GGS:บทที่ 764 การต่อสู้ผ่านอากาศ

 

ตอนแรกนั้นแฟนคลับของซูจิ้งก็ดีใจที่ซูจิ้งกำลังจะสตรีม แต่เมื่อเห็นว่ามู่หรงเซียนเอ๋อจะสตรีมด้วยทำให้ท่าทีของพวกเขาเปลี่ยนไป

“พี่จิ้งและมู่หรงเซียนเอ๋อจะสตรีมด้วยกันงั้นหรอ ไม่นะ พี่จิ้งไม่รู้รึไงว่าตอนนี้มู่หรงเซียนเอ๋อมีชื่อเสียงที่ไม่ดีน่ะ พี่เขาควรจะอยู่ห่างเธอเอาไว้นะไม่งั้นเธออาจจะทำให้พี่ตกต่ำไปด้วย”

 

“ที่พี่จิ้งออกมาสตรีมคู่กับมู่หรงเซียนเอ๋อแบบนี้แสดงว่าเขามีความตั้งใจช่วยเธออยู่แล้ว”

 

“พี่จิ้งนั้นใจดีกับมู่หรงเซียนเอ๋อมากเลยนะ เขาเองยังเคยให้เธอเล่นเพลงกู่จิ้งที่เขาแต่งเอาไว้ก่อนหน้าอีกด้วย การที่เขามาออกหน้าแบบนี้ช่างเสี่ยงต่อการโดนเล่นงานไปด้วยจริงๆ”

 

“มู่หรงเซียนเอ๋อนั้นเป็นทั้งคนที่สวยและต้องคำสาป เธอไม่ควรจะมาทำแบบนี้เลย”

 

เหล่าผู้คนที่ติดตามโลกอินเตอร์เน็ตในตอนนี้แม้กระทั่งอดีตแฟนคลับของมู่หรงเซียนเอ๋อเองก็ยังออกมาเรียกร้องในสิ่งเดียวกัน นั่นคือการขอให้ซูจิ้งละทิ้งมู่หรงเซียนเอ๋อไปซะปล่อยให้เธอตายลงไปอย่างช้าๆแบบที่พวกเขาทำ

 

ตอนนี้เหล่าชาวเน็ตที่ยังคงเป็นแฟนคลับของเซียนเอ๋อก็ได้รู้เรื่องนี้แล้วเหมือนกัน

ตอนแรกพวกเขาก็รู้สึกดีใจเมื่อเห็นซูจิ้งประกาศการสตรีมออกมา

แต่เมื่อเห็นคำพูดของแฟนคลับซูจิ้งทำให้พวกเขาโกรธมากและก็อยากไปโต้ตอบกับคนพวกนี้ด้วย

อย่างไรก็ตามพวกเขาเองก็รู้ตัวดีว่าตอนนี้ชื่อเสียงของเซียนเอ๋อไม่ดีเหมือนเมื่อก่อนแล้ว จะบอกว่าแทบจะเสียคนเลยก็ว่าได้

พวกเขาเองก็ทำได้แต่กดข่มความรู้สึกเอาไว้ไม่ต่อล้อต่อเถียงด้วย พวกเขาไม่อยากก่อปัญหาให้พันธมิตรที่เหลืออยู่คนเดียวของพวกเขา

 

นาหลันเฟย เลาชง หลินฉีหยูและดาราคนอื่นๆเองก็ตกตะลึงกับข่าวนี้เช่นกันเมื่อรู้ข่าว

พวกเขาต่างรู้ดีว่าซูจิ้งนั้นเป็นคนที่มีเกียรติแค่ไหนและทำแบบนี้เพราะอะไร

แต่ก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้ในเรื่องที่กลัวว่าชื่อเสียงของเซียนเอ๋อจะทำให้ชื่อเสียงของซูจิ้งต้องมัวหมองตาม

เว่ยหยิน ฉิวหยุนจินและดาราคนอื่นๆเองก็ตื่นเต้นเช่นกันเมื่อได้ยินว่าซูจิ้งจะออกมาสตรีม

พวกเขาต่างรอคอยมานานแล้วที่จะได้เห็นซูจิ้งเล่นเพลงดีๆให้พวกเขาฟัง

แต่ไม่ว่าใครก็ตามเมื่อได้ยินว่าซูจิ้งจะเล่นเพลงกับเซียนเอ๋อนั้นต่างก็คิดออกมาในทำนองเดียวกัน

และเรื่องนี้ได้กลายเป็นประเด็นพูดคุยในโลกอินเตอร์เน็ตอย่างร้อนแรง เมื่อถึงเวลาชาวเน็ตได้เข้าไปดูในห้องสตรีมของซูจิ้ง

