ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล


งานฉลอง เป็นงานฉลองครั้งใหญ่ นานแล้วที่จักรวรรดิเมฆาไม่มีงานรื่นเริงครั้งใหญ่เช่นนี้ ข่าวชัยชนะเหนือพวกเซิกได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว แม้จะต้องห้อตะบึงม้าจนหมดแรง เหล่าผู้ที่จับตาดูอยู่ก็เร่งกระจายข่าวนี้ไปทั่วจักรวรรดิ ชื่อเสียงของทัพพยัคฆ์พุ่งทะยานสูงถึงสวรรค์ ความแข็งแกร่งของทัพพยัคฆ์ได้ประทับอยู่ในจิตใจของผู้ที่ได้เห็นอย่างลึกล้ำ พวกเขาคือความภาคภูมิใจของชาวเมฆา เป็นความรุ่งโรจน์ของจักรวรรดิ เป็นต้นแบบให้ชายหนุ่มทั่วแผ่นดิน การรบครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของทัพพยัคฆ์และชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ของโถวปาหู่ สงครามที่ยอดเยี่ยม กองทัพที่ยอดเยี่ยม เหล่าทหารจากทัพพยัคฆ์สามารถลืมตาอ้าปากอย่างภาคภูมิ พวกเขาสามารถยืดอกเดินเข้ากำแพงเมืองได้อย่างภูมิใจ หลังจากตกอยู่ในความหดหู่กว่าครึ่งเดือน สายตาที่คลางแคลงสงสัย สายตาที่เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามไม่มีอีกต่อไป ในที่สุดพวกเขาก้สามารถพิสูจน์ตัวเองได้ด้วยความกล้าหาญ พวกเขาได้พิสูจน์แล้วว่าทัพพยัคฆ์คือยอดทัพและเป็นผู้พิทักษ์แห่งจักรวรรดิ ตราบใดที่ทัพพยัคฆ์ยังคงอยู่ จักรวรรดิเมฆาก็จะอยู่ยั่งยืนยงสืบไป เมื่อทัพพยัคฆ์กลับมา ผู้คนที่รออยู่ก็ปรบมือโห่ร้องด้วยความยินดี ในใจมีความเคารพบูชา นี่ก็คือสิ่งที่พวกเขาคาดหวังจากกองทัพผู้พิทักษ์ โถวปาหู่รู้สึกภูมิใจมาก รอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าไม่เสื่อมคลาย กับผลการรบเช่นนี้ ในจักรวรรดิยังจะมีผู้ใดเหนือล้ำกว่าอีก? แม้ว่าชัยชนะครั้งนี้จะมีหลายปัจจัยมาเกี่ยวข้อง ผลงานอย่างน้อยครึ่งหนึ่งเป็นของเซียวอวี๋และสามจ้าวมนตราอย่างไม่ต้องสงสัย อย่างไรก็ตาม กองกำลังที่เป็นแกนหลักสำคัญก็คือทัพพยัคฆ์ พวกเขาก็คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้กลยุทธ์ในครั้งนี้ประสบความสำเร็จ เป็นเพราะทัพพยัคฆ์ ผลการรบจึงออกมายิ่งใหญ่ แม้ที่แนวหน้าจะขาดเสบียงหลายอย่าง โถวปาหงก็ยังสั่งให้จัดงานเลี้ยงฉลองขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ จากการรบในวันนี้ พวกเขาจะเปลี่ยนจากฝ่ายรับเป็นฝ่ายรุก พวกเซิกที่บีบคั้นพวกเขาเข้าตาจนก็ไม่ใช่กองทัพที่ไร้เทียมทานอีกต่อไป