“เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถทำให้ผู้นำเจ็ดอสูรอย่างเจ้าให้เป็นผู้นำที่ต้องพิษหมื่นพิษได้ ผลของการที่เอาคู่หูข้ามาข่มขู่ข้า พวกเจ้าไม่มีทางจะรับมันได้”
เห็นได้ชัดว่าเป็นแค่สาวน้อยที่มีพลังขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับสองผู้หนึ่ง ทว่า ในขณะที่นางกล่าววาจานี้ออกมา สามารถทำให้คนของกองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรเหล่านี้ถึงกับเหงื่อเย็นไหลพรากด้วยความหวาดกลัว สั่นสะท้านไปถึงก้นบึ้งหัวใจได้เลย
“นี่ข้าไม่ได้ล้อเล่นกับเจ้า ผู้นำจื่อ เจ้ายินยอมที่จะเดิมพันหรือไม่ ?”
ตอนนี้มือของผู้นำจื่อเต็มไปด้วยเหงื่อ เขาไม่กล้าที่จะเดิมพัน!
ทว่า เขากลัวตาย!
เมื่อมู่เฉียนซีได้เจอตัวแล้ว ด้วยการลงมืออย่างโหดเหี้ยมของสาวน้อยผู้นี้ คิดว่าเขาจะรอดเหรอ
“ผู้นำจื่อคงจะเคยเห็นหลานเยว่หรูแล้วกระมัง! สิ่งที่น่ากลัวที่สุดนั้นไม่ใช่ความตาย!”
เหงื่อเย็นผุดพรายขึ้นทั่วทั้งตัวเขา การตายทั้งเป็น และการทรมานซ้ำแล้วซ้ำเล่านั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่า
สุดท้ายผู้นำจื่อก็ยอมประนีประนอมแล้ว “เด็ก ๆ! ไปนำตัวคนผู้นั้นมาให้ข้า”
เฟิงอวิ๋นซิวมองมู่เฉียนด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย นางทำให้เขารู้สึกว่านางเป็นคนชอบเอาแต่ใจตัวเองราวกับลมมาโดยตลอด นึกไม่ถึงว่านางก็มีมุมที่โหดร้ายเช่นนี้ด้วย
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “เฟิงอวิ๋นซิว ช่างบังเอิญจริง ๆ นึกไม่ถึงว่าพวกเราจะเจอกันอีกครั้ง ครั้งที่แล้วต้องขอบใจเจ้ามากที่ช่วยข้าเอาไว้ ครั้งนี้มีเจ้าช่วยสนับสนุนข้าอีก”
“ต่อให้พวกข้าไม่มา เจ้าก็จัดการได้! แต่มันเสี่ยงอันตรายเกินไป”
“มันเสี่ยงก็จริง แต่พิษของข้าก็ใช่ว่าจะธรรมดาซะที่ไหนกันล่ะ!” แสงเย็นวาบผานด้วยตาของมู่เฉียนซี
หากไม่มีพวกเขาอยู่ด้วย ผู้นำจื่อก็คงจะไม่ยอมประนีประนอมง่าย ๆ คงต้องทรมานกันไปข้างหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับเป็นไปอย่างง่ายดาย
ไม่นานนัก ชิงอิ่งก็ถูกนำตัวมา
ตอนนี้ชิงอิ่งได้หลับใหลไป แม้กระทั่งลมหายใจก็ไม่มี
ซวนอีกล่าว “คนผู้นั้นตายแล้ว ไม่มีลมหายใจแล้ว!”
ผู้นำจื่อเหงื่อไหลพราก เขากล่าว “ถึงแม้ว่าจะไม่หายใจ แต่ใจก็ยังเต้นอยู่ เขาแค่เหนื่อยเกินไปแน่ ๆ ก็เลยหลับใหลไปเช่นนี้ เขายังไม่ตาย!”
“ปล่อยตัวเขาให้ข้า!”
