ตอนที่ 758 รนหาที่ตายแท้ๆ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

แม้ว่ามู่เฉียนซีจะสัญญาว่าจะช่วยเฟิงอวิ๋นซิว แต่มู่เฉียนซีก็ยังคงต้องออกไปสอบถามข่าวคราวของผู้อื่น และต้องแจ้งให้อาจารย์ใหญ่เหลยทราบ

มู่เฉียนซีกำลังจะออกไปก็ถูกเจ้าซวนอีขวางเอาไว้ “ระหว่างที่ร่างกายของนายท่านยังไม่หายดี เจ้าไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้”

มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ถ้าไม่ออกไปจากที่นี่ แล้วข้าจะไปหาสมุนไพรให้เจ้านายของเจ้าได้อย่างไรเล่า? ไม่ใช่ว่าข้าจะไม่กลับมาสะหน่อย”

“มีคนมากมายที่อยากจะฆ่าเจ้า เจ้าเป็นเพียงจักรพรรดิแห่งภูตตัวเล็กๆ สามารถกลับมาได้ก็แปลกแล้ว?”

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “เช่นนั้นองครักษ์ซวนอี เจ้าไปกับข้าเอาไหม? เช่นนี้คงไม่มีผู้ใดแตะต้องข้าได้”

“เจ้าคิดง่ายเกินไปแล้ว! ข้าปกป้องก็แต่นายน้อยเท่านั้น!” พูดจบ เขาก็จากไป

เห็นได้ชัดว่านี้เป็นการส่งสัญญาณขอนายน้อยของพวกเขาแล้ว เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวว่า “ไปเถอะ!”

“แต่ข้าต้องปกป้องนายน้อย ให้ซวนซานไปดีหรือไม่?”

“ข้าไม่มีอะไรร้ายแรงแล้ว เจ้าก็จะได้ไปสืบหาที่อยู่ของสนามรบโบราณอื่นๆพอดีด้วย” เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว

“ขอรับ!”

มู่เฉียนซีพูดไปเรื่อยเช่นนี้ นางคาดไม่ถึงเลยว่าเฟิงอวิ๋นซิวจะให้ซวนอี ปกป้องนางและออกไปด้วยกันจริงๆ

ซวนอีไม่พอใจอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกว่าความแข็งแกร่งระดับเขาต้องมาปกป้องสาวน้อยผู้หนึ่ง ช่างไร้ประโยชน์นัก หลังจากออกไปมู่เฉียนซีก็ได้รู้ว่านี่เป็นเมืองโยวเฉิงซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่อันดับหนึ่งและอยู่ใกล้กับป่าเชียนโยว มู่เฉียนซีเข้าไปในหอหมอปีศาจเพื่อเลือกยาซวนอีเองก็หายไปอย่างลึกลับ

มู่เฉียนซีเดินตรงขึ้นไปข้างบนและผู้ดูแลก็รีบวิ่งเข้ามาหานางและกล่าวว่า “ท่านผู้นำตระกูลมู่ ท่านไม่เป็นอะไรก็ดีมากแล้ว ”

“เกิดอะไรขึ้น?” มู่เฉียนซีถาม

ผู้อาวุโสโม่และไป๋อวี้ฉิงตอนนี้พวกเขาสบายดี เมื่อพวกเขารู้ว่ามู่เฉียนซีหายตัวไปก็ได้ตามหาไปทั่วทุกหนแห่ง

ส่วนชิงอิ่ง น่าจะถูกคนของกองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรจับตัวไป

มู่เฉียนซีกล่าว “บอกอาจารย์ใหญ่เหลยว่าข้าไม่เป็นไร! ให้พวกเขาไม่ต้องกังวล”

ส่วนชิงอิ่ง นางจะหาและพาเขากลับมาด้วยตัวเอง

มู่เฉียนซีสั่งการเสร็จก็เดินลงบันไดมา และซวนอีก็กลับมาแล้วเช่นกันอีกทั้งสีหน้าก็ดูไม่ค่อยดีนัก

ซวนอีกล่าว “ซื้อยาเสร็จแล้ว ก็ไปกับข้า!”

ซวนอีดึงมู่เฉียนซีกลับไป ด้วยความแข็งแกร่งของระดับมหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หก ความรวดเร็วนั้นเร็วมาก แต่มู่เฉียนซีกลับรู้สึกไม่ดีนัก

“เจ้าจะรีบไปตายหรือไร!”

