GGS:บทที่ 766 ผู้มีพลัง

 

ซูจิ้งขี่อินทรีย์ทองอยู่เหนือหมู่บ้านหนึ่งในเมืองจงหยุน เขาได้ทำการปลดปล่อยกระแสจิตออกมาจนได้พบตึกที่คนที่ก่อเรื่องข่าวฉาวอย่างรวดเร็ว เขาได้รีบให้อินทรีย์ทองล่อนลงไปจอดบนยอดตึกนั้น

 

“พระเจ้า ช่างเป็นอินทรีย์ที่ตัวใหญ่จริงจัง”

 

“พระเจ้าช่วย ที่อยู่บนหลังมันนี่ซูจิ้งไม่ใช่หรอ เขามาทำไมที่นี่กันหล่ะ”

 

“ท่าทางตอนร่อนลงมาพร้อมอินทรีย์ทองนี่โคตรเท่เลยล่ะ”

 

“เร็วเข้า เรารีบเข้าไปขอลายเซ็นกัน”

 

“เอ่ออออ ฉันว่าอย่าดีกว่านะ ดูหน้าตาแล้วดูเหมือนจะไม่พร้อมกับเรื่องลายเซ็นนะ ถ้าเข้าไปตอนนี้มีหวังโดนเล่นแหงๆ”

 

“ก็จริงแหะ ฉันได้ยินมาว่าเขาเป็นปรมาจารย์ด้านการต่อสู้ด้วยเหมือนกัน แถมอินทรีย์ทองนั่นก็ตัวใหญ่โคตร คงดูน่ากลัวจริงๆเวลาอยู่ใกล้ๆ”

 

การปรากฎตัวของซูจิ้งอย่างกระทันหันได้สร้างความประหลาดใจให้กับผู้คนที่อยู่ใกล้ๆ

แทบจะพูดได้ว่าทั้งหมู่บ้านต่างก็รู้เรื่องนี้

แต่ด้วยการที่ซูจิ้งแสดงสีหน้าไม่รับแขกแถมยังมีอินทรีย์ทองอย่างค่อนข้างๆทำให้ดูมีท่าทีน่าเกรงขามเกินกว่าจะเข้าใกล้ได้

 

ซูจิ้งรีบลงไปยังชั้นสี่ ตรงไปยังห้อง 402 แล้วถีบประตูเข้าไป

ในตอนนั้นลุงเจ้าของตึกได้วิ่งมาถึงพร้อมทำหน้านิ่วคิ้วขมวดในทันที

เขากำลังจะอ้าปากเพื่อพูดอะไรบางอย่างแต่ทำได้แค่อ้าค้างไว้เหมือนเห็นใบหน้าอันขึงขังของซูจิ้ง

เขาไม่อยากจะโดนอัดเลยเลือกที่รีบวิ่งลงไปเพื่อโทรหาตำรวจแทน

 

ซูจิ้งไม่ได้ใส่ใจกับลุงเจ้าของตึกแม้แต่น้อย และไม่ได้พยายามที่จะหยุดเขาจากการเรียกตำรวจแต่อย่างใด

ซูจิ้งไม่ได้ออกจากห้องนั้นไปไหน เขาตรงไปยังห้องๆหนึ่งในห้องนั้นทันที

เขาเห็นชายหนุ่มร่างผอมติดกระดูกนั่งอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์

ก่อนหน้านี้เขายังคงเปิดหน้าจอสตรีมของซูจิ้งอยู่อย่างนั้นทั้งที่ไม่มีอะไรแล้วด้วยหน้าตาที่แสดงหน้าเอ๋อๆอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเขาได้ยินเสียงถีบประตูเข้ามาดังโครม

เขาก็ตื่นจากภวังค์ในทันที

เขามองไปยังข้อความที่เขาส่งคาเอาไว้ในQQ และเมื่อเห็นซูจิ้งปรากฏกายต่อหน้าเขา หน้าของเขาเปลี่ยนสีในทันที

เขารีบยืนขึ้นมาพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อออกจนชุ่ม เขาได้ถามซูจิ้งออกมาว่า “นาย นายต้องการอะไร”