เมื่อเผชิญกับการโต้กลับ พวกเซิกก็มีโอกาสถูกกวาดล้างได้เหมือนกัน ในเวลานี้ ในใจของคนทั้งหมดต่างเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น พวกเขาเชื่อว่าสักวันพวกเซิกจะถูกกลบฝังจนหมด ไพร่พลมีความยินดีอย่างไพร่พล ประชาชนมีความยินดีอย่างประชาชน บุคคลระดับสุงเองก้มีความยินดีในแบบพวกเขา ในกระโจมใหญ่ของโถวปาหู่ เหล่าบุคคลสำคัญต่างรวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลอง สำหรับเรื่องนี้ โถวปาหงไปหาเซียวอวี๋อีกครั้งเพื่อร้องขอเหล้าและไวน์จำนวนมาก นั่นทำให้เซียวอวี๋ต้องจดดอกเบี้ยที่ต้องชำระเพิ่มลงในบัญชีอีกครั้ง สามจ้าวมนตราที่มีท่าทีเคร่งขรึมมาตลอด มาตอนนี้บนใบหน้าของพวกเขาก็มีร่องรอยของความใจดีปรากฏขึ้นแล้ว อันที่จริง ศึกในวันนี้พวกเขาไม่ได้ใช้พลังมานาไปมากนัก พวกเขาใช้แต่เพียงเวทมนตร์บททั่วไป แต่หากเป็นการป้องกันเมืองที่พวกเซิกบุกมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน พวกเขาก็จำต้องปลดปล่อยเวทบทใหญ่ อย่างไรก็ตาม ด้วยความแข็งแกร่งของทัพพยัคฆ์ผ่านการใช้รูปขบวนบุกทะลวง ที่พวกเขาทั้งสามต้องทำก็แค่เพียงกำจัดอุปสรรคและปกป้องเป็นบางครั้งเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ปริมาณมานาที่พวกเขาใช้จึงน้อยมาก อีกทั้งเวทมนตร์ที่ใช้ยังเป็นเวทมนตร์เป้าหมายเดี่ยว แต่ด้วยความแข็งแกร่งของทั้งสามแล้วมันก็กลายเป็นการโจมตีหมู่ไป ดังนั้นน้ำยาฟื้นฟูมานาที่เซียวอวี๋มอบให้ทั้งสามไปจึงถูกใช้ไปเพียงคนละขวด หากเวทมนตร์ถูกใช้ไปมาก ต่อให้พวกเขามีน้ำยาฟื้นฟูมานาอยู่ ร่างกายของพวกเขาก็ยังต้องรับผลสะท้อน ผู้ใช้มนตราไม่ได้ไร้เทียมทานดังที่ใครๆคิด เวทมนตร์นั้นขึ้นอยู่กับองค์ประกอบเวท หากว่าองค์ประกอบเวทถูกใช้มากเกินไป ร่างกายของผู้ใช้ก็จะอ่อนแอลง นี่จึงเป็นเหตุผลที่ผู้ใช้มนตราจำต้องมีผู้คุ้มกันคอยอารักขาอยู่ข้างๆ กล่าวตามตรง ด้วยกลยุทธ์ที่ใช้ในวันนี้จึงทำให้พวกเขาสูญเสียไปไม่มาก แต่กลับได้รับผลลัพธ์อย่างยิ่งใหญ่ พวกเซิกต้องตายไปหลายล้านชีวิต โถวปาเฟิงมีความสุขมาก เขาเดินชนถ้วยสุรากับคนงานด้วยความยินดี แต่บางคราสายตาของเขายังเหลือบมองหลินมู่เสวี่ยอยู่หลายครา ทุกครั้งที่สายตาของเขาตกกระทบบนร่างแบบบาง ใบหน้าของเขาก็จะแดงเห่อขึ้นมา