GGS:บทที่ 765 การต่อสู้ผ่านอากาศ (2)

 

“ไม่จริงน่า มีข่าวฉาวออกมาอีกแล้วหรอ” ผู้ช่วยสาวของมู่หรงเซียนเอ๋อที่กำลังติดตามดูข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด ทันทีที่เธอเห็นข่าวฉาวเกี่ยวกับมู่หรงเซียนเอ๋อออกมาเธอได้เผลออุทานออกมาพร้อมสีหน้าตกใจ

 

“ไม่เป็นไรน่า ฉันกำลังกลัวอยู่ว่ามันจะไม่ออกมาด้วยซ้ำ เซียนเอ๋อเธอออกไปก่อนนะ คุณปู่และคุณป้ามู่หรงเองก็ออกไปจากห้องก่อนเหมือนกันนะครับ แล้วก็ขอให้ทุกคนเอาสำลีอุดหูไว้ด้วยล่ะ” ซูจิ้งพูดออกมาอย่างสบายอารมณ์

ด้วยเมื่อเพลงส่งต่อท่วงทำนองแห่งรักนี้ได้แพร่กระจายออกไปในโลกอินเตอร์เน็ตแล้วส่งผลตามที่คาดไว้อย่างดี

ทำให้เขาไม่ได้เกรงกลัวต่อคนที่ปล่อยข่าวฉาวนี้อีกต่อไป

แต่ยังซะเขาเองจะไม่ยอมเพียงแค่ตกเป็นฝ่ายรับเพียงฝ่ายเดียวแน่นอน

 

คำพูดของซูจิ้งทำให้ทั้งมู่หรงฉิน มู่หรงเซียนเอ๋อ และคนอื่นๆเมื่อได้ยินต่างก็นิ่งอึ้งในทันที

ถ้าเป็นคนอื่นมาพูดอย่างนี้ล่ะก็พวกเขาจะตราหน้าว่าคนๆนั้นแค่อยากจะทำเท่เฉยๆ

นั่นก็เพราะตระกูลมู่หรงถือได้ว่าเป็นเจ้าแห่งกู่จิ้งเพราะไม่เพียงแค่มู่หรงฉินและเซียนเอ๋อเท่านั้นที่เล่นกู่จิ้ง

แม้แต่มู่หรงจิงเทียนและฉินซิวเองก็เล่นกู่จิ้งได้ดีและมีชื่อเสียงในวงการกู่จิ้งไม่ต่างกันมากนัก บอกได้เลยว่าพวกเขานั้นรู้ในศาสตร์แห่งกู่จิ้งเป็นอย่างดีและไม่มีทางถูกหลอกได้ง่ายๆถ้าเป็นเรื่องของกู่จิ้ง

อย่างไรก็ตามเมื่อได้ยินคำพูดของซูจิ้ง พวกเขาไม่เพียงแค่เชื่อฟังอย่างดีเท่านั้น ยังปฏิบัติตามทุกอย่างเป็นอย่างดีเพราะพวกเขารู้ดีว่าซูจิ้งไม่เพียงแค่จะเข้าใจในศาสตร์แห่งกู่จิ้งเท่าพวกเขา แต่เขาได้นำหน้าเกินกว่าพวกเขาจะเข้าใจได้ไปแล้ว

 

เหล่าชาวเน็ตที่กำลังดูการสตรีมนี้ต่างก็ออกจากห้องอย่างว่าง่าย โดยพากันเดินตรงไปยังห้องข้างๆและได้หาสำลีมาอีดหูไว้อย่างแน่นหนา

 

ซูจิ้งสูดหายใจเขาลึกๆ เขายังสัมผัสคลื่นพลังที่ถูกส่งออกมาจากคอมและมือถือที่ทำการเปิดข่าวฉาวอยู่ในเวลานี้ นั่นหมายความว่าคนที่อยู่เบื่องหลังก็น่าจะยังอยู่หน้าจอเช่นเดียวกัน

ซูจิ้งปลดปล่อยลมหายใจพร้อมทั้งได้วางมือลงบนกู่จิ้งของเขาทันใดนั้นได้บังเกิดเสียงที่ฟังดูน่าหลงไหลออกมา เสียงนั้นเหมือนกับดังออกมาจากข้างใน

มันไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ มันเหมือนกับเป็นความรู้สึกจริงแท้(วิถีแห่งเต๋า)

ซึ่งเสียงนี้ไม่ได้ส่งผลเสียต่อคนที่ฟังแต่อย่างใดแต่ยังช่วยเติมเต็มความรู้สึกส่วนลึกในจิตใจของคนที่ได้ฟัง

จนบอกได้เลยว่าเป็นการบรรเลงแนวใหม่อย่างแท้จริงสำหรับคนบนโลกนี้

 

