ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล
ในเช้าวันถัดมา ตั้งแต่ก่อนช่วงรุ่งสาง เสียงแตรของกองทัพก็ดังขึ้นทั่วค่าย โถวปาหงยืนนิ่งอยู่บนกำแพงเมือง สายตากวาดมองผู้คนที่มาชุมนุมอยู่ข้างล่าง เมื่อเห็นไพร่พลบางคนมีท่าทางซึมกระทือ เขาก็ตะโกนขึ้นว่า “นักรบแห่งจักรวรรดิเมฆาทุกคน ข้ามีความสุขมากที่ได้ร่วมสู้ไปกับพวกเจ้า เพราะการต่อสู้ของเราคือการปกป้องประชาชนและแผ่นดินของเราจากผู้รุกราน เมื่อวานพวกเราทำได้ดีมาก ชัยชนะเป็นของเรา นี่เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่ากระทั่งแมลงพวกนั้นก็ต้องสยบต่อนักรบกล้าของพวกเรา พวกเราโชคดีที่มีทัพม้าที่เข้มแข็งที่สุดในทวีป ทัพพยัคฆ์คือยอดทัพ พวกเราไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวต่อศัตรู พวกเราจะมุ่งไปข้างหน้าเพื่อคว้าชัยชนะ และวันนี้ พวกเราจะโจมตีอีกครั้ง! ทัพพยัคฆ์จะรับหน้าที่บุกทะลวงให้พวกเราเช่นเดิม จงกำอาวุธในมือไว้ให้มั่น พวกเราจะกวาดล้างแมลงที่เข่นฆ่าผู้คนของเราให้หมดสิ้นไป!” โอ้ววววว! ไพร่พลที่อยู่ด้านล่างต่างโห่ร้องอย่างฮึกเหิม ความง่วงเหงาหาวนอนได้หายไปเป็นปลิดทิ้ง จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ได้เข้าแทนที่ หลังจากสงครามเมื่อวาน ทุกคนก็มีความมั่นใจมากขึ้น ตราบที่ทัพพยัคฆ์ยังคงอยู่ พวกเขาจะไม่พ่าย ในช่วงสำคัญของสงคราม ทุกกองทัพต่างต้องการแหล่งยึดเหนี่ยวจิตใจเช่นนี้ ดังเช่นสมรภูมิในอเมริกาเหนือช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ทหารเยอรมันต่างก็เชื่อว่าเยอรมันจะไม่พ่ายแพ้ แม้ว่าพวกเขาจะถูกบีบเข้าสู่ทางตัน พวกเขาก็ยังคงเชื่อว่าผู้บัญชาการของพวกเขานั้นไร้พ่าย ตราบใดที่ผู้บัญชาการของพวกเขายังอยู่ ชัยชนะก็อยู่เพียงแค่เอื้อม พวกเขาไม่มีวันพ่ายแพ้ เวลานี้ โถวปาหงได้หยิบยกทัพพยัคฆ์ขึ้นมาเป็นแรงบันดาลใจ ในใจของทุกคนต่างเต็มไปด้วยความหวัง วิธีนี้จะสามารถเสริมสร้างสภาวะและขวัญกำลังใจของไพร่พล สิ่งนี้ยังเหนือยิ่งกว่าอาวุธทรงอานุภาพใดๆ จิตวิญญาณของคนทั้งหมดต่างลุกโชน โถวปาหงจึงใช้โอกาสนี้ตะโกนขึ้นอีกครั้ง “ศึกในวันนี้เกี่ยวพันกับศักดิ์ศรีของนักรบแห่งเมฆา! ดังนั้น ข้าเองก็จะเข้าร่วมการรบในวันนี้ด้วย! ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะติดตามข้าด้วยความกล้าหาญและแสดงให้ทุกคนได้เห็นถึงความสามารถของนักรบแห่งจักรวรรดิเมฆา!” ได้ยินประโยคนี้ ทุกคนก็โห่ร้องอย่างกึกก้อง โถวปาหงซึ่งเป็นจักรพรรดิจะนำเหล่านักรบเข้าสู่สนามด้วยพระองค์เอง ยังจะมีสิ่งใดปลุกขวัญกำลังใจผู้คนไปกว่านี้ได้อีก? แม้อาจกล่าวได้ว่าโถวปาหงเคยต่อสู้อยู่บนกำแพงเมืองมาก่อน แต่อย่างไรเสีย เขาก็ไม่ได้พุ่งเข้าสู่สนามรบในแนวหน้า ดังนั้นเมื่อโถวปาหงกล่าวว่าเขาจะนำไพร่พลเข้าสู่สนามรบ ความหมายของเขาก็คือ เขาจะร่วมบุกเข้าไปในกองทัพของพวกเซิกด้วยกันกับทุกคน ในเวลานี้ พวกเขามีคุณสมบัติถึงขั้นต้องให้องค์จักรพรรดิต้องออกรบที่แนวหน้าด้วยพระองค์เองเลยหรือ? ไม่ใช่แน่นอน หากว่าจักรพรรดิเกิดมีอันตรายขึ้นมา มันคงเป็นความอัปยศของพวกเขาแล้ว ทหารทุกคนต่างให้สัตย์สาบานกับตัวเองว่าพวกเขาจะต้องรีบพุ่งไปข้างหน้าให้เร็วที่สุดเพื่อที่องค์จักรพรรดิจะได้ไม่ต้องเสี่ยงอันตราย ได้ยินวาจาของโถวปาหง โถวปาหู่ก็ตกตะลึง เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนแล้วว่าโถวปาหงจะมีความกล้าหาญกล่าวถ้อยคำเช่นนี้ออกมาได้ นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย เวลานี้โถวปาหงเป็นจักรพรรดิแห่งเมฆา เป็นอนาคตของจักรวรรดิ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับเขา หากเขาเกิดเป็นอะไรขึ้นมา เรื่องราวจะลุกลามบานปลายใหญ่โต เรื่องนี้แตกต่างจากศึกป้องกันเมืองอย่างสิ้นเชิง เพราะศึกนี้เป็นการบุกเข้าไปในแดนข้าศึก เป็นศึกที่การบาดเจ้บ้ลมตายเกิดขึ้นได้ง่าย แม้ว่าจะเคยจักรพรรดิที่บัญชาการกองทัพด้วยพระองค์เองอยู่ ทว่านั่นก็เป็นการออกคำสั่งจากที่ปลอดภัย ไม่มีจักรพรรดิพระองค์ใดจะยินดีเสี่ยงชีวิตตนเองที่แนวหน้าอย่างแน่นอน โถวปาหู่รีบก้าวออกมาคัดค้าน “ฝ่าบาท…” อย่างไรก็ตาม เขาเพิ่งกล่าวได้เพียงสองคำก็ต้องกลืนคำพูดลงไปเพราะโถวปาหงกล่าวขัดขึ้นก่อน “ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าเองก็เป็นนักรบแห่งเมฆา และครั้งนี้ข้าจะไม่อยู่รั้งอยู่ข้างหลังกำแพงอีก” หล่าวจบ โถวปาหงก็หันกายเดินจากไป โถวปาหู่ยืนนิ่งงันอยู่เช่นนั้นพักหนึ่ง จากนั้นเขาจึงวิ่งไปหาอ้าวปาและรีบกล่าวว่า “หน้าที่ดูแลความปลอดภัยของฝ่าบาทเป็นของเจ้า หากว่าฝ่าบาทเป็นอะไรขึ้นมา ข้าจะมาคิดบัญชีกับเจ้า!” อ้าวปาแค่นเสียง “ไม่ต้องให้เจ้าบอกหรอก” แผนการถูกจัดเตรียมเสร็จสิ้นแล้ว ที่เหลือก็เพียงแต่บุกทะลวงเข้าไป ครั้งนี้พวกเขาจะต้องบีบพวกเซิกมห้ถอยกลับไปยังอัลคีราฟ เมื่อนั้นภัยที่คุกคามจักรวรรดิอยู่จึงจะเบาบางลง ครืนนนนนน ยามเมื่อแสงแรกของวันสาดส่องจากขอบฟ้า ทัพพยัคฆ์ก็เคลื่อนพลออกจากกำแพงเมือง ที่เบื้องหลังตามติดด้วยกองกำลังต่างๆ ธงประจำพระองค์ของโถวปาหงชูหราอยู่ที่ด้านหน้าสุด มองดูธงประจำพระองค์ของจักพรรดิแห่งจักรวรรดิที่ปลิวไสว ชาวเมฆาทั้งหมดก็ฮึกเหิมขึ้นมา เซียวอวี๋ยังคงขี่มังกรน้อยประจำอยู่บนท้องฟ้า นำกองทัพอากาศคอยสนับสนุนกองทัพที่ด้านล่าง เขากระจ่างดีว่าชัยชนะเมื่อวานมาจากทัพอากาศ ดังนั้นวันนี้เขาก็จะใช้ความได้เปรียบนี้ไล่ต้อนพวกเซิกกลับไปที่อัลคีราฟในคราเดียว “ที่ทิศสิบนาฬิกามีกองทัพเซิกขนาดใหญ่ ให้ทัพพยัคฆ์จู่โจมทางนั้นเป็นที่แรก” เซียวอวี๋บังคับมังกรน้อยลดระดับลงกล่าวกับโถวปาหู่ด้วยเสียงอันดัง เวลานี้พวกเขาต่างคุ้นเคยกันแล้ว การร่วมมือระหว่างทั้งสองจึงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ “เหล่าทหารแห่งทัพพยัคฆ์ ได้เวลาที่พวกเจ้าจะแสดงฝีมือแล้ว ติดตามข้าบุกเข้าไป เพื่อแผ่นดินเมฆา เพื่อเกียรยศแห่งทัพพยัคฆ์!” โถวปาหู่ตะโกนสั่งการ จากนั้นจึงนำทัพมุ่งหน้าไปยังทิศสิบนาฬิกา โถวปาหู่และโถวปาเฟิงต่างควบขี่ม้าเปกาซัสที่มีปีก เซียวอวี๋เลียบเคียงถามอยู่หลายครั้งว่าไปหามาจากไหน หากแต่โถวปาหู่ก็ปฏิเสธไม่ตอบคำ นี่เป็นความลับอันมีค่าของพวกเขา จำนวนของม้าเปกาซัสมีไม่มาก ทั้งทัพพยัคฆ์ก็มีอยู่เพียงสิบกว่าตัว ล้วนแต่อยู่กับบุคคลสำคัญ ด้วยม้าเปกาซัสนี้ พวกเขาจะสามารถตรวจสอบสถานการณ์และบัญชาการกองทัพได้อย่างมีประสิทธิภาพ ม้าเปกาซัสเพดานบินไม่สูงนัก เทียบไม่ได้กับพวกกริฟฟ่อน อีกทั้งพวมันยังอยู่บนอากาศได้ไม่นาน กระนั้นก็ยังมีประโยชน์ใช้สอยมาก เวลาส่วนใหญ่พวกมันจะวิ่งอยู่บนพื้นดิน แต่ด้วยเพราะมีปีกคอยพยุงหนุนเสริม พวกมันจึงรวดเร็วกว่าม้าทั่วไป “ฆ่า!” นักรบแห่งทัพพยัคฆ์กู่ร้องอย่างห้าวหาญไปพร้อมกับเสียงร้องของม้าพาหนะ พวกเขาโถมเข้าหาพวกเซิกอย่างดุดัน