แน่นอนว่าท่าทีเช่นนี้ย่อมไม่อาจหลุดพ้นสายตาของเซียวอวี๋ เขากลอกตาก่อนจะเดินตรงดิ่งไปโอบกอดหลินมู่เสวี่ยอย่างไม่สนใจสายตาของผู้ใด การกระทำอันอุกอาจนี้ทำให้โถวปาเฟิงที่เห็นถึงกับสำลักสุรา “นะ…นั่นเจ้าทำอะไร?” โถวปาเฟิงรีบวิ่งเข้ามาด้วยความโกรธ เซียวอวี๋ฉีกยิ้มก่อนจะกล่าวว่า “ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเจ้า สามีภรรยากอดกันก็เป็นเรื่องปกติ” “อะไรนะ! ภะ…ภรรยาของเจ้า?” มองดูหลินเสวี่ยที่ขวยเขินอยู่ในอ้อมกอดของเซียวอวี๋ ฉับพลันเขาก็เข้าใจเรื่องราว อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเรื่องที่ยากจะยอมรับ เทพธิดาในจิตใจของเขา โฉมงามไร้ที่ติ และกระทั่งจอมมนตราขั้นที่หกจะกลับกลายเป็นภรรยาของเจ้าลอร์ดนิสัยโจรผู้นี้ไปได้ ในตอนแรก เขาเห็นหลินมู่เสวี่ยอยู่กับสามจ้าวมนตราตลอดเวลา ดังนั้นทุกคนจึงคิดว่านางเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสท่านหนึ่งในสามท่านนี้ ความจริงการคาดเดานี้ก็นับว่าถูกครึ่งหนึ่งผิดครึ่งหนึ่ง สายตาของโถวปาเฟิงเปลี่ยนเป็นว่างเปล่าราวกับบางสิ่งในจิตใจถูกทำลาย ตัวเขาที่หยิ่งยโสมาตั้งแต่เด็ก นัยน์ตาของเขาย่อมต้องสูงเทียมฟ้า สตรีทั่วไปย่อมไม่อยู่ในสายตาของเขา ในที่สุดเขาก็พบคนที่ใช่ เมื่อได้พบหลินมู่เสวี่ย เขาก็ตกหลุมรักนางตั้งแต่แรกเห็น ทว่าความฝันของเขากลับพังครืน โถวปาหู่ย่อมมองทะลุจิตใจของบุตรชาย เขาดึงโถวปาเฟิงออกไปก่อนจะกล่าวกับเซียวอวี๋ “ท่านดยุคเซียว แก้วนี้ขอมอบแด่ท่าน ศึกในวันนี้ หากปราศจากท่านแล้ว ผลลัพธ์ย่อมไม่อาจออกมาสวยหรูเช่นนี้ ข้าหวังว่าพวกเราจะร่วมแรงร่วมใจอย่างจริงใจ กำจัดเภทภัยอย่างพวกเซิกและปกป้องทวีปของเรา” เซียวอวี๋ย่อมเข้าใจสถานการณ์ เขาปล่อยมู่เสวี่ยและยกแก้วไวน์ขึ้นชนกับโถวปาหู่ “เป็นเกียรติของข้าที่ได้เป็นประจักษ์พยานในความกล้าหาญของทัพพยัคฆ์ พวกเขายอดเยี่ยมสมชื่อจริงๆ ด้วยการร่วมมือของพวกเรา ข้าเชื่อว่าพวกเราต้องสร้างปาฏิหาริย์ได้อีกมาก” “กล่าวได้ดี ฮ่าๆ” โถวปาหู่กล่าวก่อนจะกระดกแก้วไวน์ในมือ โถวปาหู่กระจ่างดีว่าขุมกำลังของเซียวอวี๋นั้นยิ่งใหญ่เพียงใด มันกระทั่งยิ่งใหญ่กว่าเขา คิดว่าเขาไม่เห็นท่าทีของสามจ้าวมนตราที่มีต่อเซียวอวี๋หรือ? เขาจะเทียบอีกฝ่ายได้เช่นไร? ยิ่งกว่านั้น กองทัพใต้ร่มธงของเซียวอวี๋ยังแข็งแกร่งมาก ต่อให้เขาทุ่มสุดตัว