กองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรในตอนนี้สามารถบุกทะลวงเข้าไปอย่างง่ายดายจริงๆ แม้ว่ามู่เฉียนซีจะเป็นเพียงจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่สองก็ยังบุกเข้าไปได้อย่างสบายตัวเช่นกัน
ในที่สุดก็จับตัวลูกสมุนปลายแถวของกองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรได้แล้วหนึ่งคน เข็มยาเข็มหนึ่งได้จ่อไปที่คอของเขา
เขานั้นเป็นเพียงจักรพรรดิยอดยุทธขั้นต่ำผู้หนึ่งเท่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับการลอบโจมตีจากมู่เฉียนซี เขามิอาจที่จะตอบโต้ได้เลย
“อย่า… อย่าฆ่าข้า…”
มู่เฉียนซีถามขึ้น “มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับกองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรของพวกเจ้ากันแน่?”
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน มีผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งได้บุกเข้ามาในกองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรของพวกเราอย่างกะทันหัน หลังจากได้ยินหัวหน้าพูดคุยกันถึงว่าจะจัดการกับมู่เฉียนซีอย่างไร จากนั้นหมอนั่นที่เป็นหัวหน้าก็ได้ออกคำสั่งให้สังหารกองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรของเรา”
“พวกเขาแข็งแกร่งและไร้ความปรานีราวกับเทพสังหาร นอกจากผู้นำหลานและผู้นำจื่อแล้ว ผู้อื่นล้วนแต่ต่อสู้จนตายกันสิ้น จากนั้นพวกเขาก็ได้บีบบังคับให้ผู้นำจื่อและเหล่าผู้อาวุโสไปเปิดสนามรบโบราณแห่งที่หก ในตอนนี้พวกเขาได้เข้าไปในสนามรบโบราณแห่งที่หกแล้ว และพวกเรากองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรนั้นก็ได้สูญเสียกำลังไปอย่างหนัก”
กองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรสูญเสียอย่างหนักเช่นนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ตกไปอยู่ในระดับของกองกำลังสำนักนิกายระดับหนึ่ง แต่ก็คงจะเป็นได้แค่เพียงสำนักนิกายระดับสองที่ไร้ซึ่งความนิยมในทวีปเหลยโจวไปเสีย!
ผู้แข็งแกร่งมุ่งไปที่สนามรบโบราณ!
แต่ทว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการช่วยชิงอิ่งเอาไว้ มู่เฉียนซีจึงถามขึ้น “ผู้นำจื่อของพวกเจ้าพาตัวชายผู้หนึ่งติดตัวไปด้วยในกองกำลังผู้นำเจ็ดอสูร ในตอนนี้เขาอยู่ที่ใด?”
“ผู้ชาย? มีหรือ? เรื่องนี้ข้าน้อยไม่รู้จริงๆ”
“เช่นนั้นผู้นำหลานเล่าอยู่ที่ไหน?” มู่เฉียนซีถามต่อ
“ผู้นำจื่อได้นำยอดฝีมือระดับมหาจักรพรรดิทั้งหมดของกองกำลังเจ็ดอสูรไปปกป้องสนามรบโบราณแห่งที่หกแล้ว ส่วนผู้นำหลานในตอนนี้กำลังบาดเจ็บอย่างหนักและรักษาตัวอยู่ในห้อง”
ดวงตาของมู่เฉียนซีเปล่งประกายออกมา หากไม่มียอดฝีมือระดับมหาจักรพรรดิอยู่จะเป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมที่สุดอย่างแน่นอน
“บอกตำแหน่งที่ผู้นำหลานอยู่แก่ข้า”
หลังจากรู้ตำแหน่งที่ผู้นำหลายพักอยู่แล้ว มู่เฉียนซีก็ได้ใช้ยาเข็มหนึ่งทำให้เขาสลบไป แล้วได้มุ่งไปทางที่ผู้นำหลานอยู่ทันที
ในนั้นล้วนแต่เป็นผู้ได้รับบาดเจ็บและไม่มียอดฝีมือระดับมหาจักรพรรดิเลยแม้แต่ผู้เดียว มู่เฉียนซีจึงบุกเข้าไปได้โดยสะดวกเป็นอย่างมาก
“ใคร?” ทันใดนั้นก็ได้มีคนบุกเข้าไปในห้องของผู้นำหลาน
มู่เฉียนซีเห็นผู้นำหลานที่อยู่บนเตียงนั้นตาบอดไปข้างหนึ่ง นางจึงกล่าวขึ้นอย่างเบาๆ “ผู้นำหลาน ไม่ได้พบกันเสียนานเลย เป็นอย่างไรบ้าง?”
“มู่เฉียนซี!” ทันใดนั้นผู้นำหลานก็ตกใจเสียจนวิญญาณแทบเตลิดเปิดเปิง
“เจ้า….เจ้าอย่าฆ่าข้า เรื่องทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องเลวๆที่พวกหุบเขาหมอเทวดาก่อขึ้นมา เจ้าต้องการล้างแค้นสามารถไปหาหุบเขาหมอเทวดาได้ ข้า…ข้านั้นบริสุทธิ์….”