ในห้องข้างๆ เซียนเอ๋อ มู่หรงฉิน และคนอื่นๆเองที่ได้ยินแม้จะยังเอาสำลีอุดหูอยู่นั้น ต่างรู้สึกตกตะลึงในทันทีเมื่อได้ยินเสียงนี้

ถึงแม้พวกเขาจะได้ยินเพียงเสียงบางเบาแต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงความน่ากลัวของเพลงๆนี้

ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังรู้สึกว่าอยากฟังอยู่ดีเพราะยิ่งฟังยิ่งรู้สึกดีมากขึ้นเรื่อยๆ

 

“ทำไมมันไม่ได้ผลล่ะ” ชายหนุ่มคนนั้นได้ส่งเรื่องชาวออกไปในระบบอินเตอร์เน็ตแต่ผลตอบรับกับเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้นนั่นทำให้คิ้วของเขาขมวดจนชนกันในทันที ยิ่งเขารอผลนานเท่าไหร่เขายิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น เมื่อเขาหาสาเหตุนั่นทำให้เขาพบว่าทุกคนยังคงมัวแต่ฟังเพลงของซูจิ้งอยู่เลยไม่ได้สนใจข่าวฉาวของเขา

เขาคิดขึ้นมาได้ว่าหากว่าคนพวกนี้ยังคงฟังเพลงอยู่แบบนี้ไม่มีทางที่คลื่นพลังของเขาจะทำอะไรได้แน่นอน

“ฮืมมมมม งั้นถ้าเป็นอย่างนี้ฉันก็แค่ป้ายสีเพลงนี้ตรงๆเลยก็พอสินะ

ถ้าทำลายเพลงของมันได้ ชื่อเสียงของมันจะฉาวโฉ่ในทันที ไม่มีทางที่มันจะต่อกรกับฉันได้หรอกน่า”

ชายหนุ่มได้สบถออกมา

เขารีบเข้าไปดูการสตรีมของซูจิ้งในทันที

หลังจากฟังไปซักครู่เดียวในตอนนั้นคีย์บอร์ดที่อยู่ตรงหน้าเขาได้ขยับเองอีกครั้งและปรากฎข่าวฉาวของซูจิ้งออกมา

 

เหตุผลที่เขานั้นต้องเสี่ยงตัวเองโดยกลับมาฟังเพลงของซูจิ้งทั้งๆที่เพิ่งจะกระอักเลือดไปก่อนหน้านี้นั่นเป็นเพราะการจะสร้างข่าวป้ายสีได้นั้นจำเป็นต้องมีข้อมูลของเป้าหมาย ซึ่งในที่นี้คือเพลงของซูจิ้ง

เขาจะต้องทำความเข้าใจเพลงของซูจิ้งก่อนถึงจะสร้างข่าวป้ายสีออกมาได้

ถ้าอยู่ๆเขาก็กุเรื่องขึ้นมาโดยไม่มีเรื่องที่เกิดขึ้นจริงเลยแม้แต่น้อย ความสามารถของเขาจะไม่มีผลอะไรมากมายนัก

ยิ่งเนื้อหาข่าวส่วนใหญ่เป็นจริงมากเท่าไหร่ ผลของความสามารถของเขาก็จะยิ่งรุนแรงขึ้นตามไปด้วย

ต่อให้ไม่มีหลักฐานมายืนยันความผิดหรือมีหลักฐานมาหักล้างอย่างดีก็ตาม ก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดผู้คนที่หลงเชื่อข่าวป้ายสีที่เขาได้เลย

 

แน่นอนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ที่เขาเผลอฟังเพลงโดยไม่ได้เตรียมใจจนทำให้ต้องกระอักเลือดออกมานั้นทำให้เขาได้เรียนรู้อย่างมาก

เขาได้ทำการควบคุมอารมณ์ตัวเองอย่างดี และพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่คล้อยตามบทเพลงไป เขาใช้ความมุ่งมั่นทางจิตใจโดยตั้งใจมั่นว่าจะหาวิธีก่อกวนเพลงนี้แทน

อย่างไรก็ตามไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขามั่นใจตัวเองมากไปหรือดูถูกซูจิ้งมากเกินไปก็ไม่อาจจะรู้ได้ หลังจากที่เขาได้ฟังเพลงที่ซูจิ้งบรรเลง ความตั้งมั่นทุกอย่างก่อนหน้านี้ได้หายไปในทันทีและกลายเป็นว่าเขาตั้งในฟังจนไม่สามารถทำอะไรได้เลย

ในตอนนี้ยิ่งเขาฟังมากเท่าไหร่เขายิ่งรู้สึกหลงไหลจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป ในตอนนี้เขาแทบจะลงไปคุกเข่าและกลายเป็นบริวารของซูจิ้งแล้ว