มันก็ยังไม่เพียงพอจะเป็นคู่มือของอีกฝ่าย เขาไม่เคยเกรงกลัวกองทัพใดๆ เขามั่นใจมากว่ามีกองกำลังไม่มากที่สามารถต่อกรกับทัพพยัคฆ์ของเขาบนแผ่นดินนี้ได้ อย่างไรก็ตาม กองทัพอากาศของเซียวอวี๋สร้างความพรั่นพรึงให้กับเขา คิเมร่าสองหัวเหล่านั้น เพียงแค่พ่นไฟออกมาตัวละที ทั่วทั้งสนามรบก็ตกอยู่ในความปั่นป่วน นั่นสร้างความตกตะลึงให้กับเขาเป็นอย่างมาก เมื่อรวมกับพวกแบทไรเดอร์ อัศวินกริฟฟ่อน ไวเวิร์น และอื่นๆแล้ว หากทัพพยัคฆ์ต้องลงสนาม พวกเขาแน่นอนว่าสู้อีกฝ่ายไม่ได้เลย ยังไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่นๆ เพียงการกำจัดพวกเซิกและปกป้องจักรวรรดิเมฆา ก็จำต้องพึ่งพาเซียวอวี๋แล้ว เขาทราบดีว่าผลงานในวันนี้ล้วนปรากฏได้เพราะเซียวอวี๋ หากขาดเซียวอวี๋ไป พวกเขาคงไม่ได้มาดื่มฉลองกันอย่างตอนนี้ ดังนั้นตอนนี้จึงเป็นดอกาสอันดีที่จะสานสัมพันธ์กับเซียวอวี๋ กล่าวตามตรง วันนี้เขาไม่อาจต่อต้านเซียวอวี๋ ในอนาคตเองก็ไม่ เขาไม่ทราบว่าเซียวอวี๋ยังมีไพ่ตายอีกมากเท่าใด ในระหว่างงานเลี้ยง รอยยิ้มล้วนประดับอยู่บนใบหน้าของทุกคน มีเพียงโถวปาเฟิงที่ให้ความรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง เขายังคงลอบมองหลินมู่เสวี่ยเป็นครั้งคราว ในแววตาเต็มไปด้วยความหลงใหลและเศร้าหมอง ตั้งแต่ที่ได้เห็นหลินมู่เสวี่ยเป็นครั้งแรก เขาก็วาดฝันไว้ในใจว่าหลังจากจบศึกนี้ เขาจะคอยประกบติดหลินมู่เสวี่ยดุจองค์รักษ์ไม่ห่างแม้เพียงก้าว ด้วยรากฐานตระกูลของเขาแล้ว เรื่องนี้ย่อมกระทำได้ไม่ยาก ทว่าช่างน่าเศร้า เขาหมดโอกาสตั้งแต่ยังไม่เริ่ม งานเลี้ยงดำเนินไปจนใกล้สิ้นสุด โถวปาหู่ เซียวอวี่และคนอื่นๆเริ่มหารือกันถึงศึกครั้งต่อไป โถวปาหงต้องการให้พักผ่อนก่อนจะดำเนินการโจมตี แต่เซียวอวี๋นั้นเข้าใจว่าตีเหล็กต้องตีตอนร้อน วันพรุ่งนี้พวกเขาสมควรโจมตีเพื่อบีบให้พวกเซิกถอยร่นกลับไปอัลคีราฟ ขวัญกำลังใจของกองทัพตอนนี้สูงเทียมฟ้า แต่ยิ่งพักนาน พวกเขาก็จะยิ่งเฉื่อยชา ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ความมั่นใจของพวกเขามีเต็มเปี่ยม พวกเขาจะไม่ลังเลที่จะเข่นฆ่าไปจนถึงรังของพวกเซิก นี่เป็นเวลาอันหาได้ยาก โถวปาหงและโถวปาหงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตกลงทำตามคำแนะนำของเซียวอวี๋ พวกเขาจะเปิดฉากโจมตีในวันพรุ่ง…….