดของคุณ ฉันจะระมัดระวังตัวให้ถึงที่สุดในช่วงนี้”

 

ไม่นานหลังจากวางสาย หวังจ้าวได้โทรหาเขาในทันที เขาได้รับข้อมูลจากพ่อของเขาแล้ว เขาไม่เข้าใจว่ากะอีแค่เรื่องป้ายสีเล็กๆน้อยๆทำไมซูจิ้งถึงกังวลนัก

 

ซูจิ้งพูดกลับไปว่า “พี่ชายจ้าว นายต้องฟังฉันนะ นายต้องระวังตัวเต็มที่เลยตอนนี้ ฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ แต่ไม่ว่าจะเร็วแค่ไหนฉันเองก็เกรงว่าจะไม่ทัน ตอนนี้ขอฉันไปเตรียมตัวก่อนแล้วกัน”

 

“นายจะทำอะไรกันแน่” หวังเจ้าถามอย่างสงสัย

 

ซูจิ้งยิ้มก่อนจะบอกไปว่า “สตรีมน่ะ”

 

“…………………………” หวังเจ้าเองตอนแรกคิดว่าเขาได้ยินผิดไป หลิงหมิงนั้นก็แค่โดนใส่ร้ายเท่านั้น

ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย ซูจิ้งจะร้อนตัวไปทำไมกัน หลิงหมิงสิที่ควรร้อนตัว

ซูจิ้งเองก็พูดออกมาเองว่าจะจัดการเรื่องนี้เองแต่ทำไมเขากลับไปสตรีมหล่ะ

เขานั้นไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

เขาได้พูดออกมาว่า “อาจิ้ง ขอถามหน่อยสิ นายไม่มีอะไรทำจนต้องแกล้งพวกเราเล่นเลยรึไงกัน”

 

“เฮ้อ ฉันไม่ได้หยอกนายเล่นหรอกนะ แล้วนายจะได้เห็นเอง ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันจะสตรีมก่อนก็แล้วกัน” ซูจิ้งวางสายไป

เมื่อเซียนเอ๋อและคนอื่นๆได้ยินที่เขาคุยโทรศัพท์ทุกคนต่างจ้องมองเขาด้วยความประหลาดใจ พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาต้องสตรีมกัน แค่การสตรีมจะไปช่วยอะไรได้

 

“เซียนเอ๋อ เธอสนใจที่จะมาสตรีมการเล่นเพลงคู่กันซักเพลงรึเปล่า” ซูจิ้งพูดออกมา

 

“จริงหรอ” เซียนเอ๋อถามออกมาพร้อมสายตาที่เป็นประกาย

ถึงแม้เธอจะรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยว่าซูจิ้งจะต้องการทำอะไร แต่เมื่อเทียบกับความสงสัยนั้น

เธอให้ความสำคัญกับการได้เล่นเพลงคู่กับซูจิ้งอย่างไม่ต้องสงสัย

แทบจะบอกได้ว่าเป็นความฝันของเธอเลยก็ว่าได้

แต่เมื่อเธอคิดถึงชื่อเสียงของเธอที่ตกต่ำลงในเวลานี้ทำให้เธอเป็นกังวลขึ้นมาจึงพูดออกมาว่า

“ตอนนี้ชื่อเสียงของฉันไม่ดีแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ยังพอบอกได้ว่าไม่มีใครคู่ควรจะเล่นกับนายนอกจากฉัน แต่พอเป็นตอนนี้ฉันกลัวว่า…..”

“ไม่เป็นไรน่า จะไปสนใจทำไมขนาดฉันยังไม่สนใจเรื่องพวกนี้แล้วจะไปสนใจคนอื่นทำไมกัน ไม่แน่นะหลังจากพวกเราสตรีมแล้ว คนพวกนั้นอาจไม่สนใจข่าวป้ายสีของเธออีกเลยก็ได้” ซูจิ้งพูดด้วยรอยยิ้มหวานออกมา

 

เมื่อเซียนเอ๋อได้เห็นรอยยิ้มของซูจิ้งแล้วนั่นทำให้เธอรู้สึกสงบจนต้องขำออกมาแล้วพูดออกมาว่า “ก็ได้ ฉันเชื่อนาย แต่อย่ามาโทษฉันทีหลังนะถ้ามีคนโวยนายน่ะ”

 

มู่หรงฉิน มู่หรงจิงเทียน ฉินซิ่ว และผู้ช่วยสาวแสนสวยคนนั้นต่างก็มองด้วยความฉงนและคิดสงสัยอย่างหมดใจ

มู่หรงเซียนเอ๋อได้หยิบคอมพิวเตอร์พกพาออกมาจัดเตรียมพร้อมทั้งได้เตรียมกู่จิ้งแบบสายชิดออกมาตั้งเพื่อเตรียมเล่นเพลง

ซูจิ้งได้เดินกลับไปที่รถและได้หยิบกู่จิ้งแบบสายลอยออกมา

หลังจากนั้นเขากลับมานั่งข้างๆเธอพร้อมทั้งจัดท่าทางและตั้งกู่จิ้งเพื่อเตรียมตัวเล่น

หลังจากเรียบร้อยแล้วซูจิ้งได้เปิดช่องของเขาแล้วทำการล็อคอืน

และในเวลาเดียวกันก็ได้ทำการโพสต์ช่องทางการแสดงสดลงในเว่ยป๋อของทั้งสองคน

นั่นทำให้เกิดแรงกระเพื่อมในโลกอินเตอร์เน็ตอย่างมหาศาล