ในเวลาเดียวกันในขณะบรรเลงเพลงนี้ เสียงของซูจิ้งก็ได้ประสานเข้ากับเสียงเพลงของกู่จิ้งอย่างสอดคล้อง

โดยเขาพูดออกมาว่า “คนที่กุข่าวฉาวป้ายสีเหล่านี้คือเหล่าคนที่เลวชาติอย่างแท้จริง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ทำการใส่ร้ายกับเพียงแค่เด็กสาวคนหนึ่ง

ถ้าเจ้าเข้าใจสิ่งที่ข้าสื่อสารผ่านบทเพลงนี้ จงแอดชื่อของข้า qq3947 แล้วจงบอกที่อยู่ของเจ้ามา

แล้วข้าจะไปพูดคุยกับเจ้าตัวต่อตัว”

 

ถ้อยคำของซูจิ้งที่พูดออกไปนั้นเหมือนแฝงออกไปพร้อมท่วงทำนองของกู่จิ้งที่เขากำลังบรรเลง เหมือนเป็นข้อความวิเศษที่ส่งตรงไปยังใครบางคน พวกเขาล้วนแล้วแต่กลายเป็นบริวารของซูจิ้งและยอมทำตามต่อโดยดี

 

เหล่าคนทั่วไปที่ได้ฟังเพลงนี้พวกเขาล้วนแล้วแต่ติดเพลงนี้ในทันทีจนแทบจะสูญเสียความเป็นตัวเองไปเลย แต่ด้วยการที่พวกเขาไม่ใช่คนที่สร้างข่าวฉาวต่างๆขึ้นมาทำให้พวกเขาไม่ได้ทำอะไร ได้แต่ฟังเพลงนี้เฉยๆ

ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยหนวดเคราครึ้มจนแทบจะบังตาของเขา เขาได้ทำการแอดเพื่อนตามเลขที่ซูจิ้งบอกโดยQQด้วยท่าทางที่โง่งม พร้อมทั้งส่งข้อความโดยมีเนื้อหาคือ “ผมอยู่ที่…ถนน…เขต….ในเมืองจงหยุน…”

 

ซูจิ้งที่กำลังเล่นกูจิ้งอยู่นั้นเมื่อเห็นข้อความเข้ามา ตาของเขาสว่างวาบในทันที

บทเพลงที่ซูจิ้งกำลังบรรเลงอยู่นั้นคือเพลงวิถีเซียนที่มาจากห้วงเวลาฯบังสวรรค์ ที่ทรงพลังมากๆ และเพลงนี้ไม่ทำให้เขาผิดหวังเลยจริงๆ

แน่นอนว่าเพลงนี้คือหนึ่งในเก้าเพลงที่ทรงพลังเทียบเท่ากับเพลงลำนำแห่งพระเจ้า นั่นคือเพลงนี้เขาทำได้เลียนแบบเท่านั้นเอง

 

เพลงวิถีเซียนที่แท้จริงนั้นกล่าวได้ว่าเป็นเพลงเปิดของเพลงแห่งเซียนทั้งเก้าเสมือนเป็นเพลงที่ใช้เปิดทางไม่ให้เกิดเภทภัยแก่ผู้ที่ได้ฟัง

แม้แต่ในห้วงเวลาฯบังสวรรค์ก็ไม่ได้มีการเล่นบ่อยซักเท่าไหร่นักเลยไม่เป็นที่แพร่หลาย

เพลงนี้กล่าวได้ว่าเป็นบทเพลงที่มักบรรเลงเปิดก่อนเพลงลำนำแหล่งพระเจ้า และเมื่อเพลงทั้งสองได้เล่นออกมาเสร็จสิ้นล่ะก็

แม้แต่คนในโลกแห่งห้วงเวลาฯบังสวรรค์ก็ยังต้องรับรู้ได้ในทันที

ด้วยการที่เพลงนี้เมื่อเล่นจะปลดปล่อยรังสีฆ่าฟันออกมาได้อย่างไม่มีสิ้นสุด

ประหนึ่งดังหมายจะทลายทรวงสวรรค์นั่นจึงถือว่าเพลงนี้แฝงเอาไว้ความมหัศจรรย์พันลึกท้าทายกฎเกณฑ์สวรรค์ที่มีต่อโลกแห่งนั้นจนแทบจะเรียกได้ว่าทำลายถึงกฎเกณฑ์ที่สวรรค์ตราประทับเอาไว้บนโลก

ต้องขอบคุณความทรงพลังของเพลงๆนี้ทำให้แม้แต่ฝีมือในระดับอ่อนด้อยของเขาก็ยังสามารถทำให้เกิดผลลัพท์อันทรงพลังออกมาได้บ้าง ไม่เช่นนั้นเขาก็คงเล่นได้แต่เสียงต๋องแต๋งกลายเป็นเพลงขยะเพลงหนึ่ง

 