 

ซูจิ้งไม่เร่งรีบที่จะตอบแต่อย่างใด เขามองไปในห้องอย่างรวดเร็ว สภาพในห้องค่อนข้างรก มีกลิ่นถุงเท้าโชยหึ่ง กองผ้าสกปรก และกล่องที่วางเกลื่อนอยุ่ในห้อง มีถึงขยะสองใบที่มีขยะอยู่เต็มวางอยู่ที่มุมห้อง

 

ถึงสภาพห้องจะเป็นอย่างนั้นแต่คอมพิวเตอร์ คีย์บอร์ด และเม้าส์ ทุกอย่างล้วนดูดี รวมทั้งคอมพกพาที่ตั้งอยู่ข้างๆเขาด้วยเช่นกัน

ถ้าแค่ดูจากสภาพบ่งบอกได้ว่าคนๆนี้เป็นเพียงคนที่ติดอืนเตอร์เน็ตธรรมดาคนหนึ่งแค่นั้นเอง ถ้าไม่ได้มีข้อมูลจากQQที่กำลังปรากฎอยู่ตรงหน้าคอมพิวเตอณืยืนยันอยู่ล่ะก็ ซูจิ้งแทบจะนึกในทันทีเลยว่าพังเข้ามาผิดห้องแน่ๆ

 

อย่างไรก็ตามซูจิ้งก็ยังไม่สามารถแน่ใจแน่นอนได้ว่าเขาไม่ได้โดนหลอก ชายคนนี้คือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดจริงๆอย่างนั้นหรอ เขาเริ่มรู้สึกสงสัยเล็กน้อยว่าคนนี้ใช่คนที่เขากำลังล่าตัวและส่งข้อความให้เขาจริงๆรึเปล่า ซูจิ้งได้เดินเข้าไปหาชายหนุ่มเคราดกคนนี้ที่กำลังตะคอกกลับมาที่เขาว่า “แกต้องการอะไร ทำไมแกถึงมาที่นี่ ฉันจะยอมปล่อยแกไป ถ้าแกยังกล้าเข้ามาอีกฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่นอน”

 

ซูจิ้งยังไม่ขยับไปไหน เขายังคงก้าวเข้าหาเด็กหนุ่มเคราดกทีละก้าว พร้อมทั้งได้ปลดปล่อยกระแสพลังจิตออกมาแบบเต็มพิกัด ในกรณีนี้เขาไม่อาจที่จะดูแคลนคนตรงหน้าเขาได้เลย โดยเฉพาะถ้าคนตรงหน้าเขาหากว่าเป็นคนที่ก่อเรื่องใส่ร้ายจริงๆล่ะก็ยิ่งไม่สามารถประมาทได้เลย

 

ใบหน้าของหนุ่มเคราดกใจตอนนี้เต็มไปด้วยอาการร้อนลน

 

ทันใดนั้นตาของชายหนุ่มเคราดกได้เหลือกจนขาวโพลน และนอกจากสิ่งนี้จะทำให้ซูจิ้งรู้สึกประหลาดใจแล้ว เขายังรู้สึกได้ว่ามีเงาบางอย่างคลื่นไหวอยู่ข้างหลังของหนุ่มเคราดก อันที่จริงซูจิ้งไม่ได้เห็นหรอกแต่เขารู้สึกได้จากสัมผัสของกระแสจิตที่เขาส่งออกมาคลุมไว้เมื่อครู่นี้ หากเป็นคนธรรมดาล่ะก็จะไม่มีทางเห็นเงาดำนี้ได้เลย

 

ซูจิ้งรู้สึกตกใจจนแทบไม่เชื่อเหมือนกัน ตอนแรกเขาก็นึกว่าเป็นภูตผี เขาเกือบจะตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเลย

แต่เมื่อเขาลองตรวจสอบด้วยกระแสจิตดีๆก็พบว่ามันเหมือนจะเป็นร่างวิญญาณมากกว่า เป็นร่างที่เกิดจากการก่อรูปของพลังจิต

รูปร่างของมันดูเหมือนคน เอาจริงๆมันก็ดูผอมๆกร่องๆเหมือนกับชายหนุ่มเคราดกติดเน็ตคนนี้เหมือนกัน