มู่เฉียนซีเดินไปข้าง ๆ ชิงอิ่ง ที่แท้เขาก็สูญเสียพลังไปจนหมดก็เลยหลับใหลไปเช่นนี้
ทว่า เขาในตอนนี้มีหัวใจแล้ว เมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตในหัวใจของเขากำลังส่งพลังแห่งชีวิตให้ชิงอิ่งอย่างต่อเนื่อง หากฟื้นขึ้นมาก็คงจะฟื้นขึ้นมาไม่กี่วัน
แน่นอนว่านางนั้นอยากให้เขาฟื้นขึ้นมาเร็ว ๆ มู่เฉียนยกมือขึ้น ยาส่วนมากที่ติดตัวมาก็ถูกเอาออกมาและยัดใส่ปากชิงอิ่งทั้งหมด
ซวนอีเห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึงไป “นี่นาง……ต่อให้นางอยากจะช่วยเขามากแค่ไหน แต่ก็ไม่ควรยัดยาเข้าไปเช่นนี้ กินเข้าไปมากเช่นนี้ คนผู้นี้จะรับไหวเหรอ”
หลังจากที่ดื่มยาเข้าไปหมด มู่เฉียนซีก็เตรียมใช้เม็ดยาวิญญาณเพิ่ม
ชิงอิ่งได้รับเม็ดยาวิญญาณมากมายเช่นนี้ ทำให้เฟิงอวิ๋นซิวและพวกผู้ที่มีความรู้และเห็นเรื่องราวมาเยอะต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดไป พวกเขาไม่เคยเห็นผู้ใดกินยาวิญญาณไปมากเช่นนี้มาก่อน
นี่เท่ากับกินอาหารเข้าไปมากกว่าสิบกว่ามื้อ มีคนสามารถรับไหวจริง ๆ เหรอ
เรื่องของมู่เฉียนซีก็ได้จัดการเสร็จสิ้นแล้ว เฟิงอวิ๋นซิวมองไปที่ผู้นำจื่อ และกล่าวว่า “เปิดสนามรบโบราณที่หกแห่งดินแดนเหลยโจวเดี๋ยวนี้”
“ไม่ใช่ว่าพวกข้าไม่อยากเปิด แต่พวกข้าได้เปิดไปครั้งนึงแล้ว และมีคนเข้าไปแล้วด้วย หากต้องเปิดขึ้นอีกครั้งมีหวังทั้งสนามรบโบราณที่หกคงต้องพังทลายเป็นแน่” สีหน้าของผู้นำจื่อจนปัญญาเป็นอย่างมาก
มู่เฉียนซีก็คิดว่าถึงเช่นกันว่านอกจากนางแล้วก็ยังมีกองกำลังใหญ่อีกสองกองกำลังจ้องสนามรบโบราณนี้อยู่ด้วย
และหนึ่งในนั้นก็คือเฟิงอวิ๋นซิวและพวก ส่วนอีกกองกำลังหนึ่งก็ได้เข้าไปแล้ว
หากสนามรบโบราณที่หกต้องพังทลายลงจริง ๆ เช่นนั้นพวกเขาก็คงจะคว้าสิ่งใดมาไม่ได้เลย
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “รอข้างนอก!”
หากฝ่ายตรงข้ามได้มาจริง ๆ ก็ต้องแย่งชิงแน่นอน
หากพวกเขาไม่ได้สิ่งใดมา ก็สังหารพวกเขาได้
พวกเขาจะอยู่ที่กองกำลังผู้นำเจ็ดอสูร กองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรก็ไม่กล้าทำให้พวกเขากล้ำกลืนใจแต่อย่างใด ในเมื่อกองกำลังได้สูญเสียมากมายถึงเพียงนี้แล้ว พวกเขาก็จำต้องดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี
หลังจากที่มู่เฉียนซีจัดการกับชิงอิ่งได้เรียบร้อยแล้ว ซวนอีก็เข้ามาและกล่าวว่า “ยังไม่รีบไปอีก!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ตอนนี้สหายข้ายังขยับตัวเคลื่อนไหวไม่ได้ นี่เจ้าจะให้ข้าแบกชายร่างใหญ่เช่นนี้จากไปอย่างนั้นเหรอ ?”
“รีบไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!”
มู่เฉียนซีตอบ “พวกเรามีโชคชะตาต่อกันจึงได้มาเจอกันอีกครั้ง พอดีสหายข้ายังไม่ฟื้น เช่นนั้นก็ให้ข้าอยู่รักษาอาการของเจ้านายเจ้าต่อก็แล้วกัน!”
“นายน้อยไม่ต้องการ”
“ไอ้พวกกลุ่มนั้นที่เข้าไปในสนามรบโบราณที่หก เกือบจะทำลายล้างกองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรพวกนั้น กำลังของพวกมันคงจะแข็งแกร่งมากเลยใช่ไหมล่ะ เจ้าไม่คิดบ้างเหรอว่าหากพลังของเฟิงอวิ๋นซิวฟื้นฟูกลับมาถึงขั้นที่ดีที่สุด เมื่อต่อสู้กับพวกนั้น พวกเจ้าก็จะยิ่งได้เปรียบมาก”
ซวนอีกล่าว “ข้าเถียงเจ้าไม่ได้หรอกนะ แต่เรื่องอันตรายเช่นนี้ พลังของเจ้าเป็นเพียงแค่จักรพรรดิแห่งภูตอย่าได้เข้ามาร่วมด้วยเลยจะดีกว่า รีบออกไปจากสถานที่ที่อันตรายนี้ซะ” กล่าวจบ ซวนอีก็เดินออกไป
สนามรบโบราณนั้นอันตราย สองกองกำลังอันแข็งแกร่งของสองกองกำลังจะสู้รบกัน และสามารถนำไปสู่ของที่เฟิงอวิ๋นซิวผู้นี้ต้องการได้ มู่เฉียนซีคิดเช่นนี้
กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณ!
แสงสลัววาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี หากเป้าหมายของพวกเขาเหมือนกันกับนาง เกรงว่าพวกเขาจะกลับกลายเป็นศัตรู
มู่เฉียนซีเอากระบี่มังกรเพลิงออกมา และพึมพำเบา ๆ กับตัวเองว่า “หากต้องกลายเป็นศัตรูกันจริง ๆ นั่นก็ไร้ซึ่งหนทางแล้ว มังกรเพลิง เจ้าก็ต้องการตัวกระบี่เดิมของเจ้ากลับคืนมาไม่ใช่เหรอ ?”
คมกระบี่สั่นเล็กน้อย คล้ายกับว่ามันกำลังตอบมู่เฉียนซีก็มิปาน
เมื่อถึงเวลา มู่เฉียนซีก็เอาไปให้กับเฟิงอวิ๋นซิว เพื่อปรับสมดุลในร่างกายให้เขา
หลังจากที่เฟิงอวิ๋นซิวดื่มยาหมด เขาก็กล่าวว่า “เฉียนซี รีบออกไปจากที่นี่!”
“ขั้นตอนการรักษานี้ยังเหลือเวลาอีกสามวัน หากข้าจากไปเช่นนี้ ยาถ้วยนี้ก็คงจะเสียโดยเปล่าประโยชน์”
“อีกไม่นาน อันตรายก็จะมาเยือน เมื่อถึงตอนนั้นพวกข้าจะดูแลเจ้าไม่ได้”
“ข้าก็ไม่ได้ต้องการให้พวกเจ้าดูแลข้า ข้าหนีเอาตัวรอดเร็วอยู่แล้ว อีกอย่างคู่หูของข้าเขาปกป้องข้าได้” มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว
“เจ้ายังไม่เข้าใจพวกข้า ยังไม่เข้าใจอันตรายในครั้งนี้ แล้วก็ไม่เข้าใจศัตรูของข้าด้วยว่าพวกนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าไม่ได้เอาความปลอดภัยของตัวเองมาล้อเล่นหรอกนะ ดังนั้นเจ้าระวังตัวด้วย อย่าให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บอีกล่ะ!”
ไม่ว่าจะเป็นเพราะดูแลผู้ป่วยผู้นี้ หรือเพื่อตัวกระบี่ของกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณ มู่เฉียนซีก็จำเป็นต้องอยู่ดูสถานการณ์ที่นี่
ตอนนี้มู่เฉียนซีและพวกนับว่าเป็นผู้ยึดครองพื้นที่ของกองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรในการอยู่ที่นี่ แต่เวลาเพิ่งจะผ่านไปเพียงแค่สองวัน พื้นที่ต้องห้ามของกองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรก็เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น
ผู้นำจื่อกล่าว “พื้นที่ต้องห้ามมีความเคลื่อนไหวแล้ว ประตูสนามรบโบราณที่หกได้เปิดขึ้นแล้ว”
มู่เฉียนซีตกใจผงะไปครู่หนึ่ง “เร็วกว่าที่คาดไว้ อีกเหลือเวลาอีกวันนึงพลังของเจ้าก็จะฟื้นฟูกลับมาแล้ว ลงมือตอนนี้……”
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “ไม่มีปัญหาหรอก!”
“เจ้าอยู่ที่นี่!”
ไม่นานนักเขาก็พาซวนอี ซวนเอ้อร์และซวนซานไป
ผู้นำจื่อรีบตามไปและกล่าวว่า “นายท่าน ต้องการให้พวกข้าช่วยหรือไม่ ?”
พวกคิดจะทำดีเพื่อขอโอกาสให้รอดชีวิต
ซวนอีกล่าว “หากเจ้าช่วย เจ้าก็จะต้องตายเร็วขึ้น เลือกเอาเองเถอะ!”
เฟิงอวิ๋นซิวและพวกมุ่งหน้าไปที่พื้นที่ต้องห้าม มู่เฉียนซีไม่ได้ตามไปในทันที ผู้นำจื่อเข้าไปขวางหน้ามู่เฉียนซีและกล่าวว่า “คุณหนูมู่ พวกเรามาพูดคุยกันดีดีจะได้หรือไม่ ?”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความเย็นชาว่า “พูดคุยอย่างนั้นเหรอ ข้าไม่รู้ว่าต้องพูดอันใดกับเจ้า หลังจากที่เรื่องนี้จบลง กองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรของเจ้าก็จะต้องหายสาบสูญไปจากดินแดนสี่ทิศนี้”
สองวันมานี้นางไม่ได้ลงมือแต่อย่างใด นั่นเป็นเพราะชะตาชีวิตของผู้นำเจ็ดอสูรได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของผู้นำจื่อ “คุณหนูมู่ นี่เจ้าจะไม่ยอมให้พวกข้ามีทางรอดเลยอย่างนั้นเหรอ ?”