ตั้งแต่ที่พวกกองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรล้มเหลวในการตามฆ่ามู่เฉียนซี พวกเขาก็ได้โชคร้ายอยู่ร่ำไป
หลังจากถูกซวนอีพิฆาตฆ่ายอดฝีมือไปแล้วไม่น้อย ก็ได้มีมารมาผจญซ้ำเข้าอีก
ถ้าหากมิใช่เพราะว่าพวกนั้นต้องใช้พวกเขาเปิดประตูสนามรบโบราณแห่งที่หกละก็ เกรงว่าพวกกองกำลังเจ็ดอสูรคงจะไม่มีใครเหลือรอดเลยแม้แต่ผู้เดียว
เรื่องทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นความวุ่นวายที่พวกหุบเขาหมอเทวดาหามาให้
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้ายังมีหน้ามาพูดว่าเจ้าบริสุทธิ์?”
“ข้า…. พวกหุบเขาหมอเทวดาใส่ร้ายพวกเราจริงๆ” ผู้นำหลานอยากจะร้องไห้ออกมา
“ข้าจะไม่ไร้สาระมากความกับเจ้าแล้ว ชิงอิ่งอยู่ที่ไหน?”
ในตอนนี้เองผู้นำหลานก็นึกขึ้นมาได้ว่าในมือของตนเองนั้นยังมีโล่มนุษย์อยู่ ดวงตาของเขาฉายแววอันมืดมิดออกมา “ข้ารู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน แต่ถ้าเจ้าอยากช่วยเขาล่ะก็ เช่นนั้นต้องให้ยาแก้พิษแก่ลูกสาวข้า จากนั้นก็ปล่อยข้าไป ให้ข้าได้เป็นหัวหน้าของกองกำลังผู้นำเจ็ดอสูร”
“ข้ารู้เรื่องเช่นนี้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยสำหรับเจ้าเท่านั้น”
มู่เฉียนซียกมือขึ้นมา เข็มยาเข็มหนึ่งได้ไปหยุดจ่ออยู่ที่ดวงตาอีกข้างหนึ่งที่ยังสมบูรณ์ดีของเขา
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นอย่างเย็นชา “ผู้นำหลาน ตอนนี้เจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะมายื่นเงื่อนไขกับข้า ถ้าหากว่าข้าอารมณ์ดีก็จะให้เจ้าได้ตายอย่างสบาย แต่ถ้าหากอารมณ์ไม่ดี เจ้าจะอยู่อย่างทรมานไม่สู้ตายไปเสียยิ่งกว่าลูกสาวของเจ้า”
“พวกเจ้ากองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรได้ตามฆ่าข้าเสียถึงขั้นจนตรอก แล้วคิดที่จะให้ข้าปล่อยเจ้าไปง่ายๆ เจ้ากำลังฝันไปหรืออย่างไร?”
ผู้นำหลานตัวสั่นขึ้นมา เขากล่าว “ที่จริงแล้ว ข้า….ข้าก็ไม่รู้ว่าองครักษ์ผู้นั้นของเจ้าอยู่ที่ใด เขาได้ถูกพี่ใหญ่ซ่อนตัวเอาไว้แม้แต่ข้าเองก็ยังไม่รู้ว่าเขาถูกซ่อนอยู่ที่ไหน”
“อะไรนะ? เจ้าเองก็ไม่รู้?”
“สิ่งที่ข้าพูดล้วนเป็นความจริงและไม่มีเรื่องโกหกเลยแม้แต่น้อยอย่างแน่นอน!”
มู่เฉียนซีคว้าตัวผู้นำหลานเอาไว้แล้วกล่าว “เช่นนั้นคงจะต้องเอาเจ้ามาเป็นตัวประกันเท่านั้นแล้ว และให้ผู้นำจื่อส่งตัวชิงอิ่งออกมา นำทางไป!”
มู่เฉียนซีได้พาผู้นำหลานเข้าไปในเขตหวงห้ามของกองกำลังผู้นำเจ็ดอสูร และนางยังรู้อีกว่าได้มีคนกลุ่มหนึ่งบุกเข้าไปในเขตต้องห้ามล่วงหน้านางไปแล้วหนึ่งก้าว
“ใคร?” เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งสี่พลังกำลังใกล้เข้ามา ผู้นำจื่อจึงกล่าวขึ้นอย่างตึงเครียด
จากนั้นชายผู้หนึ่งก็ได้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพวกเขาราวกับบุรุษแห่งสวรรค์ ทั้งตัวของเขานั้นสวมใส่ชุดคลุมยาวที่มีลวดลายตัดสลับกันอย่างลึกซึ้ง
ที่เห็นอยู่นั้นเป็นผู้ชายชัดๆ แต่ทว่ากลับมีรูปลักษณ์ที่งดงามเป็นอย่างมาก ผู้นำจื่อสามารถมองออกได้ในทันที
ใบหน้าของเฟิงอวิ๋นซิวนั้นเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง ไม่ต้องรอให้นายน้อยของเขาออกคำสั่ง ซวนอีก็ได้ยกมือขึ้นดึงคันศร และยิงทะลุดวงตาของผู้นำจื่อไปในลูกศรดอกเดียว
“อ๊าก!” ผู้นำจื่อร้องโหยหวน ที่ลูกตาของเขานั้นมีเลือดไหลออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“เป็นพวกเจ้า…..พวกเจ้านี่เอง……”
ในครานี้ คนเหล่านี้ของกองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรได้ตื่นตระหนกขึ้นมา ธนูเช่นนี้ หากมิใช่ผู้ที่ลงมือกับพวกเขาคราวก่อนที่ป่าเชียนโยวแล้วจะเป็นใครไปได้อีกเล่า?