เมื่อร่างนี้ปรากฎออกมาทำให้อุณหภูมิห้องลดลงในทันที

 

ทันทีที่ร่างวิญญ่าณของหนุ่มเคราดกก่อตัวเสร็จ ร่างวิญญาณนั้นได้ส่งระลอกคลื่นบางอย่างออกมาก

ในเวลาเดียวกันนั้นหนุ่มเคราดกได้ตะโกนมายังซูจิ้งว่า “ซูจิ้ง แกหยิ่งผยองคนทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองทั้งที่ตัวเองไม่ใช่ดารา แต่ก็ยังทำตัวเหมือนดารา

ทำให้เหล่าหญิงสาวที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มากมายถึงกับยอมฆ่าตัวตายเพื่อเพราะแกเลิกเรียนไปกลางคันตั้งหลายคน เป็นเพราะแกเลยทำให้…”

 

ร่างวิญญาณของหนุ่มเคราดกได้พูดกร่นด่าออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังช้ากว่าวิถีแห่งใต้หล้าของซูจิ้ง

เอาจริงเขาสามารถฆ่าหนุ่มเคราดกคนนี้ได้โดยไม่ต้องขยับตัวซะด้วยซ้ำ

แต่เขาก็ยังจ้องมองไปยังหนุ่มเคราดกอย่างสงบนิ่งไม่ไหวติงอย่างเงียบๆ

ทันใดนั้นเองเขาก็ได้เข้าใจความสามารถทั้งหมดของชายผู้นี้

ซูจิ้งตอนนี้หันไปมองยังร่างวิญญาณที่อยู่ข้างหลังหนุ่มเคราดกแล้วพูดออกมาเบาๆว่า “นี่คือความสามารถของแกซินะ หาข้อมูลมาแล้วทำการใส่ความ

ในขณะเดียวกันก็ปล่อยพลังเข้าปรับเปลี่ยนอารมณ์ความรู้สึกให้คนทั่วไปเชื่อข่าวฉาวอย่างจริงจัง”

 

“ทำไม ทำไมแกไม่เป็นอะไรเลยล่ะ ทักษะของฉันยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไหร่ยิ่งมีผลมากเท่านั้น แล้วทำไมแกที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันถึงไม่เป็นห่าอะไรเลย”

 

“เพราะว่าแกอ่อนแอเกินไปยังไงล่ะ” ซูจิ้งพูดออกมาเล็กน้อย

ตอนนี้เขาอย่างห่างจากหนุ่มเคราดกเพียงแค่เอื้อมมือเท่านั้น

ความจริงพลังที่หนุ่มเคราดกออกมานั้นรุนแรงมาก มากกว่าตอนที่ส่งออกมาผ่านคอมพิวเตอร์และมือถือนับสิบเท่า

แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นสำหรับซูจิ้งแล้วก็ยังอ่อนแอเกินไปอยู่ดี

ต่อให้เขาไม่ได้ปลดปล่อยกระแสจิตออกมาป้องกันก็ยังทำอะไรกำแพงทางจิตใจของซูจิ้งไม่ได้เลยแม้แต่ลอยขีดข่วน

ยิ่งกว่านั้นตั้งแต่ต้นซูจิ้งได้ปลดปล่อยพลังออกมาสิบสองส่วนเพื่อเตรียมพร้อมต่อสู้ตลอดเวลา

ซูจิ้งได้ก้าวเท้าด้วยความเร็วในระดับเสือชีต้า ตอนนี้เขาเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าหนุ่มเคราดกในระยะประชิด

นั่นทำให้หนุ่มเคราดกหน้าเปลี่ยนสีในทันที ร่างวิญญาณของเขาได้คว้าคีย์บอร์ดที่อยู่ข้างๆมาฟาดใส่ซูจิ้ง

ถ้าเป็นสายตาของคนภายนอกในตอนนี้จะเหมือนกับอยู่ๆคีย์บอร์ดก็ลอยมาใส่ซูจิ้งอย่างแรง

 

