ตอนที่ 1134 ลงไปใต้ท้องทะเล โดย Ink Stone_Fantasy
“อูววววว…อูววววว…”
เรือสโนวบรีสเปิดหวูดขึ้นมา
นั่นคือสัญญาณให้ออกเดินเรือ
เรือสี่ลำที่อยู่หัวแถวชักใบเรือขึ้น ก่อนจะแล่นออกไป
อ่าวเครสเซนต์มูน เกาะซันเซต เมืองแชลโล่ววอเทอร์ เกาะทวินดราก้อน…เรือของสมาคมหอการค้าทั้งสี่ล่องตามหลังเรือสโนวบรีส ค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าไปยังทะเลชาโดว์
ทัศนวิสัยที่ตอนแรกเปิดโล่งค่อยๆ พร่ามัวขึ้นมา แสงอาทิตย์เองเบาบางลง เห็นๆ อยู่ว่าเพิ่งจะล่องมาเป็นระยะทางประมาณพันเมตรเท่านั้น แต่กลับเหมือนพวกเขาได้เข้ามาในโลกอีกโลกหนึ่งเลย
ในตอนที่ไอน้ำปกคลุมทั้งดาดฟ้าเรือ คามิล่ารู้สึกว่าอาการสั่นสะเทือนของตัวเรือพลันหยุดไป
“เกิดอะไร…ขึ้นเหรอ?”
“ไม่ต้องห่วง อุปกรณ์ขับเคลื่อนแค่หยุดทำงานไปเท่านั้น” มาร์จอรีเหมือนจะมองเห็นความสงสัยของเธอ “เทคนิคที่สำคัญที่สุดในการล่องเรือที่นี่ก็คือช้า ถ้าเป็นเรือเล็กนั้นไม่ได้ลำบากอะไรมาก แต่ถ้าเป็นเรือใหญ่ล่ะก็ แค่อาศัยความเร็วในการเคลื่อนตัวของน้ำล่องไปข้างหน้าก็พอแล้ว เจ้าลองดูข้างหลัง…”
คามิล่ามองตามนิ้วมือของเธอไป เรือสินค้าที่เพิ่งจะชักใบเรือขึ้นเมื่อครู่นี้ต่างพากันลดใบเรือลงมาครึ่งหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นทิศทางของใบเรือที่กางออกยังแตกต่างกันด้วย นี่เป็นภาพที่ไม่มีทางเห็นได้ในการล่องเรือแบบปกติแน่
นอกจากนี้บนเรือแต่ละลำยังมีการจุดไฟขึ้นที่หัวเรือและท้ายเรือเพื่อใช้ในการระบุตำแหน่งของตัวเอง แต่ถึงจะทำเช่นนั้น เธอก็ยังมองเห็นแค่เรือสองลำแรกเท่านั้น เค้าโครงของเรือลำที่สามพอจะเห็นได้ลางๆ อยู่ในหมอก แสงไฟที่อ่อนแรงดูคล้ายกับหิ่งห้อยที่ส่องแสงได้ไม่แน่ไม่นอน ส่วนเรือลำที่สี่นั้นได้จมหายไปม่านหมอกจนหมด
“พวกเรากำลังไหลลงเนินเหรอ?” คามิล่าถามอย่างสงสัย หลังจากอยู่ที่เกาะสลีปปิ้งมาได้ระยะเวลาหนึ่ง เธอก็พอจะรู้เรื่องเกี่ยวกับทะเลบ้าง ในตอนที่น้ำทะเลที่ขึ้นสูงและกลืนกินถ้ำหรือไม่ก็รอยแตกในทะเล ผิวน้ำก็จะเกิดน้ำวนขึ้นมา ขนาดของมันมีตั้งแต่เล็กเท่านิ้วมือไปจนกว้างหลายเมตร แต่ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ น้ำทะเลที่อยู่รอบๆ ก็จะไหลรวมไปอยู่ตรงกลางของน้ำวน ยิ่งอยู่ใกล้จุดศูนย์กลางก็ยิ่งไหลแรง
ก่อนหน้านี้เธอคิดกว่าท้องทะเลนั้นกว้างใหญ่เกินไป เธอจึงไม่สามารถรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำ แต่ในเวลานี้กองเรือได้เข้ามาในส่วนลึกของทะเลชาโดว์แล้ว แต่ผิวน้ำยังสงบนิ่งอยู่ นี่มันค่อนข้างแปลกประหลาดทีเดียว
เธอถึงขนาดมองเห็นสาหร่ายที่ลอยอยู่บนผิวน้ำกำลังลอยออกไปด้านนอกน่านน้ำ!