ในตอนนี้ผู้นำจื่อไม่กล้าที่จะมองความงดงามของเฟิงอวิ๋นซิวอีกต่อไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะถูกทำให้เสียตาไปข้างหนึ่งแต่เขาก็ยังไม่กล้าที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา
มีมารมาผจญถึงสองเส้นทางเช่นนี้ ไม่รู้ว่ากองกำลังเจ็ดอสูรของพวกเขาจะต้องโชคร้ายไปกี่พบชาติ
“ท่านผู้ยิ่งใหญ่ไว้ชีวิตข้าด้วย!พวกเรานั้นถูกพวกหุบเขาหมอเทวดาล่อลวงถึงได้ลงมือกับมู่เฉียนซี ถ้าหากว่าพวกท่านไว้ชีวิตน้อยๆของพวกเราแล้วละก็ ข้าจะส่งมอบตัวองครักษ์ของมู่เฉียนซีออกมา”
“ข้ารับรองได้ ว่าข้านั้นไม่ได้ทำอะไรกับเขาเลยแม้แต่ขนเส้นเดียว”
ซวนอีตกตะลึงเล็กน้อย เจ้ามดปลวกนี่กลับนึกว่าพวกเขาเป็นพวกเดียวกับมู่เฉียนซี?
และองครักษ์ของมู่เฉียนซีก็กลับถูกพวกนั้นจับตัวไป
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เอาตัวเขาออกมา”
“นายท่าน ถ้าหากว่าข้าปล่อยตัวคนผู้นั้นออกมาแล้ว พวกท่านจะไม่ฆ่า……”
เขากำลังเจรจาเงื่อนไขกับเฟิงอวิ๋นซิว แต่ทว่าเสียงอันเย็นชาที่แจ่มชัดเสียงหนึ่งได้ลอยแทรกขึ้นมา
“ส่งตัวชิงอิ่งออกมาให้ข้า มิเช่นนั้นเกรงว่าผู้นำหลานผู้นี้ของพวกเจ้าจะต้องพิษเสียจนสิ้นชีพ” มู่เฉียนซีได้ดึงตัวผู้นำหลานเดินมาด้วยกัน
เฟิงอวิ๋นซิวและซวนอีมองมู่เฉียนซีด้วยความประหลาดใจ ซวนอีกล่าวขึ้น “เจ้ากลัวที่จะอายุยืนยาวไปหรือ ถึงได้บุกเข้ามาในสำนักนิกายระดับสองด้วยตัวคนเดียว?”
แม้ว่าพลังความแข็งแกร่งของสำนักนิกายระดับสองจะยิบย่อยในสายตาของพวกเขา แต่กับมู่เฉียนซีที่เป็นเพียงระดับจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่สองได้บุกเข้ามาในสถานที่เช่นนี้ นั่นเป็นการรนหาที่ตายเสียจริง
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวขึ้นอย่างเย็นชา “เฉียนซี เจ้าวู่วามนัก”
มู่เฉียนซีกล่าว “ขนาดเจ้าที่รับบาดเจ็บอย่างหนักก็ยังอยากที่จะทำเรื่องที่ต้องการทำให้สำเร็จ ส่วนข้าถึงแม้ว่าศัตรูจะแกร่งกล้า ข้าเองก็มีผู้ที่จำเป็นต้องปกป้อง” เฟิงอวิ๋นซิวตะลึงงัน เห็นอยู่ชัดๆว่าเป็นเพียงแค่ผู้อารักขาผู้หนึ่งเท่านั้น แต่นางกลับใส่ใจถึงเพียงนี้
“มู่เฉียนซี….” ผู้นำจื่อมองนางด้วยความโกรธเกรี้ยวระคนกับความหวาดกลัว
“คาดว่าเจ้าเองก็คงรู้ดีว่าเรื่องทั้งหมดนั้นเป็นปัญหาที่หุบเขาหมอเทวดาก่อขึ้น ขอแค่เพียงพวกเจ้าสาบาน ว่าหลังจากที่ข้าปล่อยตัวองครักษ์ของเจ้าไปแล้ว จากนี้ไปพวกเจ้าจะไม่ทำอะไรพวกเรากองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรแม้เพียงนิดเดียว ข้าจะปล่อยตัวเขาในทันที” นี่เป็นไพ่ตายใบสุดท้ายที่จะทำให้พวกเขามีชีวิตรอดแล้ว
สายตาของมู่เฉียนซีฉายแววอันตรายออกมา “นี่เจ้ากำลังบีบบังคับข้าหรือ?”