โดยตอนนี้จำนวนคนที่กดเข้ามาดูอยู่ที่ประมาณห้าแสนคนและกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างรวดเร็วจนน่าสะพรึง

ชื่อเสียงของซูจิ้งในตอนนี้ทำให้เขาขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่งของดาราระดับสองเรียบร้อยแล้ว

แม้กระทั่งมู่หรงเซียนเอ๋อที่กำลังผจญข่าวฉาวอยู่นั้นก็ยังขึ้นไปอยู่ในรายการชั้นหนึ่งเรียบร้อยแล้ว

 

ซูจิ้งไม่ได้สนใจว่าตอนนี้โลกภายนอกจะคิดอะไรกันอยู่

เขาได้ทำการเปิดกล้องวิดีโอและทำการจัดมุมกล้องโดยไม่ได้สนใจข้อความในช่องแสดงความคิดเห็นเลยซักนิด

เขายังหันกลับไปพูดกับเซียนเอ๋อด้วยว่า “เธอจำทำนองเพลงได้แล้วใช่รึเปล่า”

“ฉันจำได้แล้วแต่มันค่อนข้างจะยากมากเลยนะ ฉันกลัวว่าจะเล่นได้มีดีเลยล่ะ” เซียนเอ๋อเองพยักหน้าเล็กน้อยด้วยท่าทีหวั่นใจในขณะที่พูด

มู่หรงฉิน มู่หรงจิงเทียน ฉินซิว และผู้ช่วยสาวของเซียนเอ๋อเองก็ได้นั่งจ้องมองด้วยความหวั่นไหวเช่นเดียวกัน แน่นอนว่าพวกเขาในตอนนี้อยู่หลังกล้องทำให้ผู้ชมไม่สามารถมองเห็นพวกเขาได้

พวกเขาเองก็ได้เห็นทำนอง(โน๊ต)เพลงแล้วเหมือนกันพร้อมทั้งได้เห็นทั้งคู่ลองเล่นด้วยกันมาแล้ว ตอนนี้พวกเขาก็ยังตกตะลึงกับเพลงไม่หายเลย

“อย่ากังวลเลยน่า ฉันอยู่ตรงนี้นะ เรามาเริ่มกันดีกว่า” ซูจิ้งค่อยๆยกมือขึ้นมาอย่างนิ่มนวล

และค่อยๆปล่อยให้มันร่วงลงไปยังสายกู่จิ้งสายหนึ่งอย่างช้าๆ

บังเกิดเสียงที่กระจ่างใสและหนักแน่น เซียนเอ๋อเองก็ได้ทำการสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนที่จะเริ่มดีดสายเล่นเพลงอย่างแน่วแน่

เสียงที่เกิดขึ้นเต็มไปด้วยความกระจ่างใส ทรงพลัง และก้องกังวาล

ความรู้สึกเหมือนเสียงสั่นระฆังในวัดเล่ยหยิน เสียงที่เกิดขึ้นส่งตรงเข้าไปยังจิตใจของผู้คนที่ได้ยินทีละน้อย

ทีละน้อย ทำให้ทุกคนที่ได้ยินรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมา

แต่นั่นไม่ได้ทำให้คนที่ฟังอยากจะปิดช่องการสตรีมหนีแต่อย่างใด

พวกเขาต่างรู้สึกไม่อยากจะพลาดที่จะได้ฟังท่วงทำนองที่บรรเลงออกมาขาดตกไปแม้แต่ตัวโน๊ตเดียว

ความรู้สึกด้านลบที่เหล่าคนที่ฟังในตอนนี้ค่อยๆหายไปจนกระทั่งหายไปหมดสิ้นจากจิตใจคนทุกคนที่ได้ยิน

ต้องบอกว่าเพลงนี้เหมือนดั่งมีมนต์วิเศษที่สะกดให้ทุกคนไม่สามารถหนีหายออกไปได้

 

บทเพลงนี้หากฟังดีๆแล้วจะรู้ได้ทันทีว่าเหมือนจะเป็นการเล่นวนซ้ำไปซ้ำมา แต่นั่นกลับยิ่งทำให้คนฟังรู้สึกตื่นเต้น ตกตะลึง เหมือนค่อยๆเติมเต็มจิตใจและจิตวิญญาณของผู้คน และค่อยๆส่งผลต่ออารมณ์ของผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ

ความรู้สึกเหมือนกับเวลาที่คนฟังเพียงเสียงเปียโนแต่ทำให้รู้สึกสุดยอดขึ้นมาได้

หากเป็นเปียโนนั้น เพลงของซูจิ้งก็จะเปรียบเหมือนเสียงเปียโนที่ไหลบ่าเหมือนกับสายน้ำหลากที่เข้าไปกระแทกจิตใต้สำนึกของผู้ชมจนทำให้หัวหมุนแล้วปัดเป่ามารมณ์ขุ่นมัวในจิตใจจนหายไปทั้งหมด