นี่หมายความว่าทิศทางของกระแสน้ำนั้นไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงเลย มันไม่เพียงแต่จะไม่ไหลไปรวมกันอยู่ด้านล่างเนิน แต่มันยังไม่มีทีท่าว่าจะไหลย้อนกลับมาด้วย!
“ดูแล้วน่าเหลือเชื่ออย่างมากใช่ไหมล่ะ” มาร์จอรีพยักหน้า “ถ้าการที่น้ำทะเลลดลงนั้นเกิดจากน้ำวนขนาดใหญ่ล่ะก็ พวกเราคงไม่มีทางที่จะเข้ามาสำรวจแน่ เพราะน้ำวนที่สามารถส่งผลกระทบต่อทั้งทะเลอันกว้างใหญ่ได้นั้น มันจะต้องเป็นน้ำวนที่ลึกกว่าขุมนรกแน่ ถ้าเข้าไปก็มีแต่ตายลูกเดียว แต่ก็เป็นเพราะมันแปลกประหลาดแบบนี้นั่นแหละ ธันเดอร์ถึงได้หวังว่าจะสำรวจเจออะไรบ้าง” เธอชะงักไปเล็กน้อย พร้อมกับหันไปมองดูโจนที่เหม่อมองไปนอกทะเล “แต่ความสามารถของมนุษย์นั้นมีขีดจำกัด การจะดำลงไปใต้ทะเลนั้นเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ก็เป็นเพราะความช่วยเหลือของพวกเจ้า ถึงได้ทำให้พวกเรามองเห็นความหวัง”
ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ แต่ที่แห่งนี้มันก็ยังแปลกประหลาดไปหน่อย คามิน่ามองดูเสาหินและโขดหินที่อยู่รอบๆ ภายในใจเธอแอบรู้สึกขนลุกเล็กน้อย ถ้าอยู่ใกล้ๆ เธอก็ยังพอจะมองเห็นรูปร่างของมันได้อย่างชัดเจน แต่พวกโขดหินที่อยู่ไกลออกไปกลับมองเห็นไปแค่เงาดำๆ เท่านั้น เรียกได้ว่าเหมือนกับกรงเล็บของปีศาจที่ยื่นออกมาจากฝันร้ายเลย
“ยา! ปลา! ปลาสีแดง!” จู่ๆ โจนพลันตะโกนขึ้นมา
คามิล่าหันหน้าไป ก่อนจะเห็น ‘แม่น้ำ’ ที่เป็นสีแดงสดปรากฏขึ้นมาตรงด้านขวาของเรือสโนวบรีส ถึงแม้ธันเดอร์จะบอกเรื่องนี้กับเธอเอาไว้ก่อนแล้ว แต่พอได้มาเห็นมันด้วยตาตัวเองจริงๆ เธอก็ยังรู้สึกตกตะลึงอยู่ดี
‘แม่น้ำโกสต์ชาโดว์เรด’
เส้นทางเดินเรือพิเศษที่เกิดขึ้นจากฝูงปลา!
