ตอนที่ 10 วิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่า Ink Stone_Fantasy
ตงป๋อเสวี่ยอิงเสาะหาตำราที่คล้ายคลึงกันภายในหอตำราสะสมมาเปิดอ่าน กว่าครึ่งเดือนเขาจึงได้หยุดดู
กว่าครึ่งเดือนนี้ แกะรอยโบราณสถาน ขุมทรัพย์วังมหิงสาชาด… ภายในหอตำราสะสมมีบันทึกอันกระท่อนกระแท่นของโบราณสถานนานาชนิดอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เดาออกว่าส่วนใหญ่ล้วนไม่มีประโยชน์ทั้งสิ้น สิ่งที่บันทึกอยู่นั้นคาดว่าล้วนเป็นที่รู้กันทั่วมาช้านานแล้ว ในระหว่างสงครามประเทศโบราณอันน่าหวาดหวั่นสองครั้ง ในระหว่างนั้นบรรดาผู้แกร่งกล้าจำนวนนับไม่ถ้วนตายตกไป หรือแม้กระทั่งเทพจักรวาลก็พากันตายตกไปกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า เช่น ‘เจ้าของวังมหิงสาชาด’ ก็เป็นหนึ่งในบรรดาผู้มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ที่สุดหลายคนที่ตายตกไป เทพจักรวาลที่ตายไปด้วยน้ำมือเขาก็มีกว่าหลายสิบคน ตงป๋อเสวี่ยอิงประเมินว่าเขาคงจะเป็นระดับขั้นเดียวกันกับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์
นี่ก็ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจว่าที่ดินแดนจิตโลกา ผู้ที่มีระดับขั้นเดียวกันกับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ในประวัติศาสตร์นั้นก็ได้ตายตกกันไปหลายคนเลยทีเดียว
ส่วนผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น เกรงว่าคงมีมากกว่าเสียอีก!
“ดินแดนจิตโลกาที่น่าหวาดหวั่นนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ
ถึงแม้ว่าต่างก็เป็นโลกกำเนิดเหมือนอากาศอันสับสนอลหม่าน แต่พื้นฐานลึกล้ำกว่ามาก มิน่าเล่า โอกาสที่ ‘หยวน’ ทิ้งเอาไว้จึงเป็นการให้ชนรุ่นหลังอย่างตนได้เข้ามายังดินแดนจิตโลกา
“ผู้ที่กลับชาติมาเกิดยังดินแดนจิตโลกาเช่นข้า คงจะมิได้มีอยู่เพียงคนเดียวกระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึง
“นอกจากนี้ ดูเหมือนว่ารัฐเล็กๆ จะไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็พบภยันตรายในนั้นด้วย
รัฐเมฆทักษิณาตั้งอยู่ทางทิศใต้ของ หกรัฐโบราณ ‘รัฐโบราณคิมหันตวายุ’ ทางทิศใต้ของรัฐโบราณคิมหันตวายุจนกระทั่งถึง ‘ทะเลกาฬอเวจี’ มีรัฐประเทศอยู่ทั้งสิ้นสี่แห่ง กับทะเลสาบอันกว้างใหญ่อย่างยิ่งแห่งหนึ่ง
ทะเลสาบขนาดใหญ่แห่งนั้น…
เป็นสถานที่อันตรายซึ่งมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา พื้นที่บริเวณนี้สับสนอลหม่านอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้ยังอยู่ที่นี่ แต่เพียงก้าวเดียวก็สามารถออกไปได้ไกลถึงล้านล้านลี้แล้ว ดังนั้นที่นี่จึงเป็นสถานที่ที่พญามารจำนวนมากพากันมาหลบซ่อนตัวอยู่! อย่างเช่นมารจำนวนมากที่หลบหนีออกมาจากรัฐโบราณคิมหันตวายุ ทั้งยังมีมารจากที่อื่นๆ ในดินแดนจิตโลกาก็พากันมารวมตัวอยู่ที่นี่
ดังนั้นที่นี่จึงถูกเรียกว่า ‘ทะเลสาบมารทมิฬ’ รัฐประเทศทั้งสี่ที่อยู่รอบๆ ก็ถูกเรียกตามไปว่าสี่รัฐมารทมิฬ
ทะเลสาบมารทมิฬ ความกว้างใหญ่ของทะเลสาบมิได้น้อยไปกว้ารัฐประเทศแห่งหนึ่งเลย ที่นี่มีมารอยู่จำนวนนับไม่ถ้วน เทพจักรวาลก็มีอยู่เกือบสิบคน เป็นหนึ่งในสถานที่รวมตัวของมารที่มีชื่อเสียงที่สุดในทั้งดินแดนจิตโลกา หกรัฐโบราณอยากจะกวาดล้างพวกเขาก็เป็นเรื่องยากเย็นยิ่ง
เช่นรัฐเมฆทักษิณา… ก็มีประมุขรัฐเมฆทักษิณา ดังนั้นการที่เหล่ามารของทะเลสาบมารทมิฬจะมาเป็นภัยก็นับได้ว่าน้อยนัก
เหมือนกับ ‘รัฐประกายเพลิง’ แห่งสี่รัฐมารทมิฬ ที่ถึงแม้ว่าจะมีเทพจักรวาลอยู่สามคนเช่นกัน แต่ไม่มีอิทธิพลของประมุขรัฐเมฆทักษิณา รัฐประกายเพลิงจึงเหมือนกลายเป็นสวนดอกไม้หลังบ้านของทะเลสาบมารทมิฬ มารมากระทำการอุกอาจเป็นประจำ ปราการเมืองแต่ละแห่งพังทลายก็เป็นเรื่องที่พบเห็นได้อยู่บ่อยๆ แม้กระทั่งประมุขรัฐประกายเพลิงก็ได้แต่ฝืนทน… เพราะว่าประมุขรัฐประกายเพลิงคนก่อนก็สิ้นชีพด้วยน้ำมือของมารแห่งทะเลสาบมารทมิฬ
ถึงแม้ว่ารัฐเมฆทักษิณาจะดีกว่ามากแล้ว แต่ก็ยังมีการต่อสู้กับทะเลสาบมารทมิฬอยู่บ้าง เพียงแต่ว่าระดับเทพจักรวาลมิได้ลงมือโดยง่ายเท่านั้นเอง
“ภยันตรายรอบด้าน” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายศีรษะน้อยๆ
รัฐประเทศล้วนอาศัยพลังยุทธ์แสดงออกมา
เช่น ‘รัฐเพรียกหิมะ’ แห่งสี่รัฐมารทมิฬนั้นก็มีเทพจักรวาลอยู่ถึงห้าคน พลังยุทธ์ก็กล้าแกร่งเป็นที่สุด ประมุขรัฐเพรียกหิมะเองก็เป็นคนบ้าคลั่งอย่างที่สุด เผชิญหน้ากับรัฐโบราณก็ไม่ยอมหักห้าม เคยรบกับสามรัฐโบราณอย่างต่อเนื่องมาแล้ว! ถึงแม้ว่ารัฐประเทศของตนจะบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน แต่เป็นเพราะการปกป้องชีวิตของตัวประมุขรัฐเพรียกหิมะเองนั้นร้ายกาจเป็นอย่างยิ่ง รัฐเพรียกหิมะจึงยังคงอยู่ได้เช่นเดิม
“น่าอัศจรรย์จริงๆ เคยสู้รบกับสามรัฐโบราณมาก่อน รัฐประเทศชั้นรองอย่างรัฐเพรียกหิมะก็ยังสามารถตั้งตระหง่านอยู่ได้จนถึงบัดนี้” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึง
ประมุขรัฐเมฆทักษิณาและประมุขรัฐเพรียกหิมะต่างก็นับได้ว่าเป็นประมุขที่ล้ำเลิศ
แต่ประมุขรัฐเมฆทักษิณานั้นอ่อนโยนกว่ามากนัก เป็นมิตรต่อทุกฝ่าย เผยแพร่ศาสตร์ลับของตนออกไปอย่างกว้างขวาง ศิษย์ของเขาในหกรัฐโบราณมีอยู่จำนวนนับไม่ถ้วน ดังนั้นเมื่อเทียบกันแล้วรัฐเมฆทักษิณาจึงมีเสถียรภาพมากที่สุด
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงวางตำราลง ในใจตัดสินใจแน่วแน่ “ดูจากตำราที่ข้าอ่านมาตลอดหลายวันนี้ ศาสตร์ลับที่เหมาะสมกับการบำเพ็ญของข้าที่สุดก็คือวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าแล้วล่ะ”
สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ หนึ่งในสิบสำนักใหญ่แห่งดินแดนจิตโลกา
ต้องรู้ไว้ว่าเทพจักรวาลที่เป็นระดับเดียวกันกับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็มีอยู่พอสมควร สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ก็ยังคงถูกจัดเป็นสิบสำนักใหญ่ ก็ย่อมล้ำเลิศไม่น้อย
สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้ก็เป็นเพราะศาสตร์ลับศาสตร์หนึ่งที่ประมุขรัฐเมฆทักษิณาคิดค้นขึ้น…วิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่า ความยิ่งใหญ่ของชื่อเสียงของมันนั้นคาดว่าผู้บำเพ็ญที่มีพลังยุทธ์แกร่งสักเล็กน้อยบนดินแดนจิตโลกาล้วนต้องรู้จักศาสตร์ลับศาสตร์นี้กันทั้งสิ้น ที่รัฐเมฆทักษิณานั้นก็ยิ่งรู้จักกันทุกคน
“สิ่งที่ข้ากระตุ้นก็คือสายโลหิตห้วงอากาศ สิ่งที่ข้าสั่งสมทางด้านห้วงอากาศก็นับได้ว่าลึกล้ำอยู่เหมือนกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงอมยิ้ม “วิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่านี้ก็เป็นศาสตร์ลับทางด้านห้วงอากาศศาสตร์หนึ่ง”
ห้วงอากาศ
กาลมิติและห้วงมิตินั้นเป็นสิ่งที่ผู้บำเพ็ญคนใดๆ ก็ตามล้วนสามารถรับสัมผัสได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ขอเพียงแค่เป็นเทพแท้ ต่างก็สามารถควบคุมกาลมิติและห้วงมิติได้ในระดับหนึ่งอย่างแน่นอน สำหรับดินแดนจิตโลกาของเทพแท้จำนวนนับไม่ถ้วน…การศึกษาศาสตร์ลับทางด้านห้วงอากาศก็ยังง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง บวกกับพลังอำนาจ บำเพ็ญไปถึงจุดที่ลึกล้ำที่สุดก็สามารถควบคุมการเคลื่อนย้ายได้เช่นเดียวกัน
ดังนั้นวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าก็มีศักยภาพในการแพร่หลายโดยกำเนิดอยู่แล้ว
แน่นอนว่าศาสตร์ลับทางด้านห้วงอากาศก็มีอยู่มากมายนัก ที่มันแพร่หลายเป็นวงกว้าง เหตุผลที่แท้จริงย่อมเป็นเพราะเมื่อเทียบกันแล้วมันสามารถบำเพ็ญได้โดยง่ายนั่นเอง!
……
ณ ริมทะเลสาบ ท่านโหวหั่วเลี่ยกำลังตกปลาอยู่
ตงป๋อเสวี่ยอิงขี่สิงห์เมฆาทะมึนเข้ามาอย่างรวดเร็ว ส่วนผู้อาวุโสเถียนและเหล่าองครักษ์ติดตามคนอื่นๆ ต่างก็ดูอยู่ห่างๆ ตงป๋อเสวี่ยอิงกระโดดลงมาแล้วเอ่ยว่า “ท่านโหว ข้าอ่านตำราในหอตำราสะสมมาไม่น้อย คิดได้แล้วว่าจะบำเพ็ญอะไรดี”
“อ้อหรือ เจ้าคิดว่าเจ้าอยากจะบำเพ็ญอะไรล่ะ” ท่านโหวหั่วเลี่ย บุรุษผู้มีผมแดงมองตงป๋อเสวี่ยอิงด้วยรอยยิ้ม
“วิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่า!” ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
“นี่คือศาสตร์ลับที่มีชื่อเสียงที่สุดในรัฐเมฆทักษิณาของข้า และเป็นสิ่งที่ประมุขรัฐคิดค้นขึ้น แต่เหมาะสมกับผู้มีพรสวรรค์ทางด้านห้วงอากาศ” ท่านโหวหั่วเลี่ยมองดูตงป๋อเสวี่ยอิง
อากาศโดยรอบผิวกายของตงป๋อเสวี่ยอิงพลันสั่นสะท้าน กระแสอากาศจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น
ท่านโหวหั่วเลี่ยได้เห็นแล้วก็ดวงตาเป็นประกาย “ฮ่าๆ สิ่งที่เจ้ากระตุ้นก็คือสายโลหิตทางด้านห้วงอากาศ เช่นนั้นก็ไม่มีปัญหาแล้ว ที่รัฐเมฆทักษิณาของข้า ผู้บำเพ็ญวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่านั้นมีอยู่มากมาย แต่การบำเพ็ญนั้นง่ายดายก็จริง แต่ผู้ที่ไปถึงระดับขั้นอันสูงส่งล้ำลึกที่สุดนั้นก็ยังมีน้อยนิด น้อยนิดเป็นที่สุด เจ้าก็ต้องมีสมาธิกับการบำเพ็ญนะ ยังดีที่ในจวนโหวของข้าก็มีผู้บำเพ็ญวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าอยู่มากพอสมควรทีเดียว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงย่อมเข้าใจอย่างแน่นอนอยู่แล้ว
ตัวเขาเองก็เป็นคนของรัฐเมฆทักษิณา อีกทั้งยังกระตุ้นสายโลหิตห้วงอากาศนี้ เดิมทีตนก็มีการสั่งสมทางด้านห้วงอากาศอยู่แล้ว จึงได้เลือกศาสตร์ลับศาสตร์นี้! ถึงแม้ว่าเมื่อเทียบกันแล้วการบำเพ็ญศาสตร์ลับศาสตร์นี้จะง่ายกว่า แต่ก็เป็นเพียงแค่การเปรียบเทียบเท่านั้น… สุดท้ายแล้วเส้นทางการบำเพ็ญก็ขรุขระ แต่อยากจะไปถึงขั้นรวมเป็นหนึ่งชั้นที่แปด…เกรงว่าระดับความยากก็คงพอๆ กันกับขั้นรวมเป็นหนึ่งชั้นที่เจ็ดของทางอากาศอันสับสนอลหม่านที่ตนจากมานั้นแล้ว แต่ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิได้ใส่ใจ แล้วเดินบนเส้นทางความเร้นลับของกฎเกณฑ์ ตนเองก็มีความมั่นใจว่าจะสามารถสำเร็จระดับชั้นที่เก้าขั้นสุดยอดได้
“เจ้าจะไปศึกษาตอนนี้เลยหรือ” ท่านโหวหั่วเลี่ยถาม
“จะไปศึกษาแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยตอบในทันที
“เอาล่ะ ไปสิ ข้าจะพาเจ้าไปยังตำหนักทิพย์เมฆทักษิณา” ท่านโหวหั่วเลี่ยพูด
ท่านโหวหั่วเลี่ยมองพวกผู้อาวุโสเถียนที่อยู่ไกลออกไปปราดหนึ่งแล้วออกคำสั่งว่า “พวกเจ้าก็กลับไปรอยังที่พักของเสวี่ยอิงก่อนเถิด อีกประเดี๋ยวข้าจะส่งเขากลับไปด้วยตัวเอง”
“ขอรับ ท่านโหว” ทุกคนในที่นั้นรับบัญชา
“พวกเราไปกันเถิด”
ท่านโหวหั่วเลี่ยพาตงป๋อเสวี่ยอิงไป
บุรุษผมแดงคนหนึ่งพาตุ๊กตาน้อยตัวหนึ่งไป เคลื่อนที่ผ่านอากาศมุ่งหน้าไปโดยตรงออกไปจากจวนโหว เพียงไม่นานก็มาถึงตำหนักทิพย์เมฆทักษิณาภายในเมืองอัคคีโชติแห่งนั้น
ตำหนักทิพย์เมฆทักษิณา ถึงแม้ว่าจะเป็นหกรัฐโบราณ ก็มืปราการเมืองน้อยกว่าอยู่บ้าง แต่ก็ยังมีตำหนักทิพย์เมฆทักษิณาอยู่แห่งหนึ่ง รับผู้บำเพ็ญจากทุกสารทิศเข้ามาบำเพ็ญ แต่คิดอยากจะบำเพ็ญไปให้ถึงระดับที่สูงส่งล้ำลึกที่สุด…โดยทั่วไปก็ต้องมาจากรัฐเมฆทักษิณา
และภายใน ‘รัฐเมฆทักษิณา’ นอกจากสั่งสอนชี้แนะศิษย์แล้ว ตำหนักทิพย์เมฆทักษิณาก็ยังดึงดูดระบบการจัดการพิเศษของผู้บำเพ็ญที่กล้าแกร่งให้มาเข้าร่วมในตำหนักทิพย์ ก็หมายความว่ามาสวามิภักดิ์ต่อประมุขรัฐ ก็มีสิทธิประโยชน์พิเศษต่างๆ นานา
และผู้ที่รับหน้าที่ดูแลตำหนักทิพย์เมฆทักษิณาในเมืองอัคคีโชติก็คือหนึ่งในสองยักษ์ใหญ่แห่งเมืองอัคคีโชติ ‘ฉุนอวี้เว่ยอี’
“พรึ่บ”
บุรุษผมแดงผู้หนึ่งกับตุ๊กตาน้อยตัวหนึ่งยืนอยู่ที่ประตูตำหนักทิพย์เมฆทักษิณา
“ท่านโหวมาด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ” บุรุษร่างผอมสูงผู้สวมชุดเกราะสีเทาคนหนึ่งเดินออกมา ระหว่างที่เขาเดิน ตลอดร่างก็คล้ายกับมีดเล่มหนึ่งที่ตัดแหวกผ่านอากาศ บริเวณที่เขาผ่านไปนั้น อากาศก็ไหลแหวกเปิดออกไปยังสองข้างทาง สายตาเขาจับอยู่บนร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงพลางพูดยิ้มๆ “นี่ก็คือคุณชายน้อยอิงซานเสวี่ยอิงกระมัง ถือกำเนิดออกมาก็เป็นเทพอากาศแล้ว เลิศล้ำยิ่งนัก ท่านโหวพาเขามาหาข้าที่นี่อย่างนั้นหรือ”
“เสวี่ยอิงเขาตัดสินใจแล้วว่าจะคารวะเข้าสู่สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์” ท่านโหวหั่วเลี่ยก็พูดยิ้มๆ
“ดีๆๆ มาๆๆ เข้ามาคุยกันก่อนสิ” ฉุนอวี้เว่ยอีนำทางอย่างกระตือรือร้นในทันที
……………………………………….