 

“อา…….” เหล่าผู้ชมที่กำลังดูการสตรีมอยู่ตอนนี้อดไม่ได้ที่จะร้องออกมาเสียงดังลั่น

เหมือนกับพวกเขาได้ปลดปล่อยกำลังภายในที่แทรกแซงและแปรปวนอยู่ภายในร่างกายออกมาได้

และตอนนี้จิตใจของทุกคนได้ถูกเปิดออกมาอีกครั้ง

 

“สุดยอด เพลงนี้จะสุดยอดเกินไปแล้ว”

 

“ช่างเป็นเพลงที่ทำให้ใจเต้นขึ้นมาได้เลย”

 

“ทำไมจู่ๆฉันก็รู้สึกว่ามู่หรงเซียนเอ๋อดูไม่ค่อยมีความสุขเลยหล่ะ”

 

“เดี๋ยวนะ เรื่องข่าวฉาวของมู่หรงเซียนเอ๋อนั่น ไม่ว่าดูยังไงก็เป็นข่าวปลอมแน่นอน นี่ฉันเชื่อเข้าไปได้ยังไงกันเนี่ย”

 

“จริงด้วย ไอ้คนที่กล้าใส่ร้ายเธอด้วยเรื่องพวกนี้ช่างกล้าอย่างไม่น่าเชื่อเลย”

 

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ก่อนหน้านี้ฉันเองก็เชื่อข่าวนี้เหมือนกัน ช่างโง่เง่าจริงๆ”

 

“ฮ่าฮ่า ฉันไม่เชื่อตั้งแต่แรกแล้ว พวกนายตาสว่างซักที”

 

“ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ก่อนหน้านี้ฉันเชื่อทันทีที่เห็นเลย”

 

“พระเจ้า พวกเราไม่น่าทำเรื่องไม่ดีกับเซียนเอ๋อเลย ก่อนหน้านี้พวกเราทำอะไรลงไปเนี่ย”

 

“ฉันยังคงเชื่อมั่นในตัวของเซียนเอ๋อและเป็นแฟนคลับของเธอนะ การที่ไปเชื่อข่าวเฮงซวยอย่างนี้มันช่าง….”

 

เหล่าชาวเน็ตที่ก่อนหน้านี้เคยว่าร้ายเซียนเอ๋อในตอนนี้ต่างโทษตัวเองในสิ่งที่ได้กระทำลงไป

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าแฟนคลับของเซียนเอ๋อที่ได้ตัดสินใจเลิกติดตามเธอไปก่อนหน้านี้

พวกเขารู้ตัวแล้วว่าเซียนเอ๋อนั้นถูกใส่ร้าย พวกเขาต่างส่งข้อความขอโทษไปยังช่องทางสื่อสารของเซียนเอ๋อ

ไม่ว่าจะเป็นไมโครบล็อก ฟอรุ่ม วีแชท และช่องทางอื่นๆที่น่าจะพอสื่อสารความรู้สึกของพวกเขาในตอนนี้ต่อเธอได้

 

และในทำนองเดียวกัน เมื่อเพลงที่ซูจิ้งบรรเลงร่วมกับเซียนเอ๋อแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ด้วยมนต์วิเศษที่ไม่มีโอกาสได้ยินง่ายๆแบบนี้ ทำให้ส่งต่อกันไปเรื่อยๆ แม้แต่คนที่ไม่เคยสนใจเพลงแนวนี้ก็ยังมีโอกาสได้ยิน ทำให้หลายๆคนเริ่มตื่นจากภวังจนทำให้เหล่าประชาชนทั้งหลายมีความคิดที่เปลี่ยนไป

แน่นอนว่าเรื่องข่าวฉาวที่เกิดขึ้นกับดาราคนอื่นและผู้ว่าการเมืองกงหลิงหมิงเองก็ได้รับผลกระทบด้วยเหมือนกัน เหล่าคนที่เชื่อในเรื่องพวกนี้เปลี่ยนท่าทีของพวกเขาในทันที

 

“พระเจ้า” ผู้ช่วยของเซียนเอ๋อถึงกับอุทานออกมาเมื่อเห็นกระแสลมที่เปลี่ยนทิศของความรู้สึกของผู้คนที่มีต่อข่าวฉาวของเซียนเอ๋อจนทำได้แต่นิ่งอึ้งตะลึงไปในทันที เธอไม่คิดว่าแค่เพลงๆเดียวจะทำให้ความคิดของผู้คนเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้ ช่างมหัศจรรย์ยิ่งนัก

 

“อาจิ้ง เพลงนี้เป็นเพลงอะไรกันแน่” เซียนเอ๋อเองก็แทบจะไม่อยากเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นเลย