หลังจากมู่เฉียนซีบ่นเสร็จ ซวนอีก็ปล่อยนาง เรามาถึงแล้ว

ซวนอีใช้ความเร็วสูงสุดเพื่อกลับไปที่ห้องของเจ้านายของตน และกล่าวว่า “นายท่าน คนของตำหนักเป่ยหานได้เดินทางไปยังกองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรแล้ว และเตรียมพร้อมที่จะเปิดสนามรบโบราณที่หก เกรงว่าเราจะช้ากว่าพวกเขาไปหนึ่งก้าวแล้ว”

“เตรียมตัวให้พร้อม ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว

“นายน้อย ไม่ได้! อาการบาดเจ็บของท่านยังไม่หายดี” ซวนอีกล่าว

“นี่เป็นคำสั่ง!”

ซวนอีและคนอื่นๆเงียบและต้องยอมพยักหน้าไปในที่สุด

มู่เฉียนซีเห็นซวนอีที่กลับออกมา ดูเขาร้อนใจเป็นอย่างมาก

มุมปากของมู่เฉียนซีโค้งขึ้นเล็กน้อย “องครักษ์ซวนอี หรือว่าเจ้ามีเรื่องอะไรจะขอกับข้า?”

“คุณหนูมู่โปรดเกลี้ยกล่อมนายน้อยอย่าไปเสี่ยงต่อการบาดเจ็บสาหัสเพื่อปฏิบัติภารกิจเลย ท่านเป็นนักปรุงยาที่รักษาเขา เขาน่าจะฟังท่าน” ซวนอีกล่าวอย่างสุภาพ

มู่เฉียนซีกล่าว “อะไรนะ? เขาเพิ่งจะฟื้นตัวได้เล็กน้อย แล้วภารกิจที่เขาต้องไปทํานั้นอันตรายมากหรือ?”

“ขอรับ!”

“รนหาที่ตายแท้ๆเลย!” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างโกรธกริ้ว

ในฐานะหมอ มู่เฉียนซีจึงมีจิตสำนึกในอาชีพนี้ขึ้นมา

ถ้าผู้ป่วยที่นางดูแลอยู่กล้าที่จะไม่สนใจสุขภาพร่างกายของตนเอง เช่นนั้นนางก็จะกลายเป็นสิงโตที่เดือดดาลขึ้นมาทันที

ซวนอีเห็นมู่เฉียนซีพุ่งเข้าไปในห้องของนายน้อยของพวกเขาด้วยท่าทางที่ดุร้าย เมื่อรู้สึกถึงจิตสังหารอันเย็นยะเยือก ซวนเอ้อและซวนซานก็เตรียมป้องกันขึ้นมาอย่างรีบร้อน

“ถอยไป!” เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวอย่างเย็นชา

มู่เฉียนซีเดินมาถึงข้างเตียงของเขาอย่างราบรื่น และคว้าเสื้อของเขาไว้ ในมือมีเข็มพิษนับไม่ถ้วน

ดวงตาที่ดุร้ายคู่นั้นลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิง จ้องเขม็งไปยังดวงตาสีเหลืองอำพันที่งดงามคู่นั้นแล้วกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าอยากจะทำให้ตัวเองกลายเป็นคนพิการ ตอนนี้ข้าจะแทงเจ้าสักสองสามเข็มเพื่อให้เจ้าได้สมหวัง”

เมื่อเห็นสายตาที่โกรธเคืองนี้ เฟิงอวิ๋นซิวรู้สึกราวกับว่าตัวเองได้ก่ออาชญากรรมร้ายแรง

เขาตอบกลับไปว่า “ข้าไม่ได้ทำอะไร!”

“ไม่ได้ทำอะไรรึ? อาการบาดเจ็บของเจ้ายังไม่หายดีพอที่จะไปเสี่ยง แต่เจ้ากลับกล้าบอกกับข้าว่าไม่ได้ทำอะไร? เจ้าคิดว่าการที่ข้ารักษาเจ้านั้นเป็นเรื่องง่ายรึ? เจ้าคิดจะทำลายตามใจชอบเช่นนี้ข้าก็จะทำให้เจ้าได้กลับไปเป็นเหมือนเดิม”

เมื่อเห็นว่าเข็มยาหลายเข็มนั้นกำลังจะแทงไปที่คอนายน้อยของเขา ซวนอีก็กล่าวขึ้น “แม่นางมู่ หยุดนะ! เจ้าอย่าได้ทำอะไรบุ่มบ่าม!”