ซูจิ้งยังคงจ้องด้วยสายตาที่ไม่กระพริบเลยแม้แต่น้อย กระแสจิตของเขาได้ชนเข้ากับคียบอร์ดจนเกิดเสียงดังสนั่นกลางอากาศจนดูเหมือนกับว่ามันได้ชนเข้ากับอะไรบางอย่างที่แข็งมากๆ

เมื่อคีย์บอร์ดระเบิดออกนั่นทำให้มือขวาของร่างวิญญาณของหนุ่มเคราดกได้กระเด็นออกมา

ในขณะเดียวกันทั้งร่างวิญญาณ และร่างจริงของหนุ่มเคราดกดูเหมือนถูกกระหน่ำโดยอะไรบางอย่าง

เหมือนกับว่าร่างวิญญาณของหนุ่มเคราดกจะไม่เหมาะกับการสู้ในระยะประชิด ด้วยความแข็งแกร่งอันแสนอ่อนด้อยแบบนี้ทำให้ถูกโจมตีได้อย่างง่ายดาย

 

“เอื้ออออ” ชายหนุ่มเคราดกกระอักเลือดออกมา เขามองซูจิ้งที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างโกรธเกรี้ยว

เขาได้เงื้อหมัดต่อยไปยังซูจิ้ง

ซูจิ้งได้ใช้มือของเขาคว้าหมัดของหนุ่มเคราดกและได้ใช้อีกมือคว้าเข้าไปที่คอของหนุ่มเคราดกแล้วยกเขาขึ้นโดยใช้มือข้างเดียว

 

ซูจิ้งนั้นประหลาดใจยิ่งขึ้นเมื่อพบว่าทั้งความแข็งแกร่งทางร่างกายและพลังจิตแปลกๆนั้น

มันเหมือนกับหนุ่มเคราดกเป็นพวกบ้านั่งเล่นเน็ตไปวันๆ

ไม่ยอมทำอะไรเอาแต่นั่งกินข้าวอยู่หน้าคอมฯ

เพราะความสามารถทั้งสองช่องอ่อนด้อยซะจนบอกได้ว่าแค่เอานิ้วจิ้มทีเดียวก็ตายแล้ว

 

“ทำไมแกถึงโจมตีร่างวิญญาณของฉันกัน แกไม่สมควรจะทำได้สิ หรือว่าแกเป็นผู้ที่ถูกเลือกเหมือนกับฉัน”

 

ชายเคราดกได้มองไปยังซูจิ้งด้วยท่าทีหวาดกลัวและมองด้วยสายตาวิงวอนว่า “ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ

ฉันเพิ่งจะเริ่มทำเรื่องพวกนี้เท่านั้นเอง ถึงแม้มันจะดูรุนแรงไปหน่อยที่เป็นการเล่นกับจิตใจคน

แต่ฉันก็ยังไม่เคยก่อเรื่องร้ายแรงเลยนะ”

 

ซูจิ้งไม่อยากเปลืองน้ำลายอีกต่อไป เขาปลดปล่อยกระแสจิตออกมาแล้วกระแทกเข้าไปยังสมองโดยตรงเพื่อสะกดจิตเขา

กำแพงทางจิตใจของหนุ่มเคราดกสมควรจะแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปแต่ก็เท่านั้น

เพราะพลังซูจิ้งเหนือกว่าคนทั่วไปอยู่หลายขุมมากๆจึงไม่มีทางที่เขาจะทนกระแสจิตของซูจิ้งได้เลย

ทันที่ซูจิ้งสะกดจิตได้ ซูจิ้งได้ถามออกมาว่า “บอกฉันมาหน่อยสิว่าแกเป็นใครและแกได้พลังแบบนี้มาจากไหนกัน

ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแกจะมีพลังนี้อยู่กับตัวแต่ต้นเป็นอันขาด”

 

มันเป็นเรื่องยากสำหรับซูจิ้งที่จะเชื่อได้ว่าคนแบบนี้จะมีพลังจิตอันแสนประหลาดแบบนี้ เขาคิดออกได้อย่างเดียวว่าจะต้องมีอะไรอยู่เบื้องหลังแน่นอน