เธอรู้ดีว่าการบรรเลงของเพลงของเธอซูจิ้งเมื่อครู่นี้เธอเพียงแค่คนบรรเลงประกอบเท่านั้น

คนที่เล่นจริงๆจนทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ได้ก็คือซูจิ้งคนเดียวเท่านั้น

สำหรับเธอนั้นเป็นเรื่องยากมากที่จะบรรเลงได้จนถึงแก่นแท้ของเพลงนี้และทำให้เกิดผลอันแสนวิเศษนี้ขึ้น

หากเธอบรรเลงคนเดียวไม่มีทางทำได้เลย

 

มู่หรงฉิน มู่หรงจิงเทียน และฉินซิวตอนนี้มองซูจิ้งเหมือนกับเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้ว

มู่หรงฉินนั้นถึงแม้จะอยู่ในวงการนี้มานานและช่ำฉองจนถูกจัดว่าไปที่หนึ่งในวงการกู่จิ้งจนได้ชื่อว่าเป็นปรมาจารย์

แต่เขาเองก็ยังรู้ตัวดีว่าไม่สามารถเขาถึงแก่นแท้ของเพลงนี้ได้

 

“ผลงานเพลงชิ้นนี้มีชื่อว่า เฉียนจินฉิง(ส่งต่อท่วงทำนองแห่งรัก)” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

นี่เป็นหนึ่งในเพลงประจำตัวของกลุ่มฉินที่ปรากฎอยู่ในห้วงเวลาฯราชาแห่งพิณ

ตัวเพลงจะส่งผลในการชำระล้างจิตใจและปัดเป่าความรู้สึกด้านลบที่เกิดขึ้นในจิตใจของผู้คน

ถ้าเพลงนี้ถูกเล่นด้วย เย่หยินจู ล่ะก็ แม้แต่ความรู้สึกด้านลบที่ฝังลึกลงไปในจิตใจผู้คนก็ยังหายไปได้อย่างง่ายดาย

แต่ด้วยฝีมือของซูจิ้งในตอนนี้ไม่สามารถสื่อถึงพลังออกมาได้ขนาดนั้น

เขาทำได้เพียงแค่ปัดเป่าความรู้สึกด้านลบที่เกิดจากคลื่นพลังที่ออกมาส่งผลกระทบต่อจิตใจผู้คนที่ใช้งานคอมพิวเตอร์และมือถือได้เพียงเท่านั้น

โชคดีที่คลื่นพลังเหล่านั้นมีผลแค่เพียงผิวเผินและยังไม่ได้ฝังลึกทำให้เขาสามารถปัดเป่าความรู้สึกเหล่านั้นออกไปได้

 

ในขณะเดียวกันนั้น ในอพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่ง ชายหนึ่งคนหนึ่งได้หน้ามู่ทู่ออกมาเมื่อเขาได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสังคมของชาวเน็ต

มันผิดจากที่เขาคาดจนต้องขมวดคิ้วออกมาและแสดงใบหน้าที่ผิดหวังอย่างสุดขีด

เขารีบหาต้นเหตุจนพบสาเหตุอย่างรวดเร็ว เขาได้กดเม้าส์เพื่อเข้าไปฟังเพลง “ส่งต่อท่วงทำนองแห่งรัก” ที่ถูกบรรเลงโดยซูจิ้ง

เพียงแค่ฟังเพลงนี้ไปเพียงแค่ครึ่งเพลง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันที ใบหน้าของเขาในตอนนี้แสดงความรู้สึกที่ดูพะอืดพะอมและทุกข์ทรมายจนต้องบังคับตัวเองให้ปิดเพลงนี้ลง หลังจากนั้นเขาก็ได้กระอักเลือดออกมาจากปากจำนวนหนึ่ง

 

“ซูจิ้งคนนี้เป็นใครกันแน่ มันทำได้ยังไงกันกับอีแค่เล่นเพลงๆเดียวแต่ทำลายทักษะของฉันได้”

ชายหนุ่มคนนี้ไม่ยอมเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอันขาด

หลังจากนั้นซักพักเขาได้สบถออกมาว่า “ฉันไม่เชื่อเรื่องนี้เป็นอันขาด ทุกสิ่งบนโลกนี้จะอยู่หรือเป็นมันขึ้นอยู่กับฉันเพียงแค่พลิกฝ่ามือเท่านั้น”

ชายหนุ่มได้ปิดตาลง ทันใดนั้นคีย์บอร์ดที่อยู่ตรงหน้าเขาได้ขยับได้เอง ทันใดนั้นข้อมูลข่าวฉาวก็ได้ปรากฎออกมายังหน้าจอคอมพิวเตอร์ในทันที