น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถเอื้อนเอ่ยความยากลำบากของตนเองออกไปได้ ทำได้เพียงแค่เสแสร้งว่าตนเองเย็นชาไม่รู้สึกรู้สาอะไร ทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดไปกับ ‘การใหญ่’ เพื่อให้สกุลสุ่ยของเรารุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไปเท่านั้น
ทั้งที่แท้ที่จริงแล้ว ร่างกายไม่เอื้ออำนวยต่างหาก!
“ละ…แล้วหลังจากนั้นละ?” สุ่ยเจ๋อซีเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น
ในเวลานี้เขารู้สึกได้ถึงความตื่นตัวของอาวุธประจำกายของตนเองที่กำลังแข็งตัวตั้งชันขึ้นมาราวกับว่า ได้กลับไปเป็นหนุ่มอีกครั้ง ความอัดอั้นที่ร้อนระอุนั้นกำลังแผดเผาเขา
“ข้าจะปรุงยาอีกชุดเพื่อช่วยให้นายท่านฟื้นฟูร่างกาย! ทั้งหมดให้เป็นหน้าที่ของข้า!” ได้ฟังการรับรองจากตี้อู่เฮ่ออี้ สุ่ยเจ๋อซีก็วางใจเกินร้อย
แม้ว่าเขายังอยากที่จะไต่ถามให้ละเอียดอีกสักหน่อยว่ายังต้องใช้เวลาอีกเท่าไหร่กันแน่ในการักษา และต้องกินยาอีกนานเท่าไหร่จึงจะสามารถปฏิบัติการได้ แต่ทว่า ร่างกายของเขาไม่ยอมให้เขาเสียเวลาอีกต่อไปแล้ว
“รบกวนท่านแล้ว ท่านหมอเทวาดาเหอ…”
รู้สึกได้ถึงความร้อนระอุในร่างกาย สุ่ยเจ๋อซียิ้มให้กับตี้อู่เฮ่ออี้ สื่อความหมายว่าเข้าใจทุกสิ่งอย่างโดยมิไม่ต้องเอื้อนเอ่ยคำพูดใดออกมา หลังจากนั้นก็เขาวิ่งแจ้น ‘ฟี้ว’ ตัวปลิวหายไปอย่างรวดเร็วราวกับสายลม
เขาต้องการหญิงสาวมาทดสอบประสิทธิภาพอย่างเร่งด่วนว่าตนเองหายดีแล้วจริงหรือไม่ เขาจะต้องกุมอำนาจเบ็ดเสร็จเอาไว้ในมือ
สถานีแรก สุ่ยเจ๋อซีตรงเข้าไปหาฮูหยินเอกของเขา หมี่หลานถึงที่ห้อง
“ท่านพี่ วันนี้ท่านมาได้อย่างไรเจ้าคะ?”
ในมือของอีกฝ่ายกำลังถักถุงกำยานและเมื่อนางสาวเท้าเข้าไปหาสุ่ยเจ๋อซี ก็ถูกสุ่ยเจ๋อซีอุ้มขึ้นแล้วนำไปวางลงบนเตียงไม้สาลี่ขนาดใหญ่ทันที
“ท่านพี่ นี่ยังกลางวันอยู่เลยนะเจ้าคะ…” แต่งงานกันมาตั้งหลายปี หมี่หลานยังไม่เคยเห็นสุ่ยเจ๋อซีกระตือรือล้นมากเท่านี้มาก่อน
ปัญหาของสุ่ยเจ๋อซี หมี่หลานที่เป็นเมียเอกย่อมรู้ดี เพียงแต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องถึงศักดิ์ศรีแห่งความเป็นชายชาตรี นางจึงทำได้เพียงแค่สงบปากสงบคำ เก็บงำความทุกข์เอาไว้เพียงลำพังเท่านั้น
วันนี้เมื่อได้เห็นการกระทำของสุ่ยเจ๋อซี หมี่ลี่ก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
“กลางวันสิดี! ฮูหยิน มาให้พี่รักเจ้าให้หนำใจสักหน่อยเถอะนะ!” ยังไม่ทันที่หมี่ลี่จะเข้าใจอะไร เสื้อผ้าของนางก็ถูกสุ่ยเจ๋อซีดึงรั้งลงมาเสียแล้ว
“นะ นี่คือ…” ดวงตาของหมี่ลี่เบิ่งกว้าง
แต่สุ่ยเจ๋อซีไม่มีเวลาที่จะมาอธิบายอะไรมากมายให้นางฟัง เพียงไม่นาน ก็เกิดเสียง ‘เอี๊ยดๆ’ ดังออกมาจากเตียงหลังใหญ่
ก่อนที่นายท่านจะกลับออกไป สุ่ยเจียงเห็นกับตาอย่างชัดเจนว่ารีบร้อนราวกับราชสีห์เตรียมขยับเหยื่อ เขาจึงรู้ได้ในทันทีว่า เหออี้ คือหมอเทวดาคนหนึ่งนี่เอง!
ผลลัพธ์ในการรักษาของเขาเห็นผลรวดเร็วชัดเจนยิ่งนัก!