ในเวลานี้เขาตกใจมาก สาวน้อยผู้นี้ดึงแขนเสื้อนายน้อยมาสั่งสอนนายน้อย ทั้งยังกล้าลงมือกับนายน้อยอีก

“แม่นางมู่ เจ้าฟังข้าอธิบายก่อน” น้ำเสียงของเฟิงอวิ๋นซิวสงบนิ่งมาก

“ข้าจำเป็นต้องทำภารกิจให้สำเร็จ มันไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ใดๆ ข้าเพียงแค่ต้องการให้คนๆหนึ่งมีความสุขก็เท่านั้น เพื่อนาง ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟหรือตายข้าก็จะไม่มีทางยอมแพ้ หวังว่าเจ้าจะเข้าใจในความคิดของข้า”

บุรุษผู้สูงศักดิ์ผู้นี้สง่างามราวกับอยู่ในหมอกเมฆ แต่ในใจกลับมีความดื้อรั้นประดุจดั่งเหล็กกล้า

มู่เฉียนซีปล่อยมือและกล่าว “สามวัน อีกสามวันเจ้าถึงจะสามารถไปได้ ตอนนี้ไม่ต้องพูดแล้ว”

ซวนอีกล่าว “เวลาสามวันกำลังพอดี ถึงต่อให้พวกเขาได้มันมา พวกเราก็จะรอโจมตีอยู่ข้างนอก”

ซวนเอ้อกล่าว “แม้ว่ามันจะเลวทรามต่ำช้าไปบ้าง แต่นี่ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุด!”

“พวกเขากล้าทำร้ายนายน้อยของพวกเราจนบาดเจ็บสาหัส พวกเราจะได้แก้แค้นได้พอดี” ซวนซานกล่าวต่อ

แม้ลูกสมุนทั้งสามของเขาจะยืนยังอยู่ข้างๆมู่เฉียนซี เฟิงอวิ๋นซิวมองไปที่มู่เฉียนซีและกล่าวว่า “ได้ เชื่อฟังเจ้า”

“หึหึหึ! เวลาสามวัน ถ้าอยากฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่ล่ะก็ ข้าจะให้ยาแรงๆกับเจ้า แต่เจ้าเองต้องทนรับมันให้ดีดีล่ะ!” มู่เฉียนซียิ้มเยาะ

ต่อจากนี้ ยาที่มู่เฉียนซีใช้นั้นจะเป็นยาที่ขมที่สุด และยาที่ใช้ก็ล้วนเจ็บปวดที่สุดด้วย

เมื่อซวนอีเห็นเจ้านายของตนขมวดคิ้วตอนกำลังกินยาและฉีดยา เขาก็คิดกับตัวเองในใจว่า “ข้ายอมทำให้คนต่ำทรามขุ่นเคืองดีเสียกว่าทำให้สตรีขุ่นเคือง”

หลังจากสามวันแห่งความทุกข์ทรมานของเฟิงอวิ๋นซิวผ่านไป ในที่สุดร่างกายก็ฟื้นตัวเต็มที่แล้ว

มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าจะไปแล้ว ข้าก็จะไปช่วยเพื่อนของข้าเช่นกัน หากมีวาสนาต่อกันคงได้พบกันอีก!”

สุดท้าย มู่เฉียนซีไม่แม้แต่จะมองเฟิงอวิ๋นซิว นางก็จะไปแล้ว

เมื่อเห็นว่ามู่เฉียนซีกำลังจะจากไป เขาก็ไม่ได้รั้งไว้ เพราะต่อไปเขาก็จะต้องต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่ง

ถ้านางตามพวกเขาไปล่ะก็ นางจะต้องถูกลากเข้าไปพัวพันเป็นแน่

เขามองตามแผ่นหลังของนางไป และกล่าวว่า “ข้าชื่อเฟิงอวิ๋นซิว!”

มู่เฉียนซีหยุดเดินและกล่าวว่า “มู่เฉียนซี อย่าถูกฆ่าเอาง่ายๆล่ะ ไม่อย่างนั้นการรักษาของข้าคงสูญเปล่า”

มู่เฉียนซีทิ้งคำพูดนี้ไว้และจากไปทันที

หลังจากจากไป ปลายทางของมู่เฉียนซีก็คือกองกำลังผู้นำเจ็ดอสูร

มีความเป็นไปได้สูงที่ชิงอิ่งจะอยู่ที่นี่ แต่มู่เฉียนซีพบว่ากองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรในตอนนี้นั้นดูเหมือนจะวุ่นวายและทรุดโทรมมาก

นี่เป็นหนึ่งในสี่กลุ่มกองกำลังใหญ่ระดับสองของทวีปเหลยโจวจริงๆหรือ?

หรือว่ามีคนดีที่ไหนที่มาถึงกองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรก่อนนางไปหนึ่งก้าว และหาเรื่องกองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรเพื่อล้างแค้นให้นาง? เพราะพ่ายแพ้เลยไม่มีแม้แต่ผู้เฝ้าอารักขา มู่เฉียนซีจึงสบโอกาสนี้เข้าไปหาตัวชิงอิ่งพอดี