เซียวอวี๋ขี่มังกรน้อยนำกองทัพอากาศบุกโจมตีเช่นกัน กลุ่มก้อนเปลวเพลิงจำนวนมากพุ่งลงมาจากฟ้าและสังหารพวกเซิกราวกับการยิงถล่มมิสไซน์จากเครื่องบินเจ็ท ทางด้านสามจ้าวมนตรา หลินมู่เสวี่ยและคาเอลธาสเองก็เลือกปล่อยเวทโจมตีบริเวณที่พวกเซิกอยู่กันแน่นหนา ฝูงบินแบทไรเดอร์เองก็บินทิ้งระเบิดแบบปูพรม เวลานี้ดินแดนไลอ้อนครอบครองลูกระเบิดไว้จำนวนมาก พวกก๊อบต่างมีพัฒนาฝีมือขึ้นภายใต้การสั่งสอนจากฮิกกิ้น ระเบิดทั่วไป แม้ว่าจะมีอานุภาพทำลายไม่มาก แต่เมื่อถูกใช้ออกโดยกองทัพแบทไรเดอร์ก็สามารถสร้างความปั่นป่วนไปทั่วสนามรบ โดยเฉพาะกับพวกเซิก เปลวเพลิงจากระเบิดสามารถสร้างความเสียหายต่อพวกมันอย่างร้ายแรง เมื่อขวดระเบิดแตกออก ประกายไฟก็กลืนกินร่างของพวกมันไปทันที เมื่อเกิดระเบิดขึ้นในที่ที่พวกเซิกรวมตัวกัน ทัพพยัคฆ์ก็จะสามารถบุกทะลวงตามไปโดยไร้ซึ่งอุปสรรค ทั้งทัพสามารถพุ่งทะลวงได้โดยที่ความเร็วไม่ตกลง พวกเขาบุกทะลวงดังเช่นเมื่อวาน หากแต่วันนี้กลับกล้าหาญกว่าเก่า พร้อมกับเสียงโลหะฟาดฟัน พวกเซิกก็ถูกฉีกร่างก่อนจะโดนม้าเหยียบจนบี้แบน พวกเซิกคิดไม่ถึงว่ามนุษย์จะบุกโจมตีอีกครั้งในวันถัดมา แม้ว่าพวกมันกำลังเรียนรู้หาทางป้องกันการโจมตีผสานจากพื้นดินและอากาศ แต่พวกมันก็ยังไม่มีผลลัพธ์อันใด ดังนั้นวันนี้พวกเซิกจึงยังคงถูกเข่นฆ่าอย่างหนัก เซียวอวี๋เข่นฆ่าจากบนฟ้าพลางบอกทิศทางแก่ทัพพยัคฆ์ หลังจากฆ่าพวกเซิกทางนี้จนเบาบาง เซียวอวี๋ก็นำทั้งหมดบุกทำลายรังต่อไปของพวกเซิก ถูกระเบิดและทัพพยัคฆ์บุกทะลวงระลอกแรก พวกเซิกก็กระจัดกระจายไม่อาจต่อต้านได้ หลังถูกบุกโจมตีสองระลอก เซียวอวี๋ก็มองเห็นจุดดำปรากฏขึ้นที่ไกลๆ พวกเซิกคงเคลื่อนไหวครั้งใหญ่แล้ว เป็นดั่งคาด พวกเซิกเองก็มีกองทัพทางอากาศอยู่เช่นกัน เพียงแต่เมื่อวานพวกมันรับมืออย่างฉุกละหุกไม่ทันรับมือ ดังนั้นจึงมีเพียงกองทัพอากาศขนาดเล็กซึ่งไม่เป็นภัยคุกคามต่อพวกเซียวอวี๋ จ้าวมนตราทั้งสามเพียงปล่อยเวทออกไปไม่กี่บทก็สามารถทำลายฝูงอากาศของมันได้แล้ว เห็นได้ชัดว่าวันนี้พวกมันตระหนักถึงอานุภาพแห่งทัพอากาศของเซียวอวี๋แล้ว หากว่าพวกมันต้องการหยุดกองทัพที่ภาคพื้น พวกมันต้องหยุดยั้งกองทัพอากาศของเซียวอวี๋ให้ได้เสียก่อน แต่พวกมันจะสามารถทำได้หรือ?