“หยุดเลย ปลาสีแดงนั้นไม่อร่อยหรอกนะ” มาร์จอรีตีหัวโจนเบาๆ “มีแต่ต้องล่องตามแม่น้ำโกสต์ชาโดว์เรดเข้าไปถึงจะไปถึงซากโบราณสถานรูปสามเหลี่ยมได้ เจ้าหญิงทิลลีน่าจะเคยเล่าให้เจ้าฟังแล้วว่าด้านในนั้นมีอุปกรณ์แปลกๆ ที่เหมือนกล้องส่องทางไกลอยู่ มันสามารถมองเห็นทวีปอันกว้างใหญ่ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนได้ และนั่นก็เป็นจุดหมายสุดท้ายของการเดินเรือครั้งนี้”
“พระองค์เคยเล่าให้ข้าฟังแล้ว”
“เสียดายที่จุดหมายของพวกเราในตอนนี้ไม่ใช่โบราณสถานแห่งนั้น ไม่อย่างนั้นเจ้าคงได้ไปเห็นความยิ่งใหญ่และความมหัศจรรย์ของโบราณสถานแห่งนั้นด้วยตาตัวเองแล้ว”
“ไม่…ข้าขอผ่านดีกว่า” คามิล่าพูดตัดบท ถ้าเป็นไปได้ เธอไม่อยากจะมายังน่านน้ำแห่งนี้อีก
“ปฏิกิริยาของเจ้าไม่เหมือนกับเจ้าหญิงทิลลีเลยนะเนี่ย” มาร์จอรีเอามือปิดปากพร้อมพูดขำๆ
หลังล่องเรือมาได้ประมาณสองชั่วโมง เรือสโนวบรีสก็มาตอนอยู่ที่โขดหินขนาดค่อนข้างใหญ่ก้อนหนึ่ง จากนั้นก็เป็นเรือใบสามเสาของสมาคมหอการค้าทั้งสี่ กระทั่งกองเรือทิ้งสมอแล้ว ผู้รับผิดชอบของแต่ละสมาคมก็มารวมตัวกันที่ดาดฟ้าเรือสโนวบรีส
“อยู่กันครบเลยนี่นา” รองกัปตันของเรือสโนวบรีสพูด “ข้านึกว่าพวกเจ้าจะขับเรือขึ้นไปเกยอยู่บนหินโสโครก จากนั้นก็ร้องไห้ให้คนไปช่วยซะอีก”
“กัปตันเรือกับลูกเรือฝีมือเยี่ยมไม่ได้มีแต่พวกเจ้าหรอกนะ” คนของสมาคมหอการค้าทั้งสี่ย่อมไม่ยอมทำเป็นไม่ได้ยินแน่ “เรือเหล็กน่ะมันก็ดีอยู่หรอก แต่คนบนเรือมันก็ไม่แน่ว่าจะดีเหมือนเรือหรอกนะ”
“พอได้แล้ว!” การปรากฏตัวของธันเดอร์หยุดการโต้เถียงลง “การที่สามารถมาถึงนี่ได้อย่างราบรื่นก็ถือว่าดีมากแล้ว ระหว่างทางไม่เจอปัญหาอะไรใช่ไหม?”
“ไม่มี” ผู้รับผิดของของสมาคมพากันตอบออกมา “ครั้งนี้เหมือนจะเงียบจนผิดปกติ แม้แต่ปีศาจทะเลซักตัวก็ไม่มี”
“ข้าเองก็รู้สึกแปลก ปกติมักจะมีลูกเรือคนสองคนที่โชคร้ายถูกมันลากลงทะเลไป”
“หรือว่าเส้นทางเดินเรือที่พวกเราเลือกครั้งนี้มันล่องหลบโบราณสถานแปลกๆ นั่นมา ก็เลยไม่เจอสัตว์ประหลาดพวกนั้น?”
“ฟังดูมีเหตุผล”
ธันเดอร์เงียบไปครู่ ก่อนจะโบกมือบอกให้ทุกคนเงียบลง “ในเมื่อเป็นแบบนั้น อย่างนั้นก็อย่ามัวชักช้ากันเลย น้ำจะลงถึงแค่ตอนช่วงเย็นเท่านั้น ดังนั้นเราจึงควรสำรวจใต้ทะเลก่อนที่จะถึงเวลานั้น ถ้าหากไม่พบอะไร พวกเราก็จำเป็นต้องออกไปจากที่นี่ก่อนที่น้ำจะขึ้น ไม่อย่างนั้นพวกเราจะถูกขังเอาไว้ในทะเลหมู่เกาะนี่จนไปไหนไม่ได้” เขามองไปยังแม่มดทั้งสองคน “โจร เลดี้คามิล่า หลังจากนี้ฝากพวกเจ้าด้วยนะ”
“ยา” โจนพยักหน้าอย่างจริงจัง
“เจ้าช่วยบอกให้คนพวกนั้นเงียบๆ หน่อยก็แล้วกัน” คามิล่ากวาดตามองเหล่านักสำรวจอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าขอบอกเอาไว้ก่อนหน้านะ ข้าต้องใช้สมาธิอย่างมากในระหว่างที่ทำการเชื่อมต่อทางวิญญาณ ถ้ามีใครตะโกนแทรกขึ้นมา ข้าก็จะไม่กลับมาที่นี่อีก!”
เมื่อได้รับการรับรองจากธันเดอร์ เธอก็วางมือไปบนไหล่ของโจนพร้อมกับหลับตาลง หลังอาการวิงเวียนเล็กน้อยผ่านไป ภาพที่มืดมิดในดวงตาของเธอพลันเปลี่ยนเป็นภาพอีกภาพหนึ่ง ซึ่งนั่นเป็นภาพที่โจนมองเห็น
‘ไปเถอะ’ คามิล่าพูดในใจ ‘ถ้าการเชื่อมต่อถูกตัดขาดหรือว่าเจออันตรายอะไรก็ให้รีบกลับมาที่นี่ เข้าใจไหม? อย่าฝืนทำอะไรล่ะ เพื่อนของเจ้ากำลังรอเจ้ากลับไปอยู่นะ’
พอพูดถึงเพื่อนขึ้นมา เธอพลันรับรู้ได้ถึงความมุ่งมั่นใจจิตใจของอีกฝ่ายขึ้นมาทันที ‘เข้าใจแล้วยา!’
จากนั้นโจนก็เขย่งตัวไปด้านหลัง ก่อนจะกระโดดลงไปในทะเล
ความรู้สึกเย็นสบายโอบล้อมตัวคามิล่าไว้
ความเหนื่อยล้าในร่างกายพลันหายไปจนหมด
แต่เธอรู้ว่านั่นเป็นแค่ความรู้สึกที่เธอคิดไปเอง คนที่กำลังรู้สึกมีความสุขนั้นไม่ใช่ตัวเอง หากแต่เป็นโจน…เธอกำลังแบ่งปันความสุขจากโจนอยู่
“เป็นยังไงบ้าง?” ธันเดอร์ถาม
“ตอนนี้ยังราบรื่นอยู่ ความลึกประมาณ 50 เมตร” คามิล่าตอบ “ดูเหมือนของเสาหินพวกนั้นจะไม่ได้ใหญ่ขึ้น พวกโขดหินก็เหมือนกัน…ข้าไม่เห็นพื้นใต้ทะเลหรือว่าเทือกเขาใต้ทะเล พวกเสาหินและโขดหินแยกออกจากกัน”
นี่คือหน้าที่ของเธอ ถึงแม้โจนจะเคลื่อนไหวไปมาใต้น้ำได้อย่างอิสระ แต่เธอกลับไม่สามารถบรรยายสิ่งที่เธอเห็นใต้น้ำออกมาได้ ถ้าอยากจะรู้ว่าอีกฝ่ายมองเห็นอะไร ก็มีแต่ต้องใช้พลังการสะท้อนของวิญญาณเท่านั้น
“ความลึกว่ามากกว่าหนึ่งร้อยเมตร…แสงสว่างน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ภาพที่มองเห็นยังคงชัดเจนอยู่ เสาหินกับโขดหินยังคงยาวลงไปใต้น้ำ ไม่มีวี่แววของก้นทะเล” คามิล่าพูดงึมงำ “บ้าเอ้ย นี่มันจะลึกเกินไปแล้ว บางทีหินโสโครกที่ดูเหมือนเกาะเล็กๆ พวกนั้นอาจจะไม่ใช่เกาะจริงๆ ก็ได้ หากแต่เป็น…”
“เป็นอะไร?” มีคนถามขึ้นมา
เธอกลืนน้ำลาย “เป็นเสาหินที่มีขนาดใหญ่กว่าเท่านั้น”
……………………………………………………………..