เมื่อซูจิ้งได้เห็นที่อยู่ที่ส่งมาทางQQเขาไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา เขายังเล่นต่อไปเรื่อยๆ

เขาได้ใช้กระแสจิตในการขยับเม้าส์และคีย์บอร์ดเพื่อหาที่อยู่ตามข้อความที่ได้ส่งมาก็พบที่อยู่พร้อมทั้งระยะทาง

เขาต้องการจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

 

หลังจากที่เขาเล่นเพลงเสร็จแล้ว ซูจิ้งได้รีบยืนขึ้นและเร่งออกไปในทันที “ฉันจะต้องรีบไปจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดนะ” เขาพูดกับตัวเอง

 

เมื่อเขาวิ่งไปถึงประตู อินทรีย์ทองได้ล่อนลงมาจากท้องฟ้า ซูจิ้งได้รีบกระโดดขึ้นไปบนหลังของมันและสั่งให้มันไต่ระดับขึ้นไปในทันที ไม่นานนักมู่หรงฉิน เซียนเอ๋อและคนอื่นๆได้วิ่งตามออกมาในทันทีแต่ก็ไม่ทันได้ถามไถ่อะไรก็เห็นซูจิ้งบินออกไปไกลแล้ว ทำได้แค่คอยยืนส่งมองเห็นแค่แผ่นหลังของเขาที่กำลังขี่อินทรีย์ทองออกไป พอนึกถึงตอนที่ได้ยินว่าซูจิ้งได้ขี่อินทรีย์ทองไปช่วยคนบนเครื่องบินนั้น พวกเขาเองเมื่อได้ยินก็แค่รู้สึกประหลาดใจเฉยๆและสงสัยว่าเป็นเรื่องจริง จริงๆหรอ ไม่คิดว่าจะมาได้เห็นด้วยตาตัวเองแบบนี้

 

ในขณะเดียวกันทุกคนที่กำลังดูการสตรีมอยู่ก็ได้รู้สึกตัวพร้อมทั้งเกิดอาการตกใจกับเพลงๆนี้

 

“พระเจ้า เพลงอะไรกันเนี่ย ฟังแล้วรู้สึกดีมากเลย”

 

“แต่ก็เป็นเพลงที่น่าสะพรึงกลัวเหมือนกันนะ ฉันเองก็เกือบจะคุกเข่าลงไปแล้วเนี่ย”

 

“ฮ่าฮ่า เพลงของพี่จิ้งช่างสุดยอดเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ ฉันคุกเข่าลงตั้งแต่เพลงแรกแล้ว”

 

“เหมือนกัน ฉันก็เคยคุกเข่ามาแล้วเมื่อครั้งก่อน ฉันไม่มีปัญหากับเรื่องนี้นะ”

 

แน่นอนว่ากิติศักดิ์ของเพลงนี้ได้โจษจันไปทั่วอย่างรวดเร็วผ่านทางอินเตอร์เน็ต และเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว

นอกจากนั้นเพลงนำพาท่วงทำนองแห่งรักเอง ถึงแม้ว่าผลของเพลงที่ได้ฟังจากบันทึกย้อนหลังจะไม่ได้ผลเหมือนตอนที่ฟังตอนสตรีม

ถึงแม้ความเห็นของมวลชนต่อข่าวฉาวของเซียนเอ๋อจะไม่เปลี่ยนไป แต่ในครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนตรงที่เหล่าแฟนคลับของเธอได้แสดงพลังออกมาเพื่อต่อสู้เรื่องนี้อย่างพร้อมเพียง

 

ในเวลาต่อมาสองเพลงนี้ได้ทำให้ซูจึงได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม

ตลอดจนทำให้แฟนคลับของเซียนเอ๋อก็ยังรู้สึกปลาบปลื้มในตัวซูจิ้งจนทำให้แฟนคลับบางส่วนกลายเป็นแฟนคลับซูจิ้งด้วยเช่นกัน

อันดับในรายการดาราของวูจิ้งเองก็ได้พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วประหนึ่งดังติดจรวดเลยก็ว่าได้

 

อย่างไรก็ตามไม่มีชาวเน็ตคนไหนรู้ตัวเลยว่าในระหว่างการสตรีมได้มีรังสีฆ่าฟันอันไร้สิ้นสุดออกมาระหว่างการสตรีมด้วย

ต่อให้การทำเช่นนี้ควบคู่ไปด้วยแต่เหรียญตราเทวฑูตของซูจิ้งก็ยังได้รับพลังงานศักดิ์สิทธิ์จากแรงศรัทธามาอยู่ดี

แต่ไม่ว่าเขาจะได้มามากมายขนาดไหนก็ตามเขาไม่มีเวลาดูดซับพวกมันเลยสักนิด เพราะเขากำลังรีบเร่งมุ่งตรงไปยังที่อยู่ของศัตรูให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้