ครั้นเมื่อตี้อู่เฮ่ออี้เขียนใบสั่งยาให้ สุ่ยเจียงก็ไม่สนใจอะไรอีกต่อไปเขารีบวิ่งออกไปจัดหายามาทันที
ตอนนี้ที่เรือนของสุ่ยเยว่เอ๋อร์จึงหลงเหลือเพียง สุ่ยเยว่เอ๋อร์ ตี้อู่เฮ่ออี้และเชียนเย่เสวี่ยเท่านั้น
ด้วยเพราะสำรับที่เตรียมไว้สำหรับสุ่ยเยว่เอ๋อร์มีปัญหาเล็กน้อย ชิงถิงก็ต้องไปที่ห้องครัวเพื่อกำกับควบคุมด้วยตัวเอง นั่นจึงเป็นโอกาสที่คนทั้งสามได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง
และเมื่อครู่นี้ เชียนเย่เสวี่ยก็ได้แอบหยิบกุญแจพวงใหญ่ที่เอวของสุ่ยเจ๋อซีมาพิมพ์เอาไว้เป็นที่เรียบร้อย
“เจ้าทึ่ม ดูไม่ออกเลยนะเนี่ยว่าเจ้าจะเก่งกาจถึงเพียงนี้!” เชียนเย่เสวี่ชื่นชมกับทักษะในการล่อหลอกของตี้อู่เฮ่ออี้ไม่ขาดปาก
เขามีรูปร่างหน้าตาที่ใสซื่อ แลดูเป็นคนดีที่ไร้ซึ่งพิษภัยใดๆ ต่อให้พูดโกหกก็ไม่มีใครสงสัย ถึงกระมั่งว่าสามารถเขียนจดหมายถึงอวี้เฟยเหยียนต่อหน้าต่อตาสุ่ยเจ๋อซีได้ ตี้อู่เฮ่ออี้ฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก!
“ต่อไปเจ้าคงจะไม่ล่อหลอกข้าใช่ไหม!”
เมื่อได้ต้นแบบพิมพ์รูปร่างของกุญแจมาแล้ว ก็ทำให้เชียนเย่เสวี่ยดีใจเป็นอย่างมาก เพราะก้าวแรกของงานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีและเมื่อนางอารมณ์ดีจึงเริ่มหลอกเย้าล่อเล่นขึ้นมา
“ไม่มีทาง! ข้าจะหลอกลวงเจ้าได้อย่างไรกัน!”
การล้อเล่นของเชียนเย่เสวี่ย ตรงกันข้ามกลับทำให้ตี้อู่เฮ่ออี้ร้อนใจขึ้นมาทันที เขารีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธอย่างเร็วพลัน!
“ข้าไม่มีอะไรปิดบังเจ้าอย่างแน่นอน! เจ้าต้องเชื่อข้านะ!”
เมื่อเห็นว่าตี้อู่เฮ่ออี้คิดเป็นจริเป็นจัง เชียนเย่เสวี่ยก็ถึงกับยิ้มออกมา
“เจ้าทึ่ม! ข้าล้อเจ้าเล่นเท่านั้นเอง! ข้าเชื่อใจเจ้าอยู่แล้ว!”
เมื่อเห็นการหยอกเอินระหว่างคนรักของตี้อู่เฮ่ออี้และเชียนเย่เสวี่ยแล้ว สุ่ยเยว่เอ๋อร์ก็นึกอิจฉาพวกเขาอยู่ไม่น้อย
เมื่อไหร่กันนะที่นางและอวี้ซิงฉงจะได้รักกันอย่างอิสระเสรีเช่นนี้บ้าง!
ได้แบบพิมพ์กุญแจมาแล้ว เหลือก็เพียงแค่ตามหาช่างทำกุญแจก็จะสามารถทำกุญแจออกมาเท่านั้น!
เชียนเย่เสวี่ยยกแบบพิมพ์ขึ้นมาด้วยความดีใจ
“พวกเรายังมีเวลา ข้าจะออกไปหาช่างทำกุญแจ!”
“ช้าก่อน!”
สุ่ยเยว่เอ๋อร์เรียกเชียนเย่เสวี่ยเอาไว้
“ข้าคิดว่า เรื่องนี้ข้าน่าจะสามารถช่วยอะไรได้!”
สุ่ยเยว่เอ๋อร์หยิบแบบพิมพ์ลูกกุญแจในมือของเชียนเยว่เสวี่ยมาพินิจดูอย่างละเอียดหลังจากนั้นก็หัวเราะขึ้นท่าทางประหม่าเล็กน้อย
“ตอนที่ข้ามีเวลาว่างโดยไม่รู้จะทำอะไรนั้นก็มักจะชอบแกะสลัก ข้าจะลองแกะสลักไม้จากต้นสาลี่เป็นรูปกุญแจนี้ดู แต่ไม่รู้ว่าจะใช้ได้หรือไม่เท่านั้นเอง!”
