ฮอนยืนนิ่งเพราะสะเทือนใจ ยอนจึงเอียงคอด้วยความสงสัยพร้อมกับเรียก ตอนนั้นยุนถึงได้รู้ตัวตนของบุรุษที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน เขารีบลุกขึ้นถวายการคำนับ ตอนแรกเอาแต่นั่งนิ่งเพราะนึกไม่ถึงว่าคนอ้าปากค้างอย่างโง่งมจะเป็นคนเดียวกับพระราชาผู้สง่างามในชุดคลุมมังกรทอง แม้จะเคยเห็นหน้าตามาแล้วก็ตาม
“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
ยังจะกล้าดีมาถวายการคำนับข้าอีกหรือ ถึงจะอยากตะโกนออกไปแบบนั้น แต่ด้วยความที่อีกฝ่ายยังเป็นเด็กจึงตัดสินใจปล่อย ฮอนไม่ชายตามองยุนแม้แต่น้อยและอ้าแขนทั้งสองข้างให้ยอน
“มานี่เร็วยอน พ่อมาแล้ว กลับกันเถอะ”
คิดว่าทำแบบนี้แล้ว ลูกสาวจะวิ่งมากอดพร้อมน้ำตาคลอเบ้า แล้วเอ่ยถามว่าเสด็จพ่อเหตุใดถึงเพิ่งเสด็จมาตอนนี้ ทรงทราบหรือไม่ว่าข้าเศร้าขนาดไหนแน่นอน แต่การตอบสนองของยอนตรงข้ามกับความคาดหวังของฮอนมากทีเดียว
“ทรงปรึกษากับเสด็จแม่แล้วหรือเพคะเสด็จพ่อ”
ประโยคนั้นเหมือนเคยได้ยินบ่อยๆ แม้จะสงสัย แต่ฮอนก็เรียกยอนอีกครั้งด้วยเสียงนุ่ม
“เรื่องนั้นไว้ทีหลังก็ได้ พ่อจะปล่อยให้เจ้ากินนอนอยู่ในภูเขาอันตรายแบบนี้ได้อย่างไรเล่า กลับกันเถอะ เดี๋ยวพ่อให้ขี่หลังจนถึงพระราชวังเลย”
“แต่หม่อมฉันมาที่นี่เพราะกระทำความผิดนะเพคะ พระราชาจะทรงปล่อยผู้ทำผิดเพราะความสัมพันธ์ส่วนตัวได้อย่างไร หม่อมฉันจะไม่ก้าวลงจากภูเขาลูกนี้แม้แต่ก้าวเดียว จนกว่าจะชดใช้ความผิดทั้งหมดและได้รับการอภัยโทษอย่างเป็นทางการเพคะ”
ยอนนั่งลงอีกครั้งหลังเอ่ยปฏิเสธอย่างเด็ดขาด พอมองดูดีๆ แล้วพื้นดินที่อีกฝ่ายนั่งลงมันไม่มีสิ่งใดปูรองเลย เจ้าเด็กบ้านั่นให้ลูกสาวสุดที่รักของข้านั่งบนพื้นดินพื้นทรายอย่างนั้นหรือ ความโกรธเกรี้ยวของฮอนพุ่งเข้าใส่ยุนทันที ทั้งที่ยุนไม่ได้พูดอะไรเลยนอกจากถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท เจ้าตัวจึงรู้สึกไม่ยุติธรรมเป็นอย่างมาก
“นี่ องค์รัชทายาทฮเยกุก”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
“ออกมาซะ นับตั้งแต่ตอนนี้จนถึงวันกลับประเทศ ห้ามเข้าใกล้องค์หญิงเกินสามสิบก้าว”
“เสด็จพ่อ”
ออกคำสั่งกับยุน แต่คนลุกแผดเสียงดังกลับเป็นยอน ฮอนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง แต่ถ้าเทียบกับเรื่องน่าตกใจต่อไปแล้ว เรื่องนี้ถือว่าจิ๊บจ๊อย
“เจ้าตะโกนใส่พ่อหรืออย่างไร”
“เสด็จพ่อต่างหากเพคะ ทำไมถึงทรงสั่งห้ามไม่ให้ท่านพี่ยุนเข้าใกล้หม่อมฉัน หม่อมฉันจะแต่งงานกับท่านพี่!”
ครื้น เปรี้ยง
ฟ้าผ่าในหัวของฮอนจนแผ่นดินสั่นสะเทือน จะแต่งงาน จะแต่งงาน… เสียงของยอนดังก้องทั่วยอดเขาทั้งสี่ทิศก่อนจะพุ่งกลับเข้ามาที่ใบหูเขา
“ฝะ ฝ่าบาท!”
จูฮวานกับบรรดาทหารองครักษ์ที่อยู่รอบๆ รีบเข้ามาประคอง เนื่องจากพระราชาทรงโซเซเพราะรับเรื่องสะเทือนใจไม่ไหว จับตัวเจ้านั่นไปเดี่ยวนี้ ไม่สิ ไปเอาเชือกมัดนักโทษมาเดี๋ยวนี้ข้าจะมัดมันเอง ถ้าพูดแบบนี้ออกไปได้คงจะเยี่ยมมาก แต่น่าเสียดายที่เขาเป็นพระราชา ส่วนเจ้านั่นก็เป็นองค์รัชทายาทของแคว้นอื่น
“พาตัวองค์หญิงไปซะ ให้ทั้งสามคนออกจากที่นี่และกลับพระราชวัง หากมีการรายงานเข้ามาว่าองค์หญิงอยู่ใกล้หรือพูดคุยกับองค์รัชทายาทแห่งฮเยกุกล่ะก็ พวกเจ้าทั้งหมดก็อย่าคิดว่าจะรอด”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
ทหารคุ้มกันประมาณห้าหกคนวิ่งกรูกันเข้าไปแยกยุนกับยอนออกจากกันทันทีหลังขานตอบ
“ยอน! ฝ่าบาท ได้โปรดปล่อยยอนด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
ยุนผลักทหารคุ้มกันออกอย่างเอาเป็นเอาตายและพยายามวิ่งไปหายอน แต่ก็ไม่สามารถฝ่าเหล่าชายฉกรรจ์ที่ยืนปักหลักประหนึ่งกำแพงแข็งแกร่งไปได้ ระหว่างนั้นทหารคุ้มกันสองนายก็จับตัวยอนและพากลับไปที่พระราชวังทันที
“เสด็จพ่อ! ปล่อยสิ ยังไม่ปล่อยอีก! ท่านพี่! ท่านพี่!”
ภูเขาที่เคยเงียบสงบเกิดความโกลาหลขึ้นในพริบตา ไหนๆ ก็จับแยกกันแล้ว ถ้าได้เขกหัวเจ้านั่นคงจะดีไม่น้อย แต่ฮอนก็ต้องเดาะลิ้นด้วยความเสียดายที่ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ก่อนจะกลับวังจานยองอย่างเงียบๆ หลังมั่นใจแล้วว่าเด็กทั้งสามกลับพระราชวังและส่งองค์หญิงเข้าตำหนักเรียบร้อยแล้ว
* * *
“ลงโทษให้ไปอยู่ในที่ทุรกันดาร?”
จิน พระราชาแห่งฮเยกุกอ่านพระราชสาส์นที่ได้รับเมื่อสักครู่ซ้ำไปมา มันถูกเขียนว่าส่งเด็กเกเรทั้งสามไปยังที่ทุรกันดารด้วยลายมือของรยูฮาอย่างแน่นอน คิก คิกๆ อ่านเสร็จก็หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว ทำให้แชยอนสงสัยจนต้องดึงพระราชสาส์นมาอ่านบ้าง
“อะไรกัน”
ทว่าถูกดึงไปประมาณครึ่งเดียวก็โดนจินยื้อไว้แน่น แชยอนแกล้งทำหน้าบึ้งเพื่อให้ดูน่ากลัว แต่อีกฝ่ายกลับไม่สนใจ
“มันไม่ใช่สิ่งที่ให้ไปเฉยๆ ได้นะพระมเหสี”
“มีคนมองอยู่เยอะนะเพคะ”
“แต่ในสายตาข้าน่ะ เห็นแค่เพียงสิ่งนี้เท่านั้น”
จินว่าพลางยิ้มร่า ก่อนจะใช้นิ้วโป้งลูบริมฝีปากล่างของแชยอนจนสีผึ้งสีทับทิมเลอะไปด้านข้างเป็นรอยเปื้อนสีแดง
“ฝ่าบาท!”
“ตายแล้ว เห็นทีคงจะต้องเช็ดให้หน่อยแล้วล่ะ”
จากนั้นก็แลบลิ้นเลียรอยสีผึ้ง ซึ่งไม่มีทางทำให้รอยเปื้อนหาย จึงใช้มือข้างหนึ่งจับพระราชสาส์นไว้แน่นส่วนอีกข้างรั้งหลังคอระหงให้เข้ามาหา แชยอนดิ้นไปมาพร้อมกับผลักออก แต่ถึงจะใช้แรงทั้งหมดที่มีแล้วก็ยังสู้ไม่ได้สักนิด ระหว่างนั้นจินก็ดูดและเลียรอยเปื้อนสีผึ้งหลายต่อหลายรอบ ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนมาข้างๆ จนดูดกลืนริมฝีปากของนางด้วย การจูบอันหยอกเย้ากำลังดำเนินไปเรื่อยๆ เหล่าข้าราชบริพารจำนวนมากรีบโค้งตัวลงและหันหลังทันที
ผ่านไปสักพัก จินถึงยอมปล่อยแชยอนและยื่นพระราชสาส์นให้ อันที่จริงเขาจะอ่านให้นางฟังก็ได้ แต่เพราะว่าชอบเวลาแชยอนอ่านหนังสือจึงไม่ทำเช่นนั้น
“ลงโทษให้ไปอยู่ในที่ทุรกันดารหรือเพคะ ภูเขาด้านหลัง?”
ไล่อ่านพระราชสาส์นลงมาช้าๆ แล้วระเบิดหัวเราะออกมา
“พระมเหสีคงจะสบายใจขึ้นมาแล้วสินะ”
จินพึมพำเสียงเบาพร้อมกับวางมือลงบนหน้าท้องของแชยอน เมื่อไม่กี่เดือนก่อนยังแบนราบอยู่เลย แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดเลยว่ามันนูนขึ้นมาพอสมควรแล้ว ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่ทั้งสองส่งยุนไปยังแทซากุกหลังจากปรึกษากันแล้ว เนื่องจากกังวลว่าองค์รัชทายาทผู้เป็นบุคคลที่มีค่าอย่างยิ่งจนหยิ่งยโส จะอิจฉาและกลั่นแกล้งน้องที่เพิ่งเกิด
“สงสัยจังว่าด้วยนิสัยของเขาแล้ว องค์รัชทายาทจะทำอย่างไร”
คำพูดนั้นทำให้จินนึกถึงสมัยเด็กที่เติบโตมากับรยูฮา รยูฮามีความสามารถแปลกประหลาดมตั้งแต่เด็กแล้ว นั่นคือการทำให้คนตรงหน้าคล้อยตามและเห็นด้วยกับคำพูดของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นใคร หรืออยู่ในฐานะใดก็ตาม หากมีใครสักคนในบรรดาลูกหลายราชวงศ์แทซากุกมีนิสัยคล้ายกับรยูฮาล่ะก็ องค์รัชทายาทก็คงจะบ่น แต่ก็ยอมคล้อยตามเด็กคนนั้นแน่นอน
“อาจจะทำตัวดีจนคาดไม่ถึงก็ได้”
“จริงหรือเพคะ”
“พระมเหสีก็ทรงทราบไม่ใช่หรือว่าไม่มีใครดัดนิสัยผู้อื่นได้เก่งเท่าพระมเหสีแห่งแทซากุกอีกแล้ว”
“นั่นสินะเพคะ”
แชยอนเองก็พยักหน้าเห็นด้วย
อย่างที่พวกเขาคิด องค์รัชทายาทยูยุนมีนิสัยเปลี่ยนไปมากจริงๆ เพียงแต่เขาไม่ได้ทำตัวสงบเสงี่ยมเท่านั้น
“ฝ่าบาท ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ ได้โปรด กระหม่อมขอร้องพ่ะย่ะค่ะ”
ขันทีสูงอายุก้มลงคุกเข่าขอร้อง แต่ยุนกลับไม่สนใจ แม้จะน่ารำคาญเหมือนฝูงยุง ทว่าเมื่อยอมละทิ้งศักดิ์ศรีไปแล้วจึงไม่มีเส้นทางอื่นอีกนอกจากอธิษฐานต่อพระเจ้า