ได้ยินสุ่ยเยว่เอ๋อร์กล่าวเช่นนี้ เชียนเย่เสวี่ยจึงเพิ่งจะสังเกตว่าภายในห้องส่วนตัวของสุ่ยเยว่เอ๋อร์มีของแกะสลักวางประดับอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นรูปคน รูปพืช รูปสัตว์ ซึ่งแต่ละอันเหมือนจริงราวกับมีชีวิต
‘ของพวกนี้ล้วนแต่เป็นฝีมือของสุ่ยเยว่เอ๋อร์?’
เมื่อเห็นสายตาคาดไม่ถึงของเชียนเย่เสวี่ย สุ่ยเยว่เอ๋อร์ก็ยิ่งเขินอายมากยิ่งขึ้น
นางไม่มีงานอดิเรกอื่นใด จะมีก็เพียงแต่รักในการแกะสลักเท่านั้น
“ว่ากันตามหลักการแล้วก็น่าจะใช้ได้ แม้ว่าวัสดุจะไม่เหมือนกันก็ตาม แต่ประสิทธิภาพน่าจะเหมือนกัน เยว่เอ๋อร์ เจ้าลองดูเถอะ!”
เชียนเย่เสวี่ยสนับสนุนสุ่ยเยว์เอ๋อร์
“หากไม่สำเร็จขึ้นมา พวกเราค่อยไปหาช่างทำก็ยังไม่สาย”
“ดี!” สุ่ยเยว่เอ๋อร์พยักหน้า
สามารถมีส่วนร่วมในการช่วยเหลืออวี้ซิงฉง ทำให้สุ่ยเยว่เอ๋อร์ดีใจเป็นอย่างมาก
ในที่สุดนางก็ได้ทำอะไรเพื่อคนรักบ้างแล้ว!
นับตั้งแต่ที่สุ่ยเจ๋อซีกลับออกมาจากเรือนของสุ่ยเยว่เอ๋อร์นั้น ก็เอาแต่ตักตวงความสุขจากหมี่หลานไม่หยุด หลายครั้งหลายคราว จนสุดท้ายหมี่หลานหมดเรี่ยวแรงทานทนไม่ไหว จนต้องอ้อนวอนสุ่ยเจ๋อซีให้หยุดทีเดียว
แต่ความอดอยากปากแห้งของสุ่ยเจ๋อซีไหนเลยจะอิ่มเอมได้ง่ายๆ ดังนั้น สาวใช้สองคนที่รับใช้ข้างกายของหมี่หลานจึงโดนเขาเก็บกวาดไปด้วย
จวบจนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนกลางคืน สุ่ยเจ๋อซีถึงได้หยุด เขารู้สึกสดชื่นสบายตัว กระชุ่มกระชวยอย่างที่สุด
มองดูหญิงทั้งสามคนที่นอนหมดเรี่ยวแรงอ่อนปวกเปียกในห้องแล้ว เกียรติภูมิของความเป็นชายชาตรีในใจของสุ่ยเจ๋อซีก็พุ่งขึ้นมาอีกครั้ง
ในที่สุดเขาก็ทำได้!
ทำกิจกรรมรักเป็นระยะเวลานานทำให้ท้องของสุ่ยเจ๋อซีว่างเปล่าหิวโหย เขาจึงเรียกให้คนนำอาหารเข้ามา เพิ่มพลังให้ตนเองได้อิ่มท้องเอาไว้ก่อน สุดท้ายจึงค่อยเอนกายนอนลงบนเตียง สีหน้าสุขสม
“ท่านพี่ วันนี้เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ?”
หมี่หลานร่างอ่อนระทวยนอนอยู่ข้างกายสุ่ยเจ๋อซี ตอนนี้ทั่วสรรพางค์กายของนางอ่อนนุ่มราวกับดินเหนียวอย่างไรอย่างนั้น
นี่คือ น้ำหล่อเลี้ยงที่ราดรดหัวใจที่แห้งเ**่ยวมานานของหมี่หลานให้ชุ่มฉ่ำอีกครั้ง!
หลายปีที่ผ่านมาไม่เคยสุขสมเช่นนี้มาก่อน
เมื่อเห็นใบหน้าที่อิ่มเอิบของฮูหยินของตนแล้ว สุ่ยเจ๋อซีก็พึงพอใจยิ่งนัก มีชายคนไหนบ้างที่มิต้องการให้ตนเองเป็นดั่งราชสีห์อันทรางพลังในสนามรัก ทำให้ผู้หญิงต้องฝ่ายสยบอยู่ใต้ร่างของตนเองบ้างเล่า!
ดังนั้น สุ่ยเจ๋อซีจึงเล่าเรื่องที่ตนเองรับหมอเทวดามาคนหนึ่งให้กับหมี่หลานฮูหยินของเขาได้ฟังอย่างหมดเปลือก
“ท่านพี่ คนเก่งเช่นนี้ท่านต้องรั้งเอาไว้ให้จงได้นะคะ! เขาคือดาวโชคดีแห่งสกุลหมี่! ท่านไม่เพียงแต่ต้องรั้งเขาเอาไว้ ทั้งยังต้องดีกับเขาให้มากๆ!”
หมี่หลานที่ได้ปลดปล่อยจนสุขสมเต็มอิ่ม แน่นอนว่าย่อมต้องการที่จะครอบครองความสุขเช่